วันที่ 24 พฤศจิกายน 2024

ศาล รธน. ไม่รับคำร้องรัฐสภา ให้วินิจฉัยการทำประชามติ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 17 เมษายน 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ – ศาลรัฐธรรมนูญ ตีตกคำร้องรัฐสภา ขอให้ศาลวินิจฉัยการทำประชามติกี่ครั้ง เกี่ยวกับการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แจงศาลเคยวินิจฉัยโดยละเอียดและชัดเจนไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องของประธานรัฐสภา ที่ขอให้พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) โดยอ้างอิงถึงรัฐสภาจะบรรจุวาระและพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ที่มีบทบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยยังไม่มีผลการออกเสียงประชามติว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่

และในกรณีที่รัฐสภาสามารถบรรจุร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่มีบทบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ การจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับฉบับใหม่ได้หรือไม่จะต้องกระทำในขั้นตอนใด

โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องไว้พิจารณาพิจารณา ด้วยศาลพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารเอกสารประกอบแล้วเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ที่เกิดขึ้นแล้ว

ดังนั้นการบรรจุระเบียบวาระประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเป็น หน้าที่และอำนาจของประธานรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 80 และข้อบังคับการประชุมรัฐสภาปี 2563 ข้อ 119 กรณีนี้จึงไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา โดยคำร้องมีสาระสำคัญเป็นเพียงข้อสงสัย และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญอธิบายเนื้อหาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ซึ่งศาลได้วินิจฉัยโดยละเอียดและชัดเจนแล้ว จึงไม่ใช่กรณีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาที่เกิดขึ้นแล้วจึงไม่ต้องด้วยเงื่อนไขตามกฎหมาย

ทั้งนี้ก่อนการพิจารณา มีตุลาการศาล 2 คน ไม่ได้ร่วมพิจารณาด้วย  คือ นายสุเมธ รอยเจริญ โดยอยู่ระหว่างการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ และนายอุดม รัฐอมฤต ที่ขอถอนตัวจากการพิจารณาตามกฏหมายวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญของศาลที่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของศาลที่ 4/2564 และการประชุมของตุลาการศาลในวันนี้  องค์ประชุมเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 7 คน

Advertisement

“เศรษฐา” ยันยังไม่ปรับ ครม. ปัดนั่งควบกลาโหม บอกสนิทกัน ไม่ต้องเป็นผู้บังคับบัญชาก็ได้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 16 เมษายน 2567 บ้านจันทร์ส่องหล้า  – “เศรษฐา” ยันยังไม่ปรับ ครม. ขออย่าทำให้รัฐมนตรีหวั่นไหว บอก เดินหน้าทำงานดีกว่าวิ่งเต้น ปรับเมื่อไหร่ก็รู้เอง ปัดนั่งควบกลาโหม ชี้ สนิทกัน แต่ไม่ต้องเป็นผู้บังคับบัญชาก็ได้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ว่ายังไม่มี ตนเองไม่ได้บอกว่ามีการปรับ ไปพูดกันเอง แต่อย่างไรก็ตามมันก็ต้องปรับในวันหนึ่ง และถ้าปรับเดี๋ยวก็ทราบกันเอง อย่าเพิ่งทำให้รัฐมนตรีที่มีชื่อออกมาหวั่นไหว มองว่าเร่งทำงานดีกว่า เพราะทุกวันมีค่า แทนที่จะต้องวิ่งเต้นมาหาท่านนั้นท่านนี้ โดยยืนยันว่าที่เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คุยปัญหาบ้านเมืองธรรมดา เช่น ข้าวโพด การเผาป่า ความสะอาดของบ้านเมือง และสถานการณ์เมียนมา

