วันที่ 22 ธันวาคม 2024

“ชวลิต”จี้รัฐรีบตั้งห้องแล็บด่านเชียงของตรวจผักผลไม้จีนอาจปนเปื้อสารเคมี

People Unity : “ชวลิต”จี้รัฐรีบตั้งห้องแล็บที่ด่านเชียงของใน 1 ธ.ค.62 หรือระงับการนำเข้าผัก ผลไม้จากจีนไว้ก่อน

วันที่ 25 ต.ค.2562 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม ในฐานะประธานคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฏร ให้ความเห็นภายหลังคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติแบน 3 สารพิษร้ายแรงในภาคเกษตรกรรม คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ว่า ยังมีผัก ผลไม้ ที่ไทยนำเข้าจากจีนผ่านด่านเชียงของ จ.เชียงราย ป้อนผู้บริโภคชาวกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยในปี 2561 ผัก ที่นำเข้าจากจีนผ่านด่านเชียงของ มีมูลค่า ปีละกว่า 2,600 ล้านบาท ผลไม้ มีมูลค่าปีละ 2,450 ล้านบาท สำหรับในปี 2562 แม้ยังไม่สิ้นปี ผัก มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น 23% คิดเป็นมูลค่า 3,200 ล้านบาท และผลไม้มีมูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ด่านเชียงของไม่มีห้องแล็บสำหรับสุ่มตรวจผัก ผลไม้ จากจีนว่ามีสารเคมีปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ อย่างไร นับว่าเป็นความบกพร่องของส่วนราชการในการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคอย่างยิ่ง ดังนั้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย เมื่อมีมาตรการควบคุมการใช้สารเคมีในประเทศดังที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายได้มีมติดังกล่าวแล้ว นั้น ผัก ผลไม้ ที่นำเข้าจากต่างประเทศ รัฐบาลก็ควรมีมาตรการที่จะคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากสารเคมีที่อาจปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานด้วยเช่นกัน

“จึงขอเสนอให้รัฐบาลเร่งจัดตั้งห้องแล็บที่ด่านเชียงของ จะเป็นห้องแล็บถาวร หรือเคลื่อนที่ หรือจะใช้บริการห้องแล็บจากภาคเอกชน ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้เริ่มดำเนินการสุ่มตรวจได้ในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 เช่นกัน หากไม่สามารถดำเนินการได้ภายในเวลาดังกล่าว ก็ควรระงับการนำเข้าผัก ผลไม้ จากจีนไว้ชั่วคราวจนกว่าการจัดตั้งห้องแล็บจะเรียบร้อย ทั้งนี้ เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุด” นายชวลิต กล่าว

“ธนกร”ป้อง”บิ๊กตู่” ยัน”ชิม ช้อป ใช้”ช่วยพยุงเศรษฐกิจ

People Unity : “ธนกร”ป้อง”บิ๊กตู่” ยัน”ชิม ช้อป ใช้”ช่วยพยุงเศรษฐกิจ จวก”พิชัย”ดีแต่พูด ประชาชนจำไม่ได้ด้วยซำ้เคยสร้างผลงานอะไรเอาไว้ ชูใช้เงินกระเป๋า 2 ถึง 5 หมื่น รับแคชแบ็กกลับถึง 8,500 บาท

วันที่ 25 ต.ค.2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นายพิชัย นริพทะพันธ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่าโครงการชิม ช้อป ใช้ เฟส2 ไม่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อ้างว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน แต่คิดได้แค่แจกเงินว่า ต้องทำความเข้าใจกับนายพิชัยก่อนว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลออกมามีหลายมาตรการ ชิม ช้อป ใช้ เป็นมาตรการหนึ่งเท่านั้น เป็นการทำงานเชิงรุกของภาครัฐที่ประเมินสถานการณ์และเตรียมการรับมือเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง จึงมีการวางแผนและออกแบบมาตรการพยุงเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที โดยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศผ่านการให้แรงจูงใจ ดึงผู้มีกำลังซื้อออกมาใช้จ่ายในพื้นที่ต่างๆ เกิดความคึกคักในการจับจ่าย กระจายเม็ดเงินไปยังเศรษฐกิจฐานราก และการจ้างงานต่อเนื่อง ไม่เพียงใช้แล้วหมดไป ซึ่งการใช้จ่ายงบประมาณในการสร้างแรงจูงใจจะคุ้มค่าเพราะก่อให้เกิด Multiplier Effect จากการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเศรษฐกิจไทยโดยในช่วงที่ผ่านมา

นายธนกร กล่าวอีกว่า นายพิชัยเป็นอดีตรัฐมนตรีที่ไม่เคยมีผลงานอะไรเลย เมื่อเทียบกับพล.อ.ประยุทธ์แล้วประชาชนนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่านายพิชัยเป็นใคร แต่ประชาชนทั่วประเทศรับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของพล.อ.ประยุทธ์ในการทำงานให้กับบ้านเมือง ที่ผ่านมามีผลงานมากมาย แต่นายพิชัยทำได้เพียงรับใช้นายทุนเท่านั้น อย่างอื่นตนนึกไม่ออกเลย อย่างไรก็ตาม มาตรการชิม ช้อป ใช้ เฟส2ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ซึ่งในส่วนกระเป๋า2นั้น หากใช้ 30,000 บาทจะได้แคชแบ็กถึง 15 เปอร์เซนต์ แต่หากใช้300,00บาทขึ้นไป จะได้แคชแบ็กถึง 20 เปอร์เซนต์ พูดง่ายๆ คือ หากใช้ถึง 50,000 บาทจะได้เงินแคชแบ็กคืนมาถึง 8,500 บาท ทั้งนี้ สามารถใช้ได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ทวิตเตอร์ Pichai Naripthaphan/พิชัย นริพทะพันธุ์ ระบุว่า การแจกเงินชิมช้อปใช้ ซึ่งประชาชนนำไปใช้แล้วก็หมดไป ไม่ได้สร้างความยั่งยืนทางการพัฒนา หรือ ความยั่งยืนทางรายได้ และที่สำคัญไม่ได้แก้ปัญหาการว่างงานที่จะเกิดขึ้นรวมกว่า 5 แสนคนในปีหน้าได้ นักศึกษาที่จบใหม่จะตกงานกันอย่างมาก ทั้งนี้มาจากการลงทุนที่หดหายมากว่า 5 ปี

