วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2025

“อนุทิน” ลั่น​มหาดไทย​มีระบบป้องกันเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎร หลังแก๊งโอริโอ้แฮกข้อมูล

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 29 มกราคม 2568 “อนุทิน” ลั่น​มหาดไทย​มีระบบป้องกันเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎร มองแก๊งโอริโอ้ อาจแฮกข้อมูล​ ไม่สนลูกหลานใครทำผิดไม่ได้ทั้งนั้น​ บอกต้องเชือดแน่​ หากพบคนมหาดไทยมีเอี่ยว

นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รอง​​นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีสื่อออนไลน์ เผยแพร่ข้อมูลกลุ่มวัยรุ่นโอริโอ้ ที่เล่นเกม Five M อินกับเกมและมีพฤติกรรมก้าวร้าว มีข้อมูลบุคคลที่เป็นเป้าหมาย โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎรและบุกไปทำร้าย ลงภาพโชว์ในโลกโซเชียลว่า การเข้าถึงทะเบียนราษฎรมีลำดับชั้นของการใช้ข้อมูลระดับหนึ่ง​ ซึ่ง​น่าจะเป็นปัญหาจาก Gateway หรือเครือข่าย ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทราบเรื่องคงจะดำเนินการ แต่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ขอให้ความมั่นใจว่า ข้อมูลเหล่านี้ไม่มีหลุดออกไป เพราะคนที่จะเข้าถึงข้อมูลได้จะต้องมีวัตถุประสงค์มีขั้นตอนอนุมัติในการเข้าถึงระบบ

ส่วนแก๊งโอริโอ้ที่มีการถ่ายหน้าจอสำนักทะเบียนราษฎรโชว์ในโซเชียล เป็นการแฮ็ก หรือใช้รหัสเข้านั้น​ นายอนุทิน​ กล่าวว่ารหัสเข้าคงเป็นไปไม่ได้ อาจจะมีการแฮ็ก หรือทำขึ้นมา ก็ถือเป็นเรื่องดี ที่มีข้อมูลแบบนี้ออกมา ซึ่งต้องไปตรวจสอบ เรามีความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตลอดเวลาอยู่แล้ว และเรื่องนี้ถ้ามีคนในกรมการปกครอง หรือกระทรวงมหาดไทย มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ต้องเชือดแน่นอนอยู่แล้ว สำหรับคนที่เอาข้อมูลทะเบียนราษฎรเหล่านี้ออกจากหน่วยงานราชการ พร้อมยกตัวอย่างสมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่มีการนำข้อมูลผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลไปเผยแพร่ ได้มีการดำเนินการเอาผิดลงโทษอย่างเต็มที่

ส่วนที่แก๊งโอริโอ้ อ้างว่าเป็นลูกหลานตำรวจ ซึ่งตำรวจสามารถเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎรได้นั้น​ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าว่าแต่ลูกตำรวจ ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกหลานตำรวจ เป็นลูกหลานนายอำเภอลูกหลานผู้ว่าฯ ทำผิดไม่ได้ทั้งนั้น​ อ้างอะไรไม่ได้ เป็นลูกใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น

Advertisement

นายกฯ แพทองธาร ส่งความสุขตรุษจีน 2568

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 27 มกราคม 2568 ปีมะเส็งเจิดจรัส! นายกฯ แพทองธาร ส่งความสุขตรุษจีน 2568 ชูมิตรภาพไทย-จีน เติมพลังครอบครัวและโอกาสแห่งความฝัน

วันนี้ (27 มกราคม 2568) เวลา 08.30  น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวอวยพรเนื่องในเทศกาลวันตรุษจีน ประจำปี 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวสวัสดีปีใหม่พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวจีนทุกคน เนื่องในโอกาสวันตรุษจีน ปีพุทธศักราช 2568 ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน พร้อมขอส่งความรักและความปรารถนาดีมายังชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวจีน ทั้งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ

เทศกาลตรุษจีน เป็นช่วงเวลาพิเศษที่สมาชิกในครอบครัวได้มาอยู่พร้อมหน้ากัน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองการเข้าสู่ปีใหม่ ก่อเกิดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ตลอดทั้งปีมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา รวมทั้งยังแสดงถึงสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม และความผูกพันที่ชาวไทยและชาวจีนมีต่อกันมาอย่างยาวนาน