เมื่อถามว่าจะต้องเคลียร์กับรัฐมนตรีที่อยู่ในโผหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่เคลียร์ ผมไม่ได้เป็นคนเขียน ไม่เคลียร์อยู่แล้ว” ผู้สื่อข่าวจึงกล่าวย้ำว่าอยากให้ทุกท่านตั้งใจทำงานใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเองพูดมาตลอดในระยะหนึ่งเดือนที่มีข่าวปรับ ครม. ภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงาน การทำงานที่ถูกต้องดำเนินตามนโยบายของรัฐบาล แต่ละกระทรวงก็มีนโยบายเรือธง ทุกท่านทราบอยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลที่อยากจะปรับ ครม. ยังไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรมา เขาทราบอยู่แล้ว เป็นสิทธิของเขา ถ้าอยากจะปรับ ตนเองคงไม่โทรไปถามว่าอยากปรับใครบ้าง เช่น พรรคพลังประชารัฐก็ยังมีเก้าอี้เหลืออยู่หนึ่งเก้าอี้ โดยกระแสข่าวที่ระบุว่าตนเองจะนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น ไม่ทราบ คงเป็นเพราะตนเองไปเยี่ยมทหาร และมีความสนิทส่วนตัวกับ ผบ.เหล่าทัพ ยกหูคุยกันได้ ถือว่าเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีได้ขอให้ช่วยดูแลเรื่องชายแดน พื้นที่ทำกินของราษฎรก็ตอบสนองได้ดี ไม่จำเป็นจะต้องมาเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะสถาบันทหารและสถาบันความมั่นคงมีความเป็นมืออาชีพ มีวินัย หากนายกฯ ขอในเรื่องที่เหมาะสมและถูกต้อง ทุกคนก็พร้อมที่จะทำให้อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดคุยหรือมโนภาพว่าจะต้องเป็นอะไร

“ผมคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปลัดหรืออธิบดีในกระทรวงพาณิชย์อยู่แล้ว ทำไมถึงไม่บอกว่าผมจะไปควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์บ้าง เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องพูดคุยกันอยู่แล้ว ไม่มีนัยอะไร” นายเศรษฐา กล่าวทิ้งท้าย

Advertisement

นายกฯ มั่นใจเงินดิจิทัลวอลเล็ตมาถูกทาง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 เมษายน 2567 ประจวบคีรีขันธ์  – นายกฯ มั่นใจเงินดิจิทัล 10,000 บาท ได้แน่ไตรมาส 4 ชี้ ออกดอกออกผลไตรมาส 1-2 ปีหน้า ระบุระหว่างโครงการไม่เกิด เตรียมผุดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่แถลงต่อรัฐสภา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่มีความล่าช้า ทำให้หลายนโยบายของรัฐบาล ถูกขยับออกไป อย่างเช่นโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ก่อนหน้านี้มีการตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะให้ใช้ภายในต้นปีนี้ แต่สุดท้ายกลับถูกเลื่อนออกไป ว่า จริงๆ แล้วตนไม่อยากจะขอโทษเรื่องงบประมาณล่าช้า ซึ่งหากย้อนไปในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนพอดี ถือว่านานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่แกนนำพรรคเพื่อไทยได้ 141 เสียง มาเป็นที่สอง และพรรคก้าวไกลได้ 151 เสียง เราก็ทำอย่างเต็มที่ ให้เขาฟอร์มรัฐบาลให้ได้ มีการโหวตให้ไม่แตกแถวเป๊ะ และก็โหวตให้ก้าวไกลเต็มที่ทั้งสองครั้ง ขณะนั้นพรรคก้าวไกลก็บอกมาตลอดเวลาว่าสามารถที่จะฟอร์มรัฐบาลได้ และมีเสียง สว.เพียงพอ เราก็ให้เกียรติที่จะสนับสนุน และในต่างประเทศหากเป็นพรรคอันดับหนึ่งอันดับสอง ก็จะต้องแข่งขันกัน แต่พอถึงเวลาเราส่งเขาเต็มที่แล้ว ไม่สามารถฟอร์มรัฐบาลได้ก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องรับไม้ต่อ ซึ่งตนก็ทราบว่างบประมาณจะใช้ได้จริงในช่วงเดือนพฤษภาคม และไม่สามารถนำกรณีดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างได้ ตนเพียงแต่บอกเฉยๆ แต่เรื่องของการใช้นโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เราทำได้ทั้งวีซ่าฟรี พักหนี้เกษตรกร และลดค่าใช้จ่าย

สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเราต้องการเม็ดเงินใหม่ เพราะเราประกาศว่าทุกคนจะต้องได้หมด ใช้งบประมาณ 560,000 ล้านบาท โดยต้องใช้หมดภายในหกเดือน อายุ 16 ปี และใช้ภายในอำเภอ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค แต่เอาเข้าจริงเราได้ 141 เสียงไม่ใช่แลนด์สไลด์อย่างที่หวังไว้ และมีหลายภาคส่วนที่เราต้องรับฟัง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นักวิชาการต่างๆ รวมไปถึงการตั้งหลักเกณฑ์เงื่อนไขต่างๆ เช่น คนรวยใช้หลักเกณฑ์อะไรในการวัด รวมถึงที่มีการตัดกลุ่มเป้าหมาย ที่ถูกตัดไป 12 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินทั้งหมด และมีการตั้งคำถามว่าจะกู้เงินมาใช้ในโครงการดังกล่าวหรือไม่ จนกระทั่งเราบริหารจัดการตรงนี้ ให้มันมาจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามไตรมาส 4 นี้ ได้อย่างแน่นอน ยืนยันทุกอย่างทุกขั้นตอนตรวจสอบได้ สุจริตบริสุทธ์ใจ พร้อมย้ำว่าขอให้คอยในไตรมาสที่ 4

นายกรัฐมนตรี ยังมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรมาเตะถ่วงทำให้โครงการเงินดิจิทัลฯ ต้องเลื่อนออกไปมากกว่าไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

หากงบประมาณลงมาแล้ว มีการประเมินหรือไม่ว่าการขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต รวมไปถึงเศรษฐกิจต่างๆ ผลจะออกมาในช่วงไตรมาสใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคิดว่าในช่วงไตรมาส 1-2 ของปีหน้าจะเห็นผล และนโยบายการท่องเที่ยวจะยังคงเป็นเรือธงในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในไตรมาส 4 ปีนี้ อย่างการจัดงานทั้งพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ต ก็เกิดขึ้นมากมาย

ทั้งนี้ในระหว่างทางที่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้รัฐบาลจะมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ออกมา ซึ่งเป็นไปตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เช่น การสร้างถนน หรืออย่าลืมว่าเกษตรกร ยังมีอีกหลายสิบล้านคน ที่ต้องดูเรื่องไม่ท่วมไม่แล้ง

ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่า รัฐบาลให้เงินมากเกินไปจนสุดท้ายไม่ได้อะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ชัดเจนว่าเราบอกว่าทำครั้งเดียว แต่การเติมเงินเข้าไปในกระเป๋าทุกๆ คนที่จะเกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติโควิด-19 เติมเงินเพียงแค่ 1,000 – 2,000 บาท แล้วไปใช้ที่ไหนก็ได้ แต่ครั้งนี้มีการจำกัดประเภทสินค้า ระยะทางที่สามารถใช้ได้ วันนี้เราต้องการที่จะให้อำเภอเล็กๆ ในจังหวัดต่างๆ ได้ลืมตาอ้าปากด้วย มีโอกาสในการจับจ่ายใช้ส่อยเงินด้วย เรื่องนี้ตนอธิบายไปหลายหนแล้วและก็มั่นใจว่าเรามาถูกทาง

Advertisement

“เสริมศักดิ์” พร้อมนั่ง “รมว.ท่องเที่ยว”

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 14 เมษายน 2567 “เสริมศักดิ์” ไม่ขัดอำนาจนายกฯ หากสั่งโยกนั่ง “รมว.ท่องเที่ยว” แม้จะถนัดงานมหาดไทยมากกว่า ไม่หวั่นถูกย้าย เพราะมีหลักในการทำงาน