เดินหน้าปลูกกัญชา 6 ต้น! “อนุทิน”ปลื้ม! 3 เดือนปิดจ็อบรถไฟฟ้า-แบน 3 สารพิษ

People Unity : “อนุทิน”มั่นใจโครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินไปลิ่ว ไร้อุปสรรค เผย สธ.ไม่ยุ่งเรื่องสารทดแทนแต่หากพบมีอันตรายก็ต้องแบน โชว์ความคืบหน้า 3 เดือน นโยบายกัญชาย้ำพอใจ หลาย รพ.ใช้รักษาโรค ยันไม่ทิ้งนโยบาย 6 ต้น เผยกฎหมายถึงสภาฯแล้ว ลั่นภูมิใจไทยพร้อมผลักดันสุดกำลัง

วันที่ 25 ต.ค.2562 จากการลงนามสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. มูลค่าโครงการ 224,544.36 ล้านบาท ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ที่เพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะ กล่าวว่า เป็นนิมิตหมายอันดี ที่แสดงให้เห็นว่าโครงการ EEC ไม่ใช่การขายฝัน แต่เรากำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ และมีความพร้อมในการรับการลงทุนจากทั่วโลก ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน มีความสำคัญ เพราะเป็นตัวจุดประกายความสำเร็จให้กับโครงการ EEC หลังจากการเซ็นสัญญาจะมีการจ้างงาน จะเกิดการใช้จ่ายมหาศาล เศรษฐกิจจะขยายตัว มีเงินอัดฉีดเข้าไปในระบบ และจะเกิดโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามมา

“การเจรจาจบแล้ว ถึงได้มีการลงนาม การลงนามที่มีนายกฯ เป็นประธาน มันต้องเอาจริง ต้องทำให้เสร็จ จะมาเล่นๆไม่ได้ โครงการไปได้แน่นอน และคิดว่าน่าจะเปิดใช้งานได้ตามกำหนดเวลา อย่างที่ผมเคยบอก อะไรที่ช่วยกันได้ ไม่ผิดกฎหมาย ก็ให้ช่วยเหลือกัน การตีความกฎหมาย อย่าไปตีหาอุปสรรค แต่ให้หาทางออก เพราะยิ่งทำได้เร็ว ยิ่งเกิดประโยชน์กับคนไทย”

รองนายกฯ กล่าวอีกว่า การสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โครงการกรุงเทพฯขึ้นเชียงใหม่ และกรุงเทพ ลงไปสุราษฎร์ธานีล้วนอยู่ในแผนการพัฒนา แต่ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม อย่างไรก็ตามตอนนี้ ต้องจัดการเรื่องท่าเรือ และสนามบินอู่ตะเภา เพื่อผลักดันโครงการ EEC ก่อน

เผย สธ.ไม่ยุ่งเรื่องสารทดแทนแต่หากพบมีอันตรายก็ต้องแบน

นายอนุทิน กล่าวถึงข้อสงสัยเรื่องสารทดแทน ที่จะให้ใช้แทน 3 สารที่ถูกแบน หรือ พาราควอต ไกรโฟเซต คลอร์ไพริฟอส โดยคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่า หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้หาทางรับมือไว้แล้ว แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้มีหน้าที่ตรงนี้ ต้องเรียนให้เข้าใจก่อน เราต้องดูแลสุขภาพของประชาชน ซึ่งถ้าสารทดแทน มีอันตรายต่อชีวิตประชาชน ก็ปล่อยให้ใช้ไม่ได้

ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขร่วมแรงร่วมใจในการแบนสารพิษ แสดงพลังขึ้นป้ายต่อต้านการใช้ โดยไม่ได้นัดหมาย คิดว่าบุคลากรทางการแพทย์ น่าจะเคยเห็น เคยรักษาผู้ที่ป่วยจากสารพิษ ซึ่งบางคนเนื้อเน่า ไปถึงเป็นมะเร็ง และตระหนักว่าจะปล่อยให้ใช้ต่อไปไม่ได้ นี่เป็นหลักการ ดังนั้น สารที่มาใช้แทน ถ้าเกิดมีผลกระทบกับสุขภาพคนไทย เราเดินหน้าลุยแน่ มันเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำ

เมื่อถามถึงความกังวลเรื่องกลุ่มต้านการแบนสารพิษ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกฝ่ายมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง แต่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติออกมาแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ยกเว้นศาลจะมีคำสั่งเป็นอื่น พร้อมยอมรับ ส่วนกระทรวงสาธารณสุข หน้าที่ของเรายังไม่จบ ต้องดูแลคนไทยต่อไป ให้ประชาชนได้รับการบริการด้านสุขภาพที่ดีที่สุด

