วันที่ 21 พฤศจิกายน 2024

เฟสบุ๊ค เตรียมเปิดตัวระบบใหม่ควบคุมการใช้งานที่มากเกินไปของกลุ่มเด็กและวัยรุ่น

People Unity News : 14 ตุลาคม 2564 เฟสบุ๊ค เตรียมเปิดตัวระบบใหม่สำหรับแพลตฟอร์มต่างๆของตน ที่มีจุดประสงค์ในการควบคุมการใช้งานที่มากเกินไป เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อสุขภาพและสภาพความเป็นอยู่ในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น

หลังจากประกาศเมื่อปลายเดือนที่แล้วว่าบริษัทตัดสินใจระงับโครงการอินสตาแกรมสำหรับเด็กไว้ก่อน เฟสบุ๊ค เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวระบบควบคุมใหม่ๆ ให้เป็นทางเลือกสำหรับบรรดาผู้ปกครองที่จะใช้ในการควบคุมการใช้ทั้ง เฟสบุ๊ค และอินสตาแกรม ในกลุ่มบุตรหลานของตน

นิค เคล็กก์ รองประธานเฟสบุ๊ค ด้านกิจการต่างประเทศ แย้มความถึงระบบควบคุมใหม่นี้แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ระหว่างออกเดินสายให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNN และ ABC ของสหรัฐฯ มาตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับระบบอัลกอริทึมของเฟสบุ๊ค และข้อกล่าวหาที่ว่า ระบบดังกล่าวมีบทบาทในการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ ให้กับประชาชนก่อนเกิดเหตุการณ์จลาจลที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 6 มกราคม

เคล็กก์ บอกกับ CNN ว่า ทางบริษัทให้ความสำคัญต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆมาโดยตลอด แต่ต้องยอมรับว่า บริษัทไม่ได้มีอำนาจวิเศษใดๆ ที่จะทำให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบได้ โดยสิ่งที่ทำได้คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งหลายให้มีความปลอดภัยและให้ผู้ใช้งานรู้สนุกเพลิดเพลินมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ผู้บริหารเฟสบุ๊ครายนี้เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงทุนเม็ดเงินถึง 13,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อทำให้แพลตฟอร์มต่างๆของตนมีความปลอดภัย ทั้งยังจ้างพนักงานถึง 40,000 คนเพื่อคอยดูและตรวจสอบงานด้านนี้

การออกเดินสายให้สัมภาษณ์ของเฟสบุ๊คครั้งล่าสุดนี้มีขึ้น หลังอดีตลูกจ้างบริษัทผู้พัฒนาและให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ชั้นนำแห่งนี้ กล่าวหาว่า เฟสบุ๊ค มุ่งเน้นแต่กำไรมากกว่าความปลอดภัยของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มต่างๆของตน ระหว่างการขึ้นให้ข้อมูลต่อวุฒิสภาสหรัฐฯในประเด็นดังกล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

จอช โกลิน ผู้อำนวยการของ Fairplay ซึ่งเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสิทธิของเด็ก ให้ความเห็นว่า ระบบควบคุมใหม่ๆที่ เฟสบุ๊ค มีแผนจะเปิดตัวนั้นไม่น่าจะมีประสิทธิภาพดังหวัง เพราะเด็กๆสมัยนี้ต่างสร้างบัญชีใช้งานที่เป็นความลับไม่ให้ผู้ปกครองทราบอยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่า ผู้ใหญ่จะไม่มีโอกาสได้ใช้งานระบบใหม่ๆที่ว่านี้ได้ตามจุดประสงค์

Advertising

คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เดินทางด้วยรถไฟ ถึงรัสเซียแล้ว

People Unity News : 12 กันยายน 2566 มอสโก – สำนักข่าวเรีย โนวอสติ ของทางการรัสเซียรายงานวันนี้ว่า รถไฟขบวนที่นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือเดินทางไปด้วยนั้น เข้าประเทศรัสเซียแล้ว

เรีย โนวอสติ รายงานว่า รถไฟเดินทางข้ามชายแดนจากเกาหลีเหนือไปยังแคว้นพริมอร์สกี้ของรัสเซียแล้ว โดยภาพถ่ายแสดงให้เห็นขบวนรถไฟสีเขียวเข้มถูกลากไปตามรางโดยหัวรถจักรของการรถไฟรัสเซีย เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาเชื่อว่า ขบวนรถไฟของนายคิม จะเข้าประเทศรัสเซียในวันนี้