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงกระแสข่าวถูกปรับโยกไปนั่ง ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าตนทราบข่าวจากสื่อมวลชน แต่ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็ตั้งใจทำงาน ยืนยันว่าการปรับ ครม. เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะพิจารณาว่าใครจะไปดำรงตำแหน่งอะไร แต่สิ่งที่นายกรัฐมนตรีมุ่งมั่น คือการมีรัฐมนตรีที่มีความรู้ ความสามารถ

หากถูกสลับไปนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาจริง จะถือว่าเป็นงานที่ถนัดหรือไม่ นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ความจริงตนถนัดงานที่กระทรวงมหาดไทย เพราะเคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดและเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มาก่อน แต่หากต้องไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาจริง ก็สามารถทำได้ เพราะมีหลักในการทำงานอยู่แล้ว

Advertisement

“เศรษฐา” ย้ำแจกเงินดิจิทัลต้องถูกกฎหมาย ส่งกฤษฎีกาตรวจใช้เงิน ธกส.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 11 เมษายน 2567 “เศรษฐา” ย้ำทุกอย่างต้องถูกกฎหมาย เตรียมส่งให้กฤษฎีกาตรวจสอบ หลังฝ่ายค้านจี้ใช้เงิน  ธ.ก.ส.ผิดวัตถุประสงค์

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกต ว่าเงินดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในส่วนที่มาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) จะผิดวัตถุประสงค์หรือไม่  ว่าทุกอย่างถูกต้อง และจะส่งให้กฤษฎีกาตรวจสอบ ย้ำว่าทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนแผนในการดำเนินงานนั้นก็ว่าไปตามกฎหมาย และแถลงไปแล้วเมื่อวานนี้

ส่วนเงื่อนไขที่หากมีเงินฝากในบัญชีเกิน 5 แสนบาทจะไม่ได้รับสิทธินั้น จะเริ่มนับตั้งแต่วันไหน นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเริ่มนับตั้งแต่วันที่ลงทะเบียน ส่วนการทำซุปเปอร์แอปเพื่อใช้ดำเนินโครงการจะต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นหรือไม่  นายเศรษฐา กล่าวว่า เมื่อมีการพัฒนาแล้วจะแจ้งให้ทราบ แต่ทุกอย่างต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ส่วนจะเชื่อมโยงกับแอปเป๋าตังหรือไม่นั้น ทุก ๆ แอปพลิเคชัน เป็นโอเพ่นแอป โอเพ่นลูป

Advertisement

นายกฯ กิน “แกงไตปลา“ ที่เกาะสมุย บอกอร่อยจริงๆ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 เมษายน 2567 เกาะสมุย – นายกฯ กิน “แกงไตปลา“ มื้อเที่ยงที่เกาะสมุย บอก อร่อยจริงๆ ไม่ได้อร่อยเล่นๆ ชี้ คนอื่นมีสิทธิไม่ชอบ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช 6-8 เมษายน ได้แวะรับรับประทานอาหารเที่ยง โดยหนึ่งเมนูบนโต๊ะอาหารของนายกรัฐมนตรี ได้มีเมนูแกงไตปลา หลังเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีได้โพสต์แอปพลิเคชัน X ถามหาร้านอาหารเด็ด ที่มีเมนู “แกงไตปลา” หลังเมนูดังกล่าวติด 100 เมนูอาหารยอดแย่ของโลกบนเว็บไซต์ เว็บไซต์ TasteAtlas

โดยทันทีที่เมนูแกงไตปลา มาเสิร์ฟ นายกรัฐมนตรี ได้ชิม โดยบอกว่า “อร่อยมากครับ” พร้อมกับยกนิ้วโป้ง อย่างไรก็ตามก็มีสิทธิที่คนอื่นจะไม่ชอบ เพราะมีอะไรหลายๆ อย่างที่แตกต่างกัน เพราะ เขาอาจจะชอบบางอย่าง หรือไม่ชอบบางอย่าง จะไปอะไรเขาก็ไม่ได้ เพราะอาหารไทยมีหลายอย่าง เช่น ต้มยำกุ้ง มัสมั่นไก่