ลั่นไม่ชี้แจงสถานทูตสหรัฐฯขอไทยทบทวนมติแบนสารพิษ

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่กรณีสถานทูตสหรัฐอเมริกา ทำหนังสือถึงรัฐบาลไทยเพื่อขอให้ทบทวนการแบนสารเคมีอันตราย โดยเฉพาะสารไกลโฟเซต โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า จริงๆ แล้วสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา ลงนามตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 2562 แต่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีการประชุมพิจารณาแบนสารเคมีเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำไมมีการออกหนังสือล่วงหน้ามาถึง 11 วัน เช่นนี้แสดงว่า เป็นการกดดันหรือไม่ จะมาบอกว่าจะมีปัญหาเรื่องการนำเข้า ตนคงไปว่าเขาไม่ได้ เพราะเขาห่วงเรื่องกระเป๋าของเขา ไม่ได้ห่วงสุขภาพของคนไทย เพราะฉะนั้นเราต้องมีมาตรการ ถ้ากังวลว่าจะมีสารตกค้างก็ต้องมาพิสูจน์ว่าจะนำเข้ามาโดยไม่มีสารตกค้าง แต่นี่กลัวขายของไม่ได้เลยมาบอกให้รัฐบาลยกเลิกการห้ามสารพิษเพื่อให้ใช้ได้ แล้วเราจะยอมหรือไม่

นายอนุทิน กล่าวว่า คณะกรรมการวัตถุอันตรายประชุมภายใต้กฎหมายของประเทศไทยใช่หรือไม่ หรือประชุมภายใต้กฎหมายต่างชาติ เพราะฉะนั้นกฎหมายไทยให้อำนาจคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาการใช้หรือห้ามใช้ ซึ่งคณะกรรมการวัตถุอันตรายจำนวน 29 คน เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีความรู้ทั้งนั้น ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะมาเรียกประชุมในวันเดียว แต่มีการเตรียมมาเป็นปี และมีมติการห้ามใช้สารเคมีเหล่านี้ ไม่ได้มีการกดดันใดๆ ทางการเมืองแม้แต่น้อย มติที่ออกมาให้มีการยกเลิกการใช้สารเคมีเหล่านี้ก็เป็นไปตามสำนึกความห่วงใยต่อพี่น้องและสุขภาพประชาชน

เมื่อถามว่า สถานทูตสหรัฐฯ ส่งหนังสือโดยแนบท้ายหนังสือของสภาหอการค้าสหรัฐฯ ขอให้ไทยมีการทบทวนมติแบนสารเคมี โดยเฉพาะไกลโฟเซต ไทยจะยืนยันตามมติเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนของกระทรวงสาธารณสุขยืนยันตามมติเดิม ส่วนกระทรวงอื่นก็ต้องแล้วแต่เจ้ากระทรวง เราก้าวก่ายกันไม่ได้ จริงๆ ก็ไม่ควรก้าวก่ายกัน กฎหมายใครกฎหมายมัน เมื่อถามต่อว่าจะต้องชี้แจงปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็แล้วแต่ เพราะไม่ได้ส่งหนังสือมาถึงตน และตนก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องไปชี้แจง แต่หน้าที่ของ สธ.คือรับผิดชอบสุขภาพประชาชน อะไรก็ตามที่บริโภคเข้าไปแล้วเป้นอันตรายต่อร่างกาย สัมผัสแล้วเกิดแผลพุพอง สูญเสียอวัยวะ ตรงนี้เป็นคนละเรื่องกับการค้า ซึ่ง สธ.เกี่ยวข้องกับสุขภาพชีวิตคน เรื่องการค้าไม่ใช่เรื่องที่ สธ.จะให้ความเห็นอะไรได้ หรือจะมาเปลี่ยนแปลงจุดยืนของ สธ.ได้

โชว์ความคืบหน้า 3 เดือนนโยบายกัญชายันไม่ทิ้งนโยบาย 6 ต้น

นายอนุทิน กล่าวถึงนโยบายกัญชา ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญในการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า ได้ผลักดันนโยบายนี้มาเป็นเวลา 3 เดือนเต็ม ซึ่งผลงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ จากที่กัญชาต้องอยู่ใต้ดิน ไม่มีโอกาสที่จะขึ้นมาบนดิน วันนี้จะเห็นว่าหลายโรงพยาบาลมีคลีนิคกัญชา ให้บริการใช้กัญชารักษาโรค องค์การเภสัชกรรม มีสารสกัดจากกัญชา ส่งไปยังหลายโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อใช้รักษาประชาชน

สำหรับโรงพยาบาลเอกชน สามารถประสานขอใช้ได้เช่นกัน โดยแพทย์ที่จ่ายยา ต้องผ่านการอบรมอย่างเคร่งครัด นอกจากนั้น หมอพื้นบ้าน มีโอกาสนำสูตรยากัญชามาขึ้นทะเบียน ระหว่างการใช้รักษา ได้มีการจดบันทึกผลการรักษาอยู่ตลอด นี่คือรูปธรรมที่เกิดขึ้น เป็นความพยายามเปลี่ยนกัญชาจากผู้ร้ายให้เป็นพระเอก ส่วนกัญชง ได้ออกประกาศ ให้ขึ้นมาอยู่บนดินแล้ว เราพยายามทำอย่างเต็มที่

นายอนุทิน กล่าวต่อว่าเรื่อง 6 ต้นที่เคยหาเสียงไว้ จำเป็นต้องมีการแก้กฎหมาย เพราะมันไม่เหมือนเรื่องการใช้ทางการแพทย์ ที่สามารถใช้อำนาจของรัฐมนตรีแก้ไขได้เลย แต่นโยบาย 6 ต้น เกี่ยวพันกับหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ต้องแก้กฎหมาย ผ่านสภา ซึ่งได้นำกฎหมายเข้าไปแล้ว 2 ฉบับ นายชวน หลักภัย ประธานสภา มารับเรื่องด้วยตนเอง เท่ากับนับ 1 แล้ว จากนี้ กระบวนการจะเป็นไปตามขั้นตอน เราเดินหน้าอย่าวรัดกุม รอบคอบ มันมีเรื่องต้องพิจารณามากมาย เราลุยแน่ ขอให้ใจเย็น