สื่อของทางการรัสเซียรายงานว่า นายคิม จะพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียในสัปดาห์นี้ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า รัสเซียน่าจะขอจัดซื้อกระสุนปืนใหญ่และขีปนาวุธต่อต้านรถถังจากเกาหลีเหนือ ซึ่งต้องการเทคโนโลยีล้ำสมัยด้านดาวเทียมและเรือด้ำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เป็นการตอบแทน ขณะนี้นายปูตินอยู่ที่เมืองวลาดิวอสต็อก เพื่อข้าร่วมการประชุมประจำปีด้านเศรษฐกิจ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า ผู้นำรัสเซียและเกาหลีเหนือจะหารือกันในประเด็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนที่ไม่ควรเปิดเผยต่อสาธารณชนหรือประกาศอย่างเปิดเผย และจะไม่สนต่อคำเตือนใด ๆ ของสหรัฐ หลังจากที่สหรัฐกล่าวว่า เกาหลีเหนือจะต้องชดใช้หากจัดหาอาวุธให้กับรัสเซียเพื่อใช้ในการรบกับยูเครน

Advertisement

กษัตริย์มาเลเซียแต่งตั้ง “อันวาร์ อิบราฮิม” เป็นนายกฯ คนใหม่

People Unity News : 24 พฤศจิกายน 2565 กัวลาลัมเปอร์ สมเด็จพระราชาธิบดีอัล-สุลต่าน อับดุลลาห์ แห่งมาเลเซีย ทรงแต่งตั้ง นายอันวาร์ อิบราฮิม หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านมาเลเซีย ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของมาเลเซียในวันนี้ โดยนายอันวาร์เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำมาเลเซียในเวลา 17.00 น. วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น

สำนักพระราชวังมาเลเซียระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า กษัตริย์มาเลเซียทรงแต่งตั้งนายอันวาร์ อิบราฮิม ประธานกลุ่มปากาตัน ฮาราปัน ที่เป็นฝ่ายค้านและประกอบด้วยคนหลายเชื้อชาติ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของมาเลเซีย หลังจากที่พระองค์ได้ทรงหารือร่วมกับเจ้าผู้ครองรัฐในมาเลเซียทั้งหมด 9 รัฐ โดยนายอันวาร์เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำมาเลเซียในเวลา 17.00 น. วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวจะทำให้นายอันวาร์ วัย 75 ปี ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกหลังลงเล่นการเมืองมายาวนานถึง 30 ปี และเผชิญกับจุดพลิกผันในเส้นทางการเมืองนับตั้งแต่ที่เคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีไปจนถึงตกเป็นนักโทษจากความผิดจากพฤติกรรมร่วมเพศทางทวารหนักและกลายเป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้านมาเป็นเวลานาน และถือเป็นการสิ้นสุดสถานการณ์ที่ไม่มีพรรคใดได้คะแนนเสียงที่ชัดเจน หรือที่เรียกกันว่า สภาแขวน นับตั้งแต่เสร็จสิ้นการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันเสาร์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายอันวาร์เคยถูกขัดขวางไม่ให้เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียหลายครั้งหลายครา แม้ว่าเขาอยู่ในจุดรุ่งโรจน์บนเส้นทางการเมืองในตอนนั้น เช่น เมื่อครั้งที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในช่วงคริสต์ทศวรรษหลังปี 1990 และเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการในปี 2561 อย่างไรก็ดี นายอันวาร์เคยถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาเกือบ 10 ปีในความผิดจากพฤติกรรมร่วมเพศทางทวารหนักและทุจริตทางการเมือง ซึ่งเขาอ้างว่าถูกใส่ร้ายโดยมีแรงจูงใจเพื่อมุ่งเป้าทำลายอาชีพนักการเมือง

Advertisement

“ปูติน” เตือนจะโจมตีเป้าหมายใหม่ ถ้าตะวันตกให้จรวดพิสัยไกลแก่ยูเครน

ไฮไลท์การเมือง : 6 มิถุนายน 2565 ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย เตือนว่า รัสเซียจะโจมตีเป้าหมายใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยโจมตีมาก่อน หากชาติตะวันตกจัดส่งขีปนาวุธพิสัยไกลขึ้นให้แก่ยูเครน

สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานว่า ประธานาธิบดีปูตินให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์รอสสิยา-1 ของทางการที่ออกอากาศเมื่อวันเสาร์ว่า หากชาติตะวันตกเริ่มจัดส่งขีปนาวุธพิสัยไกลขึ้นให้แก่ยูเครน รัสเซียจะโจมตีเป้าหมายใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยโจมตีมาก่อน แต่ไม่ได้ระบุเป้าหมายดังกล่าวอย่างชัดเจน และว่าการที่สหรัฐและบางประเทศจะจัดส่งเครื่องยิงจรวดล้ำสมัยให้แก่ยูเครนจะไม่ทำให้การสู้รบในสมรภูมิเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นฐาน เพราะเป็นเพียงการชดเชยเครื่องยิงที่ยูเครนสูญเสียไป และยืดเวลาการสู้รบออกไปเท่านั้น

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า สหรัฐจะจัดส่งเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องอัตตาจรที่มีความแม่นยำสูงให้แก่ยูเครน ตามที่ยูเครนรับปากว่าจะไม่นำไปใช้โจมตีเป้าหมายในดินแดนรัสเซีย ก่อนหน้านี้ยูเครนแจ้งว่า ต้องการเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องอัตตาจรอย่างเอ็ม 270 (M270) และเอ็ม 142 (M142) สำหรับโจมตีกำลังพลและคลังแสงที่อยู่ท้ายขบวนกองกำลังรัสเซีย

Advertisement

ปูตินส่งเรือติดขีปนาวุธความเร็ว ‘ไฮเปอร์โซนิก’ มุ่งหน้ามหาสมุทรแอตแลนติก

People Unity News : 5 มกราคม 2566 ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียส่งเรือลาดตระเวณ ติดขีปนาวุธนำวิถีความเร็ว ‘ไฮเปอร์โซนิก’ รุ่นใหม่มุ่งหน้าไปยังมหาสมุทรแอตเเลนติก ในวันพุธซึ่งเป็นสัญญาณไปยังโลกตะวันตกว่า รัสเซียจะไม่ผ่อนท่าทีในสงครามยูเครน ตามรายงานของรอยเตอร์

ขณะนี้ รัสเซีย จีน และสหรัฐฯ กำลังเเข่งขันกันพัฒนาอาวุธความเร็ว ‘ไฮเปอร์โซนิก’ ซึ่งเร็วกว่าการเดินทางของเสียงอย่างน้อย 5 เท่า เพื่อความได้เปรียบทางทหาร

รอยเตอร์รายงานว่า ปูตินระบุถึงศักยภาพของอาวุธดังกล่าว ที่ติดไปกับเรือฟริเกตของรัสเซียชื่อ ‘Admiral of the Fleet of the Soviet Union Gorshkov’ ระหว่างการประชุมผ่านระบบวิดีโอกับรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เซอร์เก ชอยกู และอิกอร์ โครคห์มอล ผู้บัญชาการเรือลำดังกล่าว

โดยอาวุธ ‘ไฮเปอร์โซนิก’ นี้มีชื่อว่า ‘เซอร์คอน’ (Zircon) ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของโครงการอาวุธความเร็วสูงของรัสเซีย

ผู้นำรัสเซียกล่าวด้วยว่า “ผมมั่นใจว่า อาวุธที่มีอานุภาพขนาดนี้จะสามารถปกป้องรัสเซียอย่างหวังผลได้ หากมีภัยคุกคามภายนอกเกิดขึ้น”

ปูตินระบุอีกว่า อาวุธดังกล่าวยังไม่มีประเทศใดสามารถเทียบชั้นกับรัสเซียได้

ทั้งนี้ ในยูเครนรัสเซียใช้ขีปนาวุธความเร็ว ‘ไฮเปอร์โซนิก’ อีกชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่าคินซอล (Kinzhal)

รัฐมนตรีชอยกู กล่าวว่า เรือฟริเกต Gorshkov จะเดินทางไปยังมหาสมุทรแอตเเลนติกและมหาสมุทรอินเดีย รวมถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีภารกิจหลักคือต้านภัยคุกคามต่อรัสเซีย และรักษา “สันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคร่วมกับมิตรประเทศ”