นายกรัฐมตรีจึงหวังให้ความสัมพันธ์นี้ดำรงอยู่อย่างแนบแน่น เป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกัน อันจะนำไปสู่ความร่วมมือของการสร้างสรรค์สิ่งที่เกิดประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศไม่รู้จบ

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีอวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง มีครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุข คิดและหวังในสิ่งใดขอให้สมความปรารถนา กิจการรุ่งเรือง มั่งคั่ง ร่ำรวย และขอให้ได้ใช้เวลาในช่วงเทศกาลตรุษจีนเติมเต็มความสุข เติมเต็มพลังกาย และพลังใจ ให้มีความเข้มแข็ง เพื่อร่วมสร้างสรรค์ประเทศไทยให้เป็นประเทศแห่งโอกาสที่จับต้องได้ เป็นประเทศที่ทุกคนสามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ และเป็นประเทศที่คนไทยทุกคนมีกิน มีใช้ มีเกียรติ และมีศักดิ์ศรีอย่างเท่าเทียมกัน

Advertisement

นายกฯ สั่งด่วน 8 กระทรวง – กทม. ระดมสรรพกำลังแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 มกราคม 2568 นายกฯ ไม่นิ่งนอนใจปัญหา PM 2.5 วิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากดาวอส สั่งการทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังแก้ปัญหา ทำทุกมาตรการให้เกิดผลโดยเร็ว

วานนี้ (23 ม.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ประชุมร่วมกับรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความว่า กรณีฝุ่นควันประเทศไทย ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะทราบดีว่านี่คือวิกฤติสุขภาพของคนไทยทั้งประเทศ ระหว่างประชุม WEF ก็ได้มีการหารือกับทีมรัฐบาลในประเทศเป็นระยะ โดยวันนี้ได้ขอให้ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังแก้ไขฝุ่นควันทันที

เบื้องต้นให้รองนายกฯ อนุทิน ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ใช้กลไกตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บริหารสถานการณ์ฝุ่นควัน และเร่งจัดตั้งศูนย์ทำหน้าที่สื่อสารให้ข้อมูลกับประชาชน เพื่อให้คำแนะนำด้านการปฏิบัติตัว รวมถึงมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ผ่านช่องทางที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย โดยให้ท่านรองนายกฯ ภูมิธรรม เป็นที่ปรึกษา

และเพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีความต่อเนื่อง ให้ท่านรองนายกฯ อนุทิน ร่วมกับรองนายกฯ ประเสริฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ กำหนดมาตรการเฉพาะหน้าที่จะให้ความช่วยเหลือประชาชน และบรรเทาสถานการณ์ให้ดีขึ้นโดยเร็ว ควบคู่ไปกับการติดตามการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น ตามมติ ครม. และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งประชุมกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วย ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประสานกับรัฐมนตรีอาเซียน ขอความร่วมมือแก้ปัญหาเรื่องนี้ร่วมกัน ขณะที่ในระยะสั้นนี้ ขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาปัญหา ดังต่อไปนี้

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ตัดสินใจทันทีเรื่องการประกาศหยุดเรียนของนักเรียนในสังกัด กทม. ให้ กทม.ใช้ 9 มาตรการ เช่น เข้มงวดตรวจวัดตรวจจับรถยนต์ควันดำทุกประเภท ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนที่กำหนด, ขอความร่วมมือทำงานหรือปฏิบัติงานในที่พัก (Work From Home), เข้มงวดตรวจตราควบคุม ไม่ให้มีการเผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภท

กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำเนินมาตรการงดการรับซื้ออ้อยไฟไหม้ และกวดขันโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและปราบปรามเข้าตรวจสอบเป็นระยะ

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บังคับใช้กฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวดกับผู้เผาป่า เผาตอซังข้าว ข้าวโพด อ้อยและพืช ในทุกหมู่บ้านทุกอำเภอทั้งประเทศ และตั้งศูนย์ปฏิบัติการในพื้นที่ 14 กลุ่มป่า ตั้งจุดเฝ้าระวังไฟในพื้นที่ป่า และแผนการจัดจ้างคนในชุมชนประจำจุดเฝ้าระวังอีก 1,585 จุด ดำเนินคดีกับผู้เผาป่า ด้วยกฎหมายป่าไม้ที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ และบังคับใช้กฎหมายกับผู้เผา อาทิ กฎหมายสาธารณสุข กฎหมายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และประมวลกฎหมายอาญา โดยให้รายงานสถิติการจับกุม

กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการห้ามนำเข้าอ้อยไฟไหม้ รวมทั้งพืชเกษตรอื่นๆ ที่ผ่านการเผาอย่างเด็ดขาด และให้ตรวจสอบตามด่านพรมแดนที่มีการนำเข้าอย่างเข้มงวด

กระทรวงคมนาคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้กวดขันจับกุม ห้ามใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะรถปิคอัพ รถโดยสาร รถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่ปล่อยควันดำ รวมทั้งรถโดยสารของ ขสมก. และรถร่วมบริการเส้นทางต่างๆ ที่อยู่ในความดูแลของรัฐ โดยขอให้ตรวจสอบและกวดขันการจับคุมอย่างเข้มงวด และในกรุงเทพมหานคร ขอให้กองบังคับการตำรวจจราจรตั้งด่านตรวจควันดำใน 4 มุมเมืองของกรุงเทพมหานคร

กระทรวงมหาดไทย กำชับให้ กทม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ควบคุมการก่อสร้างในเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันการปล่อย PM 2.5 จากไซต์งานก่อสร้าง รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดให้กับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เผาและให้รายงานสถิติการดำเนินการ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขอให้ขึ้นบินปฏิบัติการต่อเนื่องในการเจาะชั้นบรรยากาศเร่งระบายและลดการสะสมของฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ กรมการข้าว และ กรมฝนหลวง และการบินเกษตร ลงพื้นที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรในการทำเกษตรกรรมแบบปลอดการเผา

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พัฒนา Platform ฐานข้อมูลกลางเกี่ยวกับ hotspot และ ventilation โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม หรือ low cost sensors เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ในการแก้ปัญหาการฟุ้งกระจายของ PM 2.5 อย่างบูรณาการ กระทรวงการต่างประเทศ หารือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อร่วมมือและให้ความช่วยเหลือในการลดปัญหาฝุ่นควันข้ามพรมแดน

กระทรวงสาธารณสุข ให้ สธ. ทั่วประเทศ คุมเข้ม 5 มาตรการ

(1) ให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขเตรียมพร้อม

(2) เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกและสร้างความรอบรู้ภัยสุขภาพ

(3) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ (สสจ.) จัดทีมปฏิบัติการทางการแพทย์ลงพื้นที่ดูแลกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง

(4) ขยายบริการด้านการแพทย์สาธารณสุขให้ครอบคลุม เช่น เพิ่มห้องปลอดฝุ่น มุ้งสู้ฝุ่น

(5) สนับสนุนอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่างๆ เช่น หน้ากากอนามัย อย่างเร่งด่วนต่อไป

ฝุ่นควัน คือวาระแห่งชาติ รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจและจะเดินหน้า ทำทุกมาตรการให้เกิดผลโดยเร็ว

Advertisement

ครม.เห็นชอบ แก้กฎหมายรองให้เสร็จภายใน 1 เดือน เตรียมพร้อมรับพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 14 มกราคม 2568 ทำเนียบ – “ประเสริฐ” เผย ครม.เห็นชอบ “ดีอี – มท. – กฤษฎีกา” พิจารณากฎหมายระดับรองให้เสร็จภายใน 1 เดือน รับพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ตามข้อเสนอแนะของกระทรวงดีอี เรื่องการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับพนันออนไลน์ โดยข้อเสนอแนะดังกล่าวเห็นชอบให้แก้ไขกฎหมายระดับรอง ก่อนที่จะมีการแก้ไขกฎหมายใหญ่ต่อไป สำหรับการแก้กฎหมายระดับรองให้ 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงดีอีทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการกฤษฎีกา

ทั้งนี้กฎหมายระดับรอง คือพระราชกฤษฎีกาซึ่งอาจต้องให้ ครม.พิจารณา แต่หากเป็นกฎกระทรวงก็ไม่ต้องเข้า ครม. ซึ่งคิดว่าจะใช้เวลาดำเนินการภายใน 1 เดือน

นายประเสริฐ ยังกล่าวว่า สำหรับการแก้พนันออนไลน์ เช่น พนันบอลที่คนไทยเล่นกันมากในโลกออนไลน์ หรือการพนันอื่นๆที่อยู่ในโลกออนไลน์ทั้งหมด หรือโครงสร้างการพนันที่เป็นระบบดิจิทัล หรือสรุปแล้วเอาของใต้ดินที่เป็นเงินไม่ถูกต้องมาไว้บนดินให้หมด ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้เสียภาษี