“สมมุติ ถ้าทำนโยบายกัญชาแบบไม่รอบคอบ ปล่อยให้ประชาชนพกสารสกัดกัญชาไปไหนมาไหน แล้วพกไปต่างประเทศแบบไม่มีความรู้ เผลอนำเข้าไปในประเทศที่ยังให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ หากถูกจับได้ แม้จะอธิบายว่าไม่ตั้งใจ แต่ก็ต้องโดนโทษหนักมาก ถ้าเราไม่อยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้ มันต้องทำนโยบาย และวางมาตรการอย่างรอบคอบที่สุด แต่ขำย้ำว่า ถึงมันจะยาก แต่พรรคภูมิใจไทยต้องพยายาม”

นายอนุทิน กล่าวทิ้งท้ายว่า นโยบายกัญชา หลักใหญ่คือต้องเป็นไปเพื่อการรักษาโรค เมื่อทำสำเร็จ กัญชากลายเป็นพระเอก การดำเนินนโยบายต่อไปจะง่ายทันที ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ นโยบายนี้ ไม่ใช่แค่ฝ่ายการเมืองขยับ แต่ข้าราชการก็ทำงานเต็มที่ ไม่มีเกียร์ว่าง เพราะรัฐมนตรีมาด้วยความวางใจของประชาชน ต้องตอบแทนประชาชน ต้องทำงาน ให้เกิดผลจับต้องได้ โดยอาศัยการขับเคลื่อนของข้าราชการอีกต่อหนึ่ง ดังนั้น จึงไม่มีข้าราชการที่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชามแน่นอน

ฝ่าแรงต้าน! “ธนาธร” ผงาดนั่งเก้าอี้ที่ปรึกษากมธ.งบฯ63

People Unity : “กมธ.งบฯ63” ถกนัดแรก “อุตตม” นั่งโต๊ะ รอง 19 คนเลขาฯ 13 คนขณะที่โฆษก14 คน “ธนาธร”นั่งที่ปรึกษา ขณะที่ “สิระ”ตามราวีต่อยื่นศาลตีความหัวหน้าพรรค อนค.นั่งกมธ.งบฯ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 24 ตุลาคม 2562 ที่อาคารรัฐสภาเกียกกาย มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 นัดแรกเพื่อเลือกตำแหน่งต่างๆประกอบด้วยประธานรองประธานและโฆษกกรรมาธิการรวมทั้งวางกรอบการทำงาน โดยที่ประชุมมีมติเลือกนายอุตตมสาวนายนรมว.คลังเป็นประธานกรรมาธิการและรองประธานมีทั้งสิ้น 19 คน

ส่วนตำแหน่งเลขานุการกรรมาธิการมีทั้งสิ้น 13 คนมีนายเรืองไกรลีกิจวัฒนะตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยเป็นด้วย ขณะตำแหน่งโฆษกมีจำนวน 14 คนอาทินายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ นายภราดรปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทองพรรคภูมิใจไทย นายธารา ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่นายธราธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นที่ปรึกษากรรมาธิการ

ทั้งนี้ที่ประชุมกรรมาธิการได้กำหนดวันแปรญัตติเริ่มตั้งแต่วันที่28ต.ค.-13ธ.ค.62ซึ่งจะมีการประชุมวันจันทร์ถึงวันศุกร์โดยในวันจันทร์และวันอังคารจะเริ่มประชุมตั้งแต่เวลา13.00-22.00น.ส่วนวันพุธและวันพฤหัสบดีจะเริ่มเวลา09.00-18.00น.ขณะที่วันศุกร์จะเริ่มประชุมเวลา09.00-17.00 น.

“สิระ”ตามราวีต่อยื่นศาลตีความ “ธนาธร” นั่งกมธ.วิสามัญงบฯ

ขณะที่นายสิระ​ เจนจาคะ​ ส.ส.พลังประชารัฐ เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ​ขอให้พิจารณาสถานภาพนายธนาธร​ จึงรุ่งเรืองกิจ​ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคต​ใหม่ที่มาเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ​2563 ว่า​ สามารถเป็นกมธ.วิสามัญฯได้หรือไม่​ หลังจากได้ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรและ กมธ.งบประมาณปี 2563แล้ว

“บิ๊กตู่” บอก “บิ๊กแดง” เป็นนายกฯไม่ง่าย ดีใจชทพ.ชนะเลือกตั้งนครปฐม

People Unity : “บิ๊กตู่” บอก “บิ๊กแดง” เป็นนายกฯไม่ง่าย ดีใจชทพ.ชนะเลือกตั้งนครปฐมขออย่าโยงผลงานรัฐบาล ไม่หวั่นฝ่ายค้านเตรียมเปิดซักฟอกพร้อมอยู่แล้ว

วันที่ 24 ต.ค.2562 เวลา 14.05น.ที่ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีการผลักดันให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปว่า “ก็พูดกันไป สื่อฯไปถามท่านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ท่านก็ตอบว่ามั้ง สื่อก็นำไปพาดหัวกันทุกวัน ความจริงพล.อ.ประวิตร ท่านไม่ได้พูดเช่นนั้น แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามเขาก็ต้องตอบถ้าไม่ตอบก็จะไปโกรธเขาอีก เรื่องนี้อย่าไปสานต่อเลย อีกทั้งพล.อ.อภิรัชต์ เขาก็ตอบแล้วว่าความตั้งใจเค้ามีอย่างไร แล้วการเป็นนายกรัฐมนตรีมันเป็นได้ง่ายนักหรืออย่างไร ใครจะมาเป็นมัน ไม่ง่ายนักหรอก” ก่อนจะถามสื่อว่ามีอะไรอีกไหม

ดีใจชทพ.ชนะเลือกตั้งนครปฐมขออย่าโยงผลงานรบ.

พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงความยินดีกับพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ชนะการเลือกตั้งซ่อม ตั้งซ่อม เขต 5 จ.นครปฐม ซึ่งในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาล และในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เป็นความร่วมมือที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่ ซึ่งตนไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ ถือว่าเป็นการตัดสินของประชาชนเอง ซึ่งเป็นระบบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง แต่อย่าเอาแค่ผลการเลือกตั้งครั้งนี้มาเป็นเกณฑ์ตัดสิน

ส่วนผลการเลือกตั้งเป็นเพราะรัฐบาลได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ยอมรับ มีส่วน แต่สุดท้ายอยู่ที่ประชาชน จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง รัฐบาลก็มีหน้าที่ของรัฐบาล พร้อมถามย้อนกลับ ว่าไม่ดีหรือที่รัฐบาลมีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นว่า พรรคอนาคตใหม่ อยู่ในช่วงขาลง โดยกล่าวสั้นๆ ว่าไม่ขอไปก้าวล่วงกับพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อม รับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านที่จะยื่นช่วงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ว่าตนมีความพร้อมอยู่แล้ว และฝ่ายค้านก็สามารถยื่นได้ตามกฏหมาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของสภา ที่ยื่นได้ปีละ 1 ครั้ง ส่วนจะต้องมีการเตรียมข้อมูลไว้หรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องปกติ ที่จะต้องเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งตนมีข้อมูลทั้งหมดก็อยู่ในหัว อยู่แล้ว และหน่วยงาน ก็ได้เตรียมไว้ส่วนหนึ่ง เพราะยังไม่ทราบเนื้อหาที่จะถูกอภิปราย แต่ยืนยันสามารถชี้แจงได้ทุกเรื่อง เพราะทุกนโยบายมีความบริสุทธิ์ในการทำงาน และประชาชนเป็นผู้ตัดสิน

รู้ยัง!”เทพไท”ชี้ผลเลือกตั้งซ่อมกระทบจำนวนส.ส.ของพรรคการเมือง

People Unity : รู้ยัง!”เทพไท”ชี้ผลเลือกตั้งซ่อมกระทบจำนวนส.ส.ของพรรคการเมือง เรียกร้องกกต.ต้องประกาศจำนวนส.ส.ใหม่

วันที่ 24 ต.ค.2562 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง ผลการเลือกตั้งซ่อม เขต5 จังหวัดนครปฐม ว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับการเลือกตั้ง คือนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทยพัฒนา และเป็นกำลังใจให้กับผู้ผิดหวังในการเลือกตั้งทุกคน มีโอกาสแข่งขันกันใหม่ในโอกาสต่อไป แต่ผลที่ตามมาหลังจากการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ก็คือ จำนวนส.ส.ที่พึงจะมีได้ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา91 จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในพรรคการเมืองใดหรือไม่ เพราะถ้าดูจากคะแนนรวมทั้งหมดของพรรคอนาคตใหม่ ที่มีจำนวน ส.ส.พึงจะได้จำนวน81คน เมื่อ ส.ส.ในระบบเขต หายไป1คน ก็จะไม่กระทบต่อจำนวนส.ส.ที่พึงจะได้ คือจำนวน81คนเท่าเดิม ส่วนพรรคการเมืองใดที่จะได้รับผลกระทบ เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องคิดคำนวนและประกาศจำนวนที่นั่ง ส.ส.ของแต่ละพรรคกันใหม่
ผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ไม่ผลต่อคะแนนรวมของพรรคการเมืองใดๆที่มีอยู่เดิม เพราะเป็นเพียงการเลือกตั้งซ่อม ต้องปฎิบัติตามมาตรา94 ซึ่งไม่สามารถนำคะแนนจากการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มาคิดรวมได้

อยากจะตั้งข้อสังเกตุว่า จำนวนคะแนนรวม หรือจำนวน ส.ส.ที่พึงจะได้ของพรรคชาติไทยพัฒนา มีจำนวน10คน ซึ่งได้คิดคำนวณจากหลักเกณฑ์ตามมาตรา91 เมื่อมีส.ส.ระบบเขตเพิ่มมา1คน จะต้องลดจำนวน ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อลงหรือไม่

จากกรณีดังกล่าวเชื่อว่าทำให้เป็นปัญหาและข้อโต้เถียงในการคิดสัดส่วนจำนวน ส.ส.ที่พึงจะมีได้ของพรรคการเมืองแน่นอน คงไม่มีพรรคการเมืองใดที่อยากสูญเสียที่นั่งส.ส.ไป นับว่าเป็นอีกปัญหาหนึ่งของการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขต่อไป

“อ้น”รองโฆษก”พปชร.”ตามจิก! ติง”อนค.”อย่าขี้แพ้ชวนตี

People Unity : “อ้น”ติงอนาคตใหม่อย่าขี้แพ้ชวนตี เข้าใจกำลัง “เสียขวัญอย่างหนัก” ย้อน “ช่อ”เคลมผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.นครปฐมเปรียบประชามติประชาชนยังหนุน “รัฐบาลประยุทธ์”