ชอยกูกล่าวว่า ขีปนาวุธ ‘เซอร์คอน’ มีความเร็วสูงถึง 9 เท่าของเสียง และยิงได้ไกลว่า 1,000 กิโลเมตร

รายงานของหน่วยงานวิจัยของรัฐสภาสหรัฐฯ U.S. Congressional Research Service ระบุว่า ขีปนาวุธ ‘ไฮเปอร์โซนิก’ ของรัสเซียกับจีนถูกออกเเบบมาเพื่อใช้กับหัวรบนิวเคลียร์

เนื่องจากมีความเร็วและศักยภาพในการหลบหลีกสูง จึงเป็นการยากที่จะยิงสกัดจรวด ‘ไฮเปอร์โซนิก’

ประเทศอื่น ๆ ที่กำลังพัฒนาอาวุธชนิดเดียวกันนี้ ได้เเก่ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี เกาหลีใต้ เกาหลีเหนือ และญี่ปุ่นตามข้อมูลของหน่วยงานวิจัยดังกล่าว

Advertisement

ปูตินเตือนชาติตะวันตก “รัสเซียจะยกเลิกสัญญาซื้อขายทั้งหมด” เพื่อตอบโต้มาตรการลงโทษชุดใหม่

People Unity News : 3 พฤษภาคม 65 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้มีคำเตือนไปถึงชาติตะวันตกว่า รัสเซียจะยกเลิกสัญญาการซื้อขายสินค้าและพลังงานทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการตอบโต้อย่างเข้มแข็งที่สุดของรัสเซียต่อมาตรการลงโทษต่างๆ ที่สหรัฐฯและชาติพันธมิตรนำมาใช้กับรัสเซียในช่วงกว่าสองเดือนที่ผ่านมา

ปธน.ปูติน ลงนามในกฎหมายฉบับใหม่ในวันอังคาร ซึ่งจะห้ามการส่งออกสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ ไปยังบุคคลและนิติบุคคลที่อยู่ในรายชื่อผู้ที่ถูกทางการรัสเซียลงโทษซึ่งปูตินสั่งให้รัฐบาลกรุงเครมลินจัดทำขึ้นภายใน 10 วัน

โดยกฎหมายดังกล่าวซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที จะมอบอำนาจให้รัฐบาลรัสเซียในการยกเลิกสัญญาการส่งออกสินค้าที่ทำไว้กับผู้ที่ถูกลงโทษจากรัสเซีย

ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า กฎหมายใหม่นี้คือการตอบโต้ต่อ “การกระทำผิดกฎหมายของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร” ที่มีจุดประสงค์เพื่อจำกัดสิทธิในสินทรัพย์ของสหพันธรัฐรัสเซีย พลเมืองของรัสเซียและนิติบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมายของรัสเซีย

ที่ผ่านมา มาตรการตอบโต้ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่รัสเซียนำมาใช้กับชาติตะวันตก คือการตัดการขนส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่โปแลนด์และบัลแกเรีย รวมทั้งการบังคับให้ประเทศในยุโรปจ่ายค่าก๊าซจากรัสเซียด้วยเงินรูเบิลเท่านั้น

คำเตือนของผู้นำรัสเซียในครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่บรรดาผู้นำยุโรปกำลังร่วมประชุมในกรุงบรัสเซลล์เพื่ออนุมัติข้อเสนอให้ใช้มาตรการลงโทษชุดใหม่ซึ่งจะมุ่งเป้าไปที่ภาคพลังงานของรัสเซีย โดยอาจรวมถึงการคว่ำบาตรน้ำมันดิบทั้งหมดจากรัสเซีย

ข้อมูลจาก Centre for Research on Energy and Clean Air ระบุว่า นับตั้งแต่รัสเซียบุกรุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ประเทศในสหภาพยุโรปยังคงซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นมูลค่าราว 47,000 ล้านยูโร

ทางด้านประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวปราศรัยผ่านวิดีโอเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ภาคพลังงานของรัสเซียยังคงถูกยกเว้นจากการลงโทษของชาติตะวันตก และรัสเซียยังคงใช้รายได้จากส่วนนี้ในการสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน

ที่มา: รอยเตอร์

Advertisement

จีนตอบโต้ ‘นาซา’ กล่าวหาโครงการอวกาศจีนเป็นโครงการ “ทางทหาร”

People Unity News : เมื่อไม่นานนี้ จ้าวลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่าจีนคัดค้านคำกล่าวอันไร้ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่องค์การนาซา (NASA) เกี่ยวกับโครงการอวกาศของจีน หลังจากมีรายงานว่า บิล เนลสัน ผู้อำนวยการองค์การฯ อ้างว่าโครงการอวกาศของจีนนั้นเป็นโครงการอวกาศ “ทางทหาร”

จ้าวระบุว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์การฯ เพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงและใส่ร้ายจีน โดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯบางส่วนกล่าวร้ายป้ายสีการดำเนินงานด้านอวกาศอันเป็นปกติและสมเหตุสมผลของประเทศอื่นๆอย่างต่อเนื่อง และจีนคัดค้านคำพูดที่ไม่มีความรับผิดชอบดังกล่าวอย่างเด็ดขาด

จ้าวระบุว่าเนลสัน ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานการบินและอวกาศของสหรัฐฯ ควรตระหนักถึงประวัติศาสตร์อันดำมืดของโครงการอวกาศสหรัฐฯ บทบาทเชิงลบของสหรัฐฯในการสร้างขยะอวกาศ ปลุกปั่นการแข่งขันสะสมอาวุธในอวกาศ และบ่อนทำลายเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ระดับโลก รวมถึงก่อให้เกิดภัยคุกคามขนาดใหญ่ต่อการใช้ทรัพยากรในอวกาศอย่างสันติ

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯนิยามว่าอวกาศนั้นเป็นอาณาเขตการต่อสู้อย่างเปิดเผย เร่งรัดการจัดตั้งกองกำลังอวกาศ พัฒนาและปรับใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ในอวกาศอย่างอุกอาจ และต่อต้านการเจรจาเอกสารทางกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอวกาศมาเนิ่นนาน ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารในอวกาศกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง

จ้าวระบุว่าสหรัฐฯได้สร้างอุปสรรคขัดขวางความร่วมมือด้านอวกาศ คว่ำบาตรหน่วยงานอวกาศของประเทศอื่นๆโดยพลการ และออกกฎหมายจำกัดความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านอวกาศกับจีน สวนทางกับจีนที่สนับสนุนการใช้ทรัพยากรในอวกาศอย่างสันติ ต่อต้านการแข่งขันสะสมอาวุธในอวกาศ และกระตุ้นการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันในอวกาศ

นอกจากนั้นจ้าวย้ำว่าการสำรวจอวกาศของจีนมุ่งตอบสนองความต้องการอันชอบด้วยกฎหมายด้านเศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความมั่นคงของประเทศ โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของจีนนั้นประสบความสำเร็จด้วยตนเอง ซึ่งสิทธิและความสำเร็จของอุตสาหกรรมนี้มิควรถูกเคลือบแคลงสงสัยหรือถูกใส่ร้ายได้

“เรากระตุ้นเตือนเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แบกรับความรับผิดชอบของการเป็นประเทศขนาดใหญ่อย่างจริงจัง ทบทวนและแก้ไขคำพูด รวมถึงการกระทำเชิงลบในอวกาศของฝ่ายสหรัฐฯ และมีส่วนสนับสนุนการปกป้องสันติภาพและความมั่นคงในอวกาศที่ยั่งยืน” จ้าวกล่าว

Advertisement

สีจิ้นผิงเตรียมเข้าร่วมประชุม G20 ในอินโดฯ และ APEC ในไทย

People Unity News : 12 พฤศจิกายน 2565 เมื่อวันศุกร์ (11 พ.ย.) ฮว่าชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงข่าวว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะเดินทางเยือนเกาะบาหลีของอินโดนีเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 14-17 พ.ย. ตามคำเชิญของโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย

ต่อจากนั้นประธานาธิบดีสีจิ้นผิงจะเดินทางเยือนกรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Leaders’ Meeting หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก) และเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 17-19 พ.ย. ตามคำเชิญของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย

อนึ่ง ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงจะเข้าร่วมการหารือระดับทวิภาคีกับเหล่าผู้นำประเทศต่างๆ ได้แก่ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มากี ซาล ประธานาธิบดีเซเนกัล และอัลแบร์โต เฟอร์นันเดซ ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ระหว่างการเดินทางข้างต้นด้วย