เมื่อถามว่าจะรับประทานแกงไตปลา กับข้าวสวยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเองกำลังลดน้ำหนักอยู่ พร้อมย้ำว่า “อร่อยจริงๆ ไม่ใช่อร่อยเล่นๆ”

Advertisement

เคาะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จว.ชายแดนใต้ 3 เดือน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 5 เมษายน 2567 กบฉ. เคาะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จังหวัดชายแดนใต้ 3 เดือน 20 เม.ย.-19 ก.ค.67 ไม่ปรับลดพื้นที่เพิ่ม เหตุยังมีความรุนแรงอยู่ ขอจับตาช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน หลังพบก่อเหตุสูง

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 2/2567 โดยมี นายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้พิจารณาความเหมาะสมการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งยังคงมีความสำคัญต่อการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยจากการรายงานสถานการณ์ พบว่า สถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น และยังปรากฏภาพข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัจจุบันอยู่ในห้วงเดือนรอมฎอน ซึ่งพบการก่อเหตุพร้อมกันหลายจุด โดยเป็นการสร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชน

“ที่ประชุม กบฉ. จึงมีมติขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้น อ.ยี่งอ อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง อ.สุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้น อ.ยะหริ่ง อ.ปะนาเระ อ.มายอ อ.ไม้แก่น อ.ทุ่งยางแดง อ.กะพ้อ อ.แม่ลาน และ จังหวัดยะลา ยกเว้น อ.เบตง อ.รามัน อ.กาบัง และ อ.กรงปินัง ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.67 – วันที่ 19 ก.ค.67 โดยยังไม่มีการปรับลดพื้นที่เพิ่ม เพราะหลายพื้นที่ยังมีเหตุอยู่ เช่น อ.ธารโต จังหวัดยะลา ถึงแม้จะผ่านผลการประเมินในภาพรวมตามตัวชี้วัดเกินกว่าร้อยละ 80 แต่ยังคงมีสถิติการก่อเหตุความรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 67 ซึ่งมติขยาย พรก.ฉุกเฉิน 3 เดือนนั้น จะเสนอคณะรัฐมนตรี วันที่ 9 เมษายน 2567” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ฝ่ายความมั่นคง ยังได้รายงานว่า ช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน จะมีการก่อเหตุมากขึ้น เพราะมีการบิดเบือนว่า หากก่อเหตุช่วงนี้ จะได้บุญที่สูงมาก ดังนั้น ตนจึงขอให้ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ในการเฝ้าระวังอย่างเคร่งครัด ในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน และระหว่างวันที่ 12-13 เมษายน 2567 ในวันฮารีรายอ รวมถึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาศึกษากฎหมายด้านความมั่นคงอื่น ที่จะมาใช้แทนกฎหมายพิเศษในพื้นที่ด้วย

Advertisement

นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช  6-8 เม.ย.นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 4 เมษายน 2567 นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช  6-8 เม.ย.นี้ ดูการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญ แก้ปัญหาขยะ ยางพารา และการท่องเที่ยวสายมู

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการ ที่ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 6 – 8 เมษายน 2567 เพื่อติดตามงานสำคัญตามนโยบายรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมคณะด้วย อาทิ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสมคิด เชื้อคง และนายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง

โดยในวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 20.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 2 (บน.2) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศนานาชาติสมุย ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจะเดินทางถึงท่าอากาศนานาชาติสมุย ในเวลาประมาณ 21.25 น.