วันที่ 24 ต.ค.2562 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ หรือ “อ้น” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงผลการเลือกตั้งในการเลือกตั้งส.ส.นครปฐม เขต 5 อย่างไม่เป็นทางการที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน 37,675 คะแนน ชนะนายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร ผู้สมัครส.ส.หมายเลข 6 จากพรรคอนาคตใหม่ ได้รับ 28,216คะแนนว่า ขอแสดงความยินดีกับนายเผดิมชัยและพรรคชาติไทยพัฒนาสำหรับชัยชนะในครั้งนี้ ซึ่งทุกฝ่ายต้องมีสปิริตยอมรับผลการเลือกตั้งที่ออกมา ซึ่งคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่า พรรคอนาคตใหม่ซึ่งไม่สามารถรักษาที่นั่งส.ส.เอาไว้ได้ จะต้องหยิบยกเหตุผลเรื่องของกำหนดวันเลือกตั้งมาเป็นอุปสรรค กล่าวอ้างถึงเหตุผลต่างๆนานาที่แพ้การเลือกตั้ง ซึ่งการกระทำเช่นนั้น อาจทำให้พรรคอนาคตใหม่ถูกมองว่าเป็นพวก “ขี้แพ้ชวนตี”  แต่ควรนำผลการเลือกตั้งที่ปรากกฎออกมาวิเคราะห์ถึงจุดอ่อนจุดแข็งของพรรค ทบทวนว่าเหตุใดจึงพ่ายแพ้มากกว่า

“เข้าใจว่าช่วงนี้ พรรคอนาคตใหม่คงเสียขวัญอย่างหนัก เพราะหลายประเด็นที่เข้ามาเป็นลบกับพรรค ไม่ว่าจะเป็นอนาคตของพรรคและอนาคตของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เอง คือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยชี้ขาดสมาชิกภาพในวันที่ 20พ.ย.นี้ ยิ่งมาแพ้การเลือกตั้งอีก ก็ยิ่งซ้ำเติมให้เกิดความหวั่นไหว” น.ส.ทิพานัน กล่าว

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยังกล่าวด้วยว่า  ก่อนหน้านี้น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ “ช่อ” โฆษกพรรคอนาคตใหม่เคยระบุว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้เหมือนเป็นการออกเสียงประชามติว่าเอาหรือไม่เอารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาเป็นเช่นนี้ ผู้สมัครส.ส.ในพรรคร่วมรัฐบาลได้รับการเลือกตั้ง นั่นย่อมสะท้อนว่าประชาชนยังสนับสนุนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ให้บริหารประเทศต่อไป

“อนุทิน”ปลื้ม! ปิดจ็อบเซ็นสัญญารถไฟ 3 สนามบินสำเร็จ

People Unity : “อนุทิน”ปลื้ม! ปิดจ็อบเซ็นสัญญารถไฟ 3 สนามบินสำเร็จ ช่วยรักษาผลประโยชน์รัฐ ก่อนปล่อยมุก สบายใจไม่ต้องควักค่าทุบโฮปเวลล์เอง ขณะที่ “รฟท.-กลุ่มซีพี” พร้อมพันธมิตรลงนามสัญญาร่วมลงทุนเรียบร้อย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกำกับดูแลงานด้านคมนาคม โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” ระบุว่า
วันนี้ (24 ต.ค.62) จะมีการเซ็นสัญญาโครงการรถไฟฟ้า 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา ซึ่งเป็นโครงการสำคัญและมีผลต่ออนาคตการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี โครงการที่จะนำการลงทุนเข้าสู่ประเทศไทย จำนวนมาก และเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ประเทศไทย ก้าวไปข้างหน้าได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อครั้งโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด เมื่อ 30 ปีที่แล้ว

ผมมีความสุขที่เป็นฟันเฟืองหนึ่งให้เกิดการลงนามในสัญญาวันนี้ได้ 1.สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั่วโลก ที่เฝ้ารอดูการการเกิดขึ้นของโครงการนี้ 2.รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ได้ ไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านบาท 3.จะมีการลงทุนและการจ้างงานในโครงการนี้ มูลค่ามากกว่า 200,000 ล้านบาท และ การพัฒนาที่ดิน การก่อสร้างต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนการจัดทำโครงการ โรงงานต่างๆ อีกมาก ซึ่งคาดว่า จะมีเม็ดเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีงานทำ มีรายได้ เป็นการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาอันดับหนึ่งของประชาชน และประเทศไทย 4.โครงการนี้ จะเป็นการพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศไทย ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ถ้าจำกันได้ ผมเคยพูดว่าผมจะสนับสนุนให้มีการลงนามในสัญญาโครงการนี้ให้ได้ โดยให้รัฐได้ประโยชน์สูงสุด หากผู้ที่ชนะการประมูล คือ CPH มีปัญหาอุปสรรคตรงไหน อย่างไร ผมจะพยายามแก้ไข และ เคลียร์ให้ได้มากที่สุด ภายใต้กรอบของกฎหมาย ซึ่งผมได้ทำตามที่พูดไว้แล้ว คือ จะมีการลงนามในสัญญาฉบับนี้ ในวันนี้แล้ว และมั่นใจว่าผมได้รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ไว้ สำคัญที่สุด ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย

ผมขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่ริเริ่มโครงการนี้ และผู้ปฏิบัติทุกท่านที่ช่วยกันคิดหาแนวทางที่จะทำให้โครงการนี้เกิดขึ้น และ ขอบคุณ CPH ที่มีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันเพื่อพัฒนาประเทศไทยของเรา