Advertisement

เกาหลีเหนือประกาศส่งอาวุธและกำลังพลไปประชิดเกาหลีใต้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 23 พฤศจิกายน 2566 โซล – เกาหลีเหนือเผยจะส่งอาวุธใหม่ ๆ และกำลังพลที่แข็งแกร่งขึ้นไปยังชายแดนด้านติดกับเกาหลีใต้ ขณะที่เกาหลีใต้เผยว่า เกาหลีเหนือได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซียทำให้ส่งดาวเทียมจารกรรมทางทหารเข้าสู่วงโคจรได้สำเร็จ

สำนักข่าวกลางเกาหลีหรือเคซีเอ็นเอ (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนือเผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมเกาหลีเหนือว่า การที่เกาหลีใต้ระงับข้อตกลงทางทหารบางส่วนที่ทำไว้กับเกาหลีเหนือเมื่อ 5 ปีก่อน และจะติดตั้งอุปกรณ์ตรวจตราและสอดแนมบริเวณชายแดนโดยทันที ถือเป็นการกระทำที่ไร้ความยั้งคิด ดังนั้นเกาหลีเหนือจะระงับข้อตกลงดังกล่าวทั้งหมดโดยจะไม่ปฏิบัติตามอีกต่อไป และจะเสริมความมั่นคงชายแดนโดยทันที ด้วยการเพิ่มกำลังพลทรงอานุภาพมากขึ้นและยุทโธปกรณ์ประเภทใหม่ ๆ ตามเส้นแบ่งเขตแดนทางทหารที่แบ่ง 2 เกาหลี

ด้านสำนักข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ชี้แจงต่อสมาชิกรัฐสภาว่า การปล่อยดาวเทียมมันลียง-อิล (Malligyong-1) ของเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนประสบความสำเร็จ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่า ดาวเทียมทำงานได้จริง ตามที่เกาหลีเหนืออ้างว่า ดาวเทียมได้ส่งภาพถ่ายฐานทัพสหรัฐบนเกาะกวม หน่วยข่าวกรองระบุว่า หลังจากที่นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือเดินทางไปพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียในเดือนกันยายน เกาหลีเหนือได้ส่งพิมพ์เขียวและข้อมูลการปล่อยดาวเทียม 2 ครั้งแรกที่ล้มเหลวไปในเดือนพฤษภาคมและสิงหาคมไปให้รัสเซีย จากนั้นรัสเซียได้วิเคราะห์และส่งคำแนะนำกลับไปให้เกาหลีเหนือ ทำให้เกาหลีเหนือปล่อยดาวเทียมจารกรรมสำเร็จ

Advertisement

โพลชี้ อเมริกันชนหนุน ‘คว่ำบาตรรัสเซีย’ น้อยลง หลังกระทบเศรษฐกิจ

People Unity News : 1 มิถุนายน 2565 ผลสำรวจจากสำนักข่าวเอพี-ศูนย์วิจัยกิจการสาธารณะนอร์ก เมื่อไม่นานนี้ เปิดเผยว่าชาวอเมริกันที่สนับสนุนการลงโทษรัสเซีย กรณีความขัดแย้งกับยูเครน มีจำนวนน้อยลง หากการลงโทษดังกล่าวกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ผลสำรวจชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการให้ความสำคัญต่อการคว่ำบาตร โดยปัจจุบันผู้ใหญ่สหรัฐฯ ร้อยละ 45 กล่าวว่าความสำคัญอันดับแรกของประเทศควรเป็นการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ขณะร้อยละ 51 ระบุว่าการคว่ำบาตรควรจำกัดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ เทียบกับเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งผู้เข้าร่วมสำรวจร้อยละ 55 กล่าวว่าการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดควรเป็นความสำคัญอันดับแรกของประเทศ

รายงานระบุว่าความคิดเห็นที่เปลี่ยนแปลงไปสะท้อนว่าราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นกำลังกระทบต่อหลายครัวเรือนในสหรัฐฯ หลังการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ได้สร้างความตึงเครียดด้านการเงินแก่ประชาชนหลายล้านคน

Advertisement

 

Verified by ExactMetrics