ส่วนวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน  เวลาประมาณ 10.30 น. นายกรัฐมนตรีจะติดตามโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ณ แหลมนิคม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยกระดับการท่องเที่ยวเรือสำราญในประเทศไทย ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปที่เตาเผาขยะสมุย ตรวจติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาขยะ จากนั้นในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะไปเยี่ยมชมแปลงทุเรียนสาธิต ณ สวนทุเรียนนายชัยณรงค์ ทองสุข ซึ่งเป็นการรวมตัวของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในตำบลหน้าเมือง เพื่อเข้ากระบวนการพัฒนาตามระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีจะเดินทางต่อไปยังสำนักงานเทศบาลนครเกาะสมุย เพื่อพบปะประชาชน และเยี่ยมชมนิทรรศการสินค้า OTOP พร้อมประชุมบูรณาการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในประเด็นสำคัญ เช่น น้ำประปา การบริหารจัดการขยะ การส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติสมุย เป็นต้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วันจันทร์ที่ 8 เมษายน  เวลาประมาณ 09.30 น. นายกรัฐมนตรี จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสมุย ไปยังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช  อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช  เวลา 10.30 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อสักการะพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ของเมืองนครศรีธรรมราช ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ ก่อนเดินทางต่อไปสักการะศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ณ ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อความเป็นสิริมงคล

จากนั้นในช่วงบ่าย ณ สหกรณ์กองทุนสวนยางฉลอง น้ำขาวพัฒนา อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช  นายกรัฐมนตรีจะหารือประเด็นยางพาราและผลผลิตทางเกษตร ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญในการดูแลเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตรให้มีราคาที่สูงขึ้น เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปที่วัดเจดีย์ (ไอ้ไข่)  เพื่อสักการะไอ้ไข่  และหารือประเด็นส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู ตามนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยการนำศักยภาพและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแต่ละพื้นที่มาพัฒนาต่อยอด สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 17.10 น.

“การเดินทางลงพื้นที่ เป็นการติดตามการดำเนินงานต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งในมิติการติดตามการแก้ไขปัญหา อุปสรรค ข้อติดขัดต่าง ๆ ให้การดำเนินงานเดินหน้าต่อไปได้ตามแผนและเป้าหมายที่กำหนดไว้ เช่น เรื่องยางพารา การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร การลดต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น การบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภคให้เพียงพอสำหรับประชาชน เช่น น้ำประปา การบริหารจัดการขยะ การส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติสมุย และการขยายถนนรอบเกาะสมุย เป็นต้น รวมถึงการนำเอกลักษณ์และศักยภาพของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช  มาพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น และให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เช่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาล” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

Advertisement

ศาล รธน.รับคำร้องยุบพรรคก้าวไกลเสนอแก้ ม.112 ล้มล้างการปกครอง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 3 เมษายน 2567 ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องยุบพรรคก้าวไกลไว้พิจารณา เหตุเสนอแก้ ม.112 ล้มล้างการปกครอง ให้โอกาสยื่นแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน

วันนี้ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณีที่นายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ปี 2560 มาตรา 92 และขอให้เพิกถอนสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค ห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่จดทะเบียนขึ้นใหม่ด้วย เป็นระยะเวลา 10 ปี

โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคก้าวไกลกระทำการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 จริง จึงมีคำสั่งให้รับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ปี 2561 มาตรา 7 ศาลรัฐธรรมนูญจะแจ้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบ พร้อมส่งสำเนาคำร้องให้พรรคก้าวไกลได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันได้รับสำเนาคำร้องนี้

Advertisement

ครม.อนุมัติยกเว้นค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ช่วงวันหยุดสงกรานต์

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 เมษายน 2567 ทำเนียบ – ครม. ยกเว้นค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7, 9 ช่วงวันหยุดสงกรานต์ 11 – 17 เม.ย. 67

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ยกเว้นค่าผ่านทาง ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567 เริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2567 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันพุธที่ 17 เมษายน 2567 เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทางบนทางหลวงพิเศษในช่วงเทศกาลดังกล่าว

ซึ่งรัฐบาลสูญเสียรายได้ค่าผ่านทาง 190 ล้านบาท คาดหวังมีรถวิ่งใช้บริการกว่า 5 ล้านคัน แต่คาดว่าก่อให้เกิดผลประโยชน์ตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจทางอ้อม 285 ล้านบาท และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้รถและมูลค่าจากการประหยัดเวลาในการเดินทาง

Advertisement

Verified by ExactMetrics