สุดท้าย ที่สบายใจ คือ การลงนามสัญญาวันนี้ ผมไม่ต้องจ่ายเงินส่วนตัวทุบเสาตอม่อโฮปเวลล์ เพราะคู่สัญญาคือ การรถไฟแห่งประเทศไทย กับ CPH ตกลงกันได้แล้ว ขอบคุณที่สุดคือ ประชาชน และ สื่อมวลชน ที่ช่วยกันตรวจสอบ และสนับสนุน การทำงานของรัฐบาล

รฟท.-กลุ่มซีพีพร้อมพันธมิตรลงนามสัญญาร่วมลงทุนเรียบร้อย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาร่วมลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสาม สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด (กลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร) และพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อสนับสนุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด

นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ รฟท. กล่าวว่า การลงนามสัญญาครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลอย่างรัดกุมของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และนับเป็นครั้งแรกของรัฐบาลที่ได้ผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูงในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP Net Cost) ที่มีมูลค่าสูงถึง 224,544 ล้านบาท โดยที่ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุดจากข้อตกลงสัญญาสัมปทานโดยมีกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ 119,425 ล้านบาท (มูลค่าปัจจุบัน) ปรากฎว่ากลุ่มเอกชนเสนอกรอบวงเงินที่รัฐร่วมลงทุน 117,226 ล้านบาท (มูลค่าปัจจุบัน) ส่งผลให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 2,200 ล้านบาท ภายใต้สัญญาร่วมลงทุน 50 ปี อีกทั้งทรัพย์สินทั้งหมดจะเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐเมื่อสิ้นสุดสัญญา

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน มีแนวเส้นทางเชื่อมโยงท่าอากาศยานสำคัญของประเทศ โดยเริ่มต้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง วิ่งตรงเข้าสู่สถานีกลางบางซื่อ ผ่านสถานีมักกะสัน เลี้ยวเข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าต่อไปตามแนวทางรถไฟสายตะวันออก ผ่านแม่น้ำบางปะกง เข้าสู่สถานีฉะเชิงเทรา สถานีชลบุรี สถานีศรีราชา สถานีพัทยา และเข้าสู่ท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นสถานีสุดท้าย ระยะทางรวม 220 กิโลเมตร (กม.) โดยขบวนรถสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็งสูงเชื่อมสามสนามบิน คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2566 ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะทำให้เกิดการพัฒนาเมืองโดยรอบสถานี นำความเจริญสู่ชุมชน เกิดการกระจายรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีที่ค้าขาย มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจประมาณ 650,000 ล้านบาท ถือเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจไทยตามนโยบาย Thailand 4.0 นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดการจ้างงานในช่วงก่อสร้างมากถึง 16,000 อัตรา และการจ้างงานในธุรกิจเกี่ยวเนื่องมากกว่า 100,000 อัตรา ใน 5 ปีข้างหน้า รวมทั้งเปิดโอกาสให้คนไทยได้เรียนรู้วิธีการทำงานในโครงการด้วยเทคโนโลยีสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาสู่การเป็นบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสูงและมีศักยภาพเพียงพอที่จะสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้

“ธนาธร”เข้าร่วมประชุม กมธ.งบฯ63 สมใจฐานะบุคคลภายนอก

People Unity : “ธนาธร”เข้าร่วมประชุม กมธ.งบฯ63 สมใจฐานะบุคคลภายนอก รับผิดหวังแพ้เลือกตั้งซ่อม-ยันไม่ใช่ขาลงอนาคตใหม่

วันที่ 24 ต.ค.2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 แม้จะมีข้อทักท้วงโดยได้กล่าวยืนยันว่าการเสนอชื่อครั้งนี้เป็นการเสนอในฐานะบุคคลภายนอกไม่ใช่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้เสนอต่อที่ประชุมสภาฯอย่างขัดเจน ซึ่งฝ่ายกฎหมายของพรรคได้พิจารณายืนยันแล้วว่าสามารถร่วมเป็นกรรมาธิการฯได้ แต่พร้อมยอมรับและเดินออกไป หากมีการพิจารณาแล้วว่า ไม่มีคุณสมบัติตามที่ทักท้วงจริง แต่ทั้งนี้การเข้าร่วมเป็นกรรมาธิการฯในสัดส่วนคนนอกนั้น ไม่ได้ยอมรับว่าตัวเองไม่มีสถานะ ส.ส. เพราะเรื่องความเป็น ส.ส. หรือไม่นั้นยังอยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญที่จะรู้ผลในวันที่ 20 พ.ย. อย่างไรก็ตามหากได้กลับมาทำหน้าที่ ส.ส.ตามปกติก็เชื่อว่าไม่มีปัญหาเพราะสัดส่วนนี้เป็นของพรรค

พร้อมกันนี้ นายธนาธร กล่าวถึงการพิจารณางบประมาณว่า ตั้งใจจะเข้ามาดูกระบวนการการพิจารณา เพราะพรรคอนาคตใหม่เพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ มีความจำเป็นต้องสั่งสมประสบการณ์ ทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ดังนั้นพรรคจึงเห็นว่าแกนนำควรได้รับการสั่งสมประสบการณ์ตรงนี้ ส่วน ส.ส.คนอื่นๆก็มีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนตามแต่ละด้านที่ถนัด