เมื่อถามว่า 3 หน่วยงานดำเนินการเรื่องนี้ถือว่าน้อยไปหรือไม่ เพราะมีมิติที่กระทบต่อสังคม และต้องรับฟังความเห็นประชาชนด้วยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราเข้าใจอยู่ เบื้องต้นแม้จะมี 3 หน่วยงาน แต่หากเกิดผลกระทบในส่วนอื่นๆ ก็สามารถเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมได้อีก ส่วนการรับฟังความคิดเห็นประชาชน คิดว่าเมื่อ ครม.เห็นชอบแล้วหน่วยงานต่างๆก็ทำงานได้เลย แต่ถ้าจำเป็นก็ถามได้

เมื่อถามว่า เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมถึงไม่แถลงเป็นมติ ครม. แต่ประชาชนกลับทราบข้อมูลผ่านนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พูดในงานดินเนอร์ทอล์ก เมื่อวานที่ผ่านมา นายประเสริฐ กล่าวว่า เมื่อวาน (13 ม.ค.) ก็มีการพูดถึงเรื่องนี้บ้าง แต่สังคมไปสนใจเรื่องร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์มากกว่า

เมื่อถามว่า หากกฎหมายเรื่องการพนันออนไลน์มีผลบังคับใช้ ภาครัฐหรือภาคเอกชนจะเป็นเจ้ามือ นายประเสริฐ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้คิดว่าใครจะเป็นเจ้ามือ ขอให้กฎหมายระดับรองออกมาก่อน แต่ในหลักการมีการแก้ไขเรื่องการพนันออนไลน์แล้ว

เมื่อถามว่า ขณะนี้ในส่วนของเจ้ามือมีบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่เตรียมที่จะเข้ามาแล้วหรือยัง นายประเสริฐ กล่าวตอบว่า ยังไม่มี

Advertisement

นายกฯ มอบคำขวัญวันครู ปี 68

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 14 มกราคม 2568 นายกฯ มอบคำขวัญวันครู ปี 68 “ครูจุดประกายความฝัน ผลักดันให้กล้าคิด สร้างโอกาสในชีวิตให้เด็กไทย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญเนื่องในโอกาสวันครูแห่งชาติ ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568 โดยวันครูแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 16 มกราคม ของทุกปี

โดยคำขวัญวันครูปีนี้ ระบุว่า “ครูจุดประกายความฝัน ผลักดันให้กล้าคิด สร้างโอกาสในชีวิตให้เด็กไทย”

สำหรับวันครูปีนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานงานวันครูของส่วนกลาง ในวันที่ 16 ม.ค. ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ

Advertisement

นายกฯ เผย ครม.อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 มกราคม 2568 นายกฯ เผย ครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. พร้อมเห็นชอบร่างความตกลงการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA)

วันนี้ (13 มกราคม 2568) เวลา 11.40 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยมีสาระเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เช่น กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรและคณะกรรมการบริหารจัดตั้งสำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในเรื่องของการอนุญาตให้ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร สำหรับร่าง พรบ. ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการท่องเที่ยวและส่งเสริมการลงทุนในประเทศตลอดจนแก้ปัญหาเรื่องการพนันที่ผิดกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งจะทำให้เกิดผลดีต่อสังคมในอนาคตในภาพรวม นี้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเรื่องของการท่องเที่ยวยั่งยืนหรือเป็น Man-made Destination ที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อสภา ทั้งนี้ ในส่วนของรายละเอียดทางกระทรวงการคลังจะนำเสนอต่อไป

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างความตกลงการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรปหรือเอฟตา (European Free Trade Association: EFTA) ที่ประกอบไปด้วยประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอแลนด์และลิกเตนสไตน์ โดยจะมีการลงนาม FTA ระหว่างการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในสัปดาห์หน้า