รับผิดหวังแพ้เลือกตั้งซ่อม-ยันไม่ใช่ขาลงอนาคตใหม่

นายธนาธร กล่าวถึงผลการเลือกตั้งซ่อมเขต5 จังหวัดนครปฐม ว่า 28,000 เสียงที่จังหวัดนครปฐมเป็นเหล็กเนื้อดี เช่นเดียวกับ ส.ส. 70 คนที่ทำตามมติพรรค จึงมีความภาคภูมิใจว่ายังมีประชาชนยืนกับพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้มีความกังวลใจ ทั้งนี้จะทำงานทางการเมืองภายใต้พรรคอนาคตใหม่อย่างมั่นคงแน่วแน่ แม้จะพ่ายแพ้ไปประมาณ 9,000 คะแนน แต่ก็ต้องยอมรับว่าพรรคชาติไทยพัฒนาทำงานอย่างเต็มที่และแสดงความยินดี

ส่วนสาเหตุความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นมีการประเมินการทำงานอย่างไรบ้าง เบื้องต้นก็มีการประเมินโดยทีมรณรงค์การเลือกตั้งของพรรคคจะส่งผลคำชี้แจงและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงการทำงานของพรรคต่อไป จึงยังสรุปสาเหตุในขณะนี้ไม่ได้ ทั้งนี้ตนรู้สึกผิดหวังเป็นธรรมดา แต่ยังมองไม่เห็นว่าเป็นขาลงของพรรค ส่วนผลการเลือกตั้งสะท้อนถึงความนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้นส่วนตัวมองว่าหากลงไปถามความเห็นประชาชนในพื้นที่ในตลาด ก็คงจะตอบได้ไม่ยาก

“วิษณุ”ชี้ช่อง”ธนาธร”นั่ง กมธ.งบฯ 63 แล้ว!

People Unity : “วิษณุ”ชี้ช่องแล้ว! ยก”วราเทพ” ยัน”ธนาธร”นั่ง กมธ.งบฯ63 โควต้าคนนอกได้ ประธานสภาจะต้องชี้ขาดหากชี้ขาดไปแล้วไม่เป็นที่ยุติก็ไปช่องอื่น

เมื่อวันที่ 24 ต.ค.62 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการถกเถียงคุณสมบัติของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ร่วมเป็นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2563 เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.เป็นการชั่วคราว ว่า จะไม่ตอบตรงๆ ในเรื่องนี้ แต่การเป็นกมธ.วิสามัญคือคณะบุคคลที่ตั้งโดยสภาให้ไปทำหน้าที่แทน จึงเป็นคนของสภา และตามข้อบังคับของสภา กมธ.วิสามัญต่างจากกมธ.สามัญที่ต้องเป็นส.ส.เท่านั้น แต่กมธ.วิสามัญเป็นได้ทั้งบุคคลภายนอกและส.ส. เช่น นายวราเทพ รัตนากร กมธ.วิสามัญในโควต้าคณะรัฐมนตรี เป็นเรื่องที่สภาจะแต่งตั้งมอบหมายสภาต้องไปว่ากันเอง

ทั้งนี้ประธานสภาจะต้องชี้ขาด หากชี้ขาดไปแล้วไม่เป็นที่ยุติ จะไปกระบวนการอื่นก็สุดแล้วแต่ แม้ทุกเรื่องจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญเพราะไม่สามารถจบในขั้นต้นได้ แต่ไม่อยากไปย้ำมัน เพราะจะถูกมองว่าไปศาลอีก เรื่องนี้ตนอยู่ในซีกรัฐบาล คงไม่สามารถออกความเห็นได้จะเป็นการเสียมารยาท

นายวิษณุ กล่าวว่า ในอดีตเคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว มีผู้ถูกสั่งให้พักการปฏิบัติหน้าที่ แล้วมาเป็นกมธ.วิสามัญ รวมถึงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องมารยาท เพราะในอดีตเคยมีบางพรรคโควต้าเต็ม แล้วไปฝากโควต้ากับพรรคอื่น ดังนั้น อย่าเอาการตั้งบุคคลภายนอกมาเทียบ เพราะข้อบังคับกมธ.วิสามัญ ประกอบด้วยผู้ที่ได้เป็น และไม่ได้เป็นสมาชิกสภาก็ต้องให้ชัดว่าคนที่มาเป็นคืออะไร แต่นายธนาธรหากเข้าในโควต้าคนนอกก็เป็นได้ เหมือนนายวราเทพ และอีกหลายคน ส่วนคนที่เป็นส.ส.ก็ชัดว่าเป็นคนใน กรณีนี้คนจึงสงสัยว่าคนนอกหรือคนใน หากให้ตนตอบกลางๆ ก็ไม่ต้องไปสงสัย เมื่อสภาเป็นคนตั้ง จะเป็นคนนอกหรือคนในได้ จึงไม่มีเหตุที่ให้สงสัย ปัญหาอยู่ที่คนสงสัยที่ต้องไปหาทางออกโดยกลไกสภา

เมื่อถามว่า การอธิบายเช่นนี้ แสดงว่านายธนาธรเป็นได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ตอบ ที่ตนอธิบายคือหลักการ ซึ่งคนนอกหรือคนใน ในกมธ.วิสามัญไม่มีอะไรแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องเบี้ยประชุม สิทธิการโหวตในกมธ.วิสามัญก็เท่ากัน แต่เมื่อเข้าสู่วาระ 2 และวาระ 3 ในสภา กมธ.วิสามัญไม่สามารถโหวตได้ไม่ว่าจะเป็นส.ส.หรือไม่เป็นส.ส.ก็ตาม

เมื่อถามว่า มีการมองว่าพรรคอนาคตใหม่ รู้อยู่แล้วเรื่องนี้จะเป็นปัญหา แต่ยังเสนอชื่อนายธนาธร เพื่อให้เป็นประเด็นทางสังคม นายวิษณุ กล่าวว่า เช่นเดียวกับคนที่ค้านก็ต้องการให้เป็นประเด็นทางสังคมเหมือนกัน

Verified by ExactMetrics