Advertisement

เลขาฯ กฤษฎีกา ยันในที่ประชุม ครม. ไม่ได้เห็นแย้ง เห็นต่าง ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพียงแต่มีข้อสังเกตนำไปปรับแก้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 มกราคม 2568 เลขาฯ กฤษฎีกา ยืนยันในที่ประชุม ครม. (ร่าง) พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ได้เห็นแย้งหรือเห็นต่าง เป็นเพียงข้อสังเกตที่สามารถนำไปปรับแก้เพิ่มเติมในกฤษฎีกา เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลได้ ชี้ยังมีขั้นตอนในรัฐสภาหลังรับหลักการและพิจารณารายมาตราไปจนถึงวุฒิสภาอีก ขณะที่ประชุม ครม. วันนี้ ผ่าน ร่างฯ รัฐบาลย้ำไม่ได้เน้นกาสิโน แต่เน้นการสร้างแมนเมดเดสติเนชั่น หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2568 เวลา 12.30 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ชี้แจงในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น กฤษฎีกาไม่ได้เห็นแย้งหรือไม่เห็นด้วย เป็นเพียงข้อสังเกตที่ต้องนำเรียน ครม. และจะสามารถนำไปปรับแก้เพิ่มเติมในกฤษฎีกา เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการสร้างแมนเมดเดสติเนชั่น หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ตามนโยบายที่รัฐบาลแถลงไว้ต่อรัฐสภา

ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิชัย ชุณหวชิร ได้เสนอให้ ครม. พิจารณาเห็นชอบตามมติ คกก. และที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….  ของกระทรวงการคลัง ซึ่งมีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดให้มี กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เช่น กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร และคณะกรรมการบริหาร จัดตั้งสำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร และกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและกำกับดูแลเพื่อให้เกิดธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่ได้มาตรฐาน เพื่อรองรับการท่องเที่ยวและส่งเสริมการลงทุนในประเทศ อันจะก่อให้เกิดผลดีต่อสังคมในภาพรวมและเป็นการสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และขอให้นำความเห็นและข้อสังเกตของที่ประชุมที่เน้นให้ความสำคัญกับการกำหนดโครงสร้างของกฎหมายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของนโยบายรัฐบาล การสร้างความชัดเจนในการกำกับดูแลและการป้องกันผลกระทบเชิงลบด้านสังคม เช่น การกำหนดพื้นที่สถานที่ตั้งให้มีความเหมาะสม การกำหนดผู้รักษาการร่วมตาม ร่างพระราชบัญญัติฯ เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อสังเกตว่า เรื่องนี้ก็ได้ผ่าน คกก.กลั่นกรองของรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม และให้ความเห็นมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งขอให้นำไปพิจารณาในการออก พ.ร.บ. และให้พิจารณาต้นแบบในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่ทำศูนย์กลางท่องเที่ยวและเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในรูปแบบนี้จนประสบผลสำเร็จ ทั้งในมิติสังคมและทุก ๆ ด้านที่เกี่ยวข้องมาเป็นข้อศึกษา เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ของประเทศไทยที่ต้องอธิบายให้ประชาชนทราบถึงผลดีที่คณะกรรมการศึกษามาว่ามีผลดีมากกว่า

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมได้แสดงความคิดเห็นโดยระบุว่า สัดส่วนของกาสิโนมีเพียงแค่ 10% เท่านั้น ที่เหลือก็จะเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์และศูนย์ท่องเที่ยวและบันเทิงครบวงจรที่จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก เช่น การจัดการประชุม การจัดนิทรรศการระดับโลก การจัดคอนเสิร์ตหรือสถานที่ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สวนน้ำสวนสนุกในรูปแบบสมัยใหม่ และถือว่าประเทศไทยถึงเวลาที่จะต้องยอมรับความจริงหรือยังว่า วันนี้มีแหล่งการพนันทั้งบนดินและใต้ดินทั้งในประเทศและรอบ ๆ ประเทศ ซึ่งโครงการนี้จะเน้นไปที่ การสร้างเม็ดเงินจากธุรกิจการท่องเที่ยวให้กับประเทศ

จากนั้นที่ประชุม ครม. ได้อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….. ตามที่ ก.คลัง เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้นำความเห็นและข้อสังเกตของ คกก.กลั่นกรองฯ คณะที่ 5 รวมทั้งความเห็นไปประกอบการพิจารณา จากนั้นรัฐบาลจะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้ ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระที่ 1 เพื่อรับหลักการ และวาระ 2 การตั้งแปรญัตติ และตั้งกรรมาธิการเพื่อพิจารณารายมาตราและจะเข้าสู่วาระที่ 3 เพื่อลงมติผ่าน พ.ร.บ. จากนั้นจะส่งต่อไปยังสมาชิกวุฒิสภาเพื่อพิจารณาอีกครั้ง

Advertisement

กกต.เปิดตัว “หมูเด้ง” เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 มกราคม 2568 กกต.จัดกิจกรรม kick off เปิดตัว “หมูเด้ง” เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ. ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์ประเทศไทย พร้อมใจไปเลือกตั้ง” ด้าน “อิทธพร” ให้ความมั่นใจพร้อมจัดการเลือกตั้งอย่างสุจริต

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เปิดกิจกรรม kick off การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด “สร้างสรรค์ประเทศไทย พร้อมใจไปเลือกตั้ง” เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้ประชาชนตื่นตัวเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด รวมถึงให้เข้าใจเกี่ยวกับที่มาขั้นตอนและกระบวนการเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนเข้าใจบทบาทความสัมพันธ์ของการเลือก อบจ. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. โดยมีผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารสำนักงาน กกต. และสำนักงาน กกต. ประจำจังหวัด ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก 26 จังหวัด ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออก 26 จังหวัด นักศึกษาหลักสูตร พตส. และผู้แทนศูนย์ส่งเสริมประชาธิปไตยเข้าร่วมกิจกรรม

นายอิทธิพร กล่าวว่า กิจกรรม kick off การเลือกตั้ง อบจ. นับเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวที่จะช่วยสร้างความเข้าใจและส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้การเลือกตั้งซึ่งจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นกระบวนการสำคัญเป็นการเสริมสร้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เข้มแข็ง โดยประชาชนในพื้นที่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกตั้งท้องถิ่น เพื่อพัฒนาท้องถิ่นของตนเองให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

“กกต.ในฐานะองค์กรจัดการเลือกตั้งขอยืนยันต่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและประชาชน ให้มั่นใจว่า กกต. สำนักงาน กกต.และภาคีเครือข่ายที่จัดการเลือกตั้งทุกภาคส่วนพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งจะอำนวยความสะดวกในการออกไปใช้สิทธิ์ให้แก่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกคนอย่างเท่าเทียม” นายอิทธิพร กล่าว

ประธาน กกต. ยังกล่าวเชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกคน เตรียมพร้อมและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ. และนายก อบจ. ในครั้งนี้ ขณะที่ กกต.ได้ปรับปรุงแอปพลิเคชัน Smart Vote ช่วยให้สามารถศึกษา ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งได้อย่างครบถ้วน สะดวกและรวดเร็ว เพื่อสร้างความพร้อมให้กับตัวเอง ในการออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างมีคุณภาพ และเพื่อทำให้ทุกเสียงได้พัฒนาประเทศไทยให้รุ่งเรืองสืบไป เหมือนชื่อกิจกรรมในวันนี้ “สร้างสรรค์ประเทศไทย พร้อมใจไปเลือกตั้ง”

จากนั้น ประธาน กกต.และ กกต. เปิดตัวสื่อประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง อบจ. มาสคอต “หมูเด้ง” รวมถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นอื่นที่จะเกิดขึ้น เพื่อเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มาก

Advertisement

มหาดไทยปรับโครงสร้างบริหารจังหวัดทั่วประเทศ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 31 ธันวาคม 2567 มหาดไทยปรับโครงสร้างบริหารจังหวัดทั่วประเทศ รับนโยบาย “อนุทิน” ปี 68 บำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนครบทุกด้าน ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม เพิ่มความสะดวกลดเหลื่อมล้ำงานบริการ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปี 2568 ที่กำลังจะมาถึงเป็นอีกปีที่มีความท้าทาย การเปลี่ยนแปลง ทั้งมิติของสังคม เศรษฐกิจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย จึงได้ให้นโยบายกับส่วนราชการ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยต้องปรับตัวให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง สามารถเป็นที่พึ่งบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ประชาชนตามภารกิจของกระทรวงมหาดไทยได้ในทุกสถานการณ์

เพื่อรับกับนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จัดโครงสร้างการบริหารงานราชการภูมิภาค คือ จังหวัด และอำเภอ ให้ความสำคัญกับการจัดวางภารกิจให้สามารถขับเคลื่อนการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนครอบคลุมทุกด้าน เจ้าหน้าที่ลดการเป็นนักปกครองไปสู่การเป็นนักบริหาร เนื่องจากปัจจุบันประชาชนไม่ได้ต้องการนักปกครอง แต่ต้องการเห็นผู้บริหาร และต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องที่มีผลกระทบ มีผลได้ มีผลเสียกับตนเอง

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โครงสร้างการบริหารราชการส่วนภูมิภาคใหม่นี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้ดูภาพรวมการบริหารงานของจังหวัด รู้ทุกเรื่องในพื้นที่จังหวัด และมีผู้ว่าราชการจังหวัดด้านต่างๆ ประกอบด้วย

1) รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายมันคง รับผิดชอบ งานจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล การ กระทำผิดกฎหมายที่เป็นภัยสังคม หนี้นอกระบบ และ ปราปปรามอาเสพติดโดยเฉพาะยาเสพติด เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และมนุษยชาติ ทำลายสุขภาพ ก่อปัญหาสังคม และทำลายระบบเศรษฐกิจ

2) รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายเศรษฐกิจ ทำหน้าที่แก้ปัญหาความยากจน ให้ประชาชน ต้องเป็นนักบริหาร สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และ สร้างโอกาสให้แก่ประชาชน ความยากจน คือ ปัญหาที่บั่นทอนศักยภาพและการพัฒนาของประชาชน และประเทศ

3) รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายบริหาร รับผิดชอบงานบริการประชาชน ต้องนำเทคโนโลยี มาใช้ ลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้ประชาชนทุนทุกคนได้รับความสะดวก สบาย กับการใช้บริการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่างเท่าเทียมกัน และ 4) รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายสังคม รับผิดชอบการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ปลูกจิตสำนึกคนไทย หัวใจรักชาติ สร้างความสามัคคีในชุมชน รักท้องถิ่น ปกป้องชุมชน ให้พ้นจากภัยอันตรายทั้งภัยจากการกระทำของมนุษย์ และภัยธรรมชาติ ต้องเป็นผู้นำการรวมพลังพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น จังหวัด และประเทศ

“โครงสร้างการบริหารของจังหวัด ลักษณะนี้ จะถ่ายทอดลงไปเป็นโครงสร้างการบริหารระดับอำเภอ ในแนวทางเดียวกัน เกิดผลการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ไปสู่ทุกชุมชน ทุกหมู่บ้าน ของประเทศไทย ซึ่งนายอนุทินเชื่อว่าเวลาอีก 2 ปี เศษของรัฐบาล ถ้ากระทรวงมหาดไทย ขับเคลื่อนไปในแนวทางนี้ได้ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุขจะเกิดขึ้นทั่วประเทศและคนไทย สังคมไทย จะมีความสุขมากขึ้น ความทุกข์ลดลง ตามพันธกิจของกระทรวงมหาดไทย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

Advertisement

โอนเงินช่วยเหลือน้ำท่วมแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 ธันวาคม 2567 ความคืบหน้ายอดเงินช่วยเหลือน้ำท่วม 9,000 บาท โอนแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ความคืบหน้ากรณีที่ ครม. มีมติเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ให้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ครัวเรือนละ 9,000 บาท โดยมอบหมายให้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 16 จังหวัด ล่าสุด (ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2567 เวลา 16:30 น.) มีจำนวนผู้ลงทะเบียนยื่นคำร้องแล้ว 1,054,484 ครัวเรือน ธนาคารออมสินโอนเงินช่วยเหลือแล้ว 3 ครั้ง รวม 166,795 ครัวเรือน จำนวนเงิน 1,501,155,000 บาท และอยู่ระหว่างรอโอนครั้งที่ 4 อีก 94 ครัวเรือน

“รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ได้กำชับให้หน่วยงานในพื้นที่ 16 จังหวัด เร่งสำรวจและทำความเข้าใจ พร้อมตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง รวมทั้งประชาสัมพันธ์สื่อสารถึงประชาชนที่จะได้รับเงินเยียวยาสามารถลงทะเบียนได้ถึงวันที่ 15 มกราคม 2568 ส่วนประชาชนที่ลงทะเบียนแล้วสามารถติดตามสถานะเงินเยียวยาน้ำท่วมได้ที่เว็บไซต์ www.flood67.disaster.go.th” นางสาวศศิกานต์ กล่าว

Advertisement

 

Verified by ExactMetrics