วันที่ 23 พฤศจิกายน 2024

“อนุทิน”น้อมรับข้อเสนอแนะศึกอภิปรายงบฯ63

People Unity : “อนุทิน”น้อมรับข้อเสนอแนะศึกอภิปรายงบฯ63 ยืนยัน สธ.ทำงานเต็มที่เพื่อสุขภาพคนไทย “พุฒพงษ์” แจงโครงการเพิ่มเครื่องวัดดิจิทัล100กว่าจุด ช่วยก.อุตุฯพยากรณ์ -เกษตรกรไทยวางแผนเพาะปลูกแม่นยำ ตั้งเป้า3 ปีไทยขยับเกณฑ์มาตรฐานสากล ย้ำปี 64 ราชการไทยมีคลาวด์เป็นของตนเอง เพื่อความปลอดภัย-ประหยัดงบ แจงงบฯเวิด์ลเอ็กซ์โปร์ 800ล้านสุดคุ้ม

วันที่ 19 ต.ค.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 ว่า ขอบคุณทุกประเด็นที่เสนอมาในการอภิปรายครั้งนี้ อันสะท้อนว่าท่านสมาชิก มีความเป็นห่วงเป็นใยต่อสุขภาพคนไทย ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ ได้จดบันทึกทุกคำแนะนำเพื่อนำไปปฏิบัติ ให้เห็นผล

“รัฐบาลปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพของประชาชน ตนตั้งใจเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะอยากให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ซึ่งเป้าหมายทั้งหลายจะเกิดขึ้น เมื่อคนไทยมีสุขภาพดี และนั่นคือภารกิจสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องดูแลสุขภาพคนไทย ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก และเมื่อถึงวัยเกษียณ คนไทย ต้องใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ยิ่งหลังจากนี้ ประเทศไทย กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุ จึงต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ไม่ถูกทอดทิ้ง ให้ได้ตระหนักถึงคุณค่าที่มีต่อประเทศ ให้เป็นสังคมผู้สูงอายุที่เข้มแข็ง ขอยืนยันว่าข้าราชการทุกคน และบุคลากรทุกท่านในกระทรวงสาธารณสุข ตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถแน่นอน” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจง

“ส.ส.ราชบุรี”แนะ สาธารณสุข เน้นซื้อเครื่องมือแพทย์ของในประเทศ

ทั้งนี้ น.ส.กุลวดี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข มีความจำเป็นอย่างมาก ตนขอแนะนำให้กระทรวงสาธารณสุข เน้นดารใช้เครื่องมือที่ผลิตในประเทศไทย อย่างเช่น การจัดซื้อเครื่องล้างไต จะช่วยเหลือผู้ป่วยที่ล้างไตได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้การใข้ชีวิตประจำวันมีคุณภาพที่ดีขึ้น เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ ที่นำมาใช้ในวงการแพทย์ตอนนี้มีคุณภาพที่ดีมาก และผู้ป่วยสัมผัสรังสีได้น้อยลง ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้แม่นยำมากขึ้นการอดีต

“ปารีณา”ติงส.ส.อภิปรายงบด้านเดียว ชี้รบ.จำต้องกู้เงินตามล้างหนี้จากรบ.ชุดก่อน

น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาความยากจน จากที่ได้ฟังสมาชิกอภิปรายหลายคนในลักษณะเหรียญด้านเดียว ปัจจุบันรัฐบาลมีหนี้สินมากจริง ซึ่งเกิดจากการกู้ของรัฐบาลที่ผ่านมา การกู้เงินมาบริหารประเทศเป็นความจำเป็น และเกิดขึ้นกับทุกรัฐบาล แต่หนี้สินส่วนหนึ่งเกิดความปัญหาความทุจริต คอรัปชั่น โกงจำนำข้าว 6 แสนล้านบาท โกงหวยบนหิน จีทูจี โดยเฉพาะรัฐบาลชุดนายกรัฐมนตรีที่หนีไปต่างประเทศ สร้างหนี้ไว้ให้กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทรฺโอชา จนต้องตั้งงบประมาณจำนวน4.6 หมื่นล้านบาทมาชดใช้หนี้โครงการจำนำข้าวดังกล่าว ส่วนคนโกงก็ไปอยู่ต่างประเทศ ชาตินี้ก็กินไม่หมด

น.ส.ปารีณากล่าวว่าเราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ แต่เริ่มจากติดลบ ปัจจุบันนี้ทุกประเทศทั่วโลกเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เกิดจากสงครามการค้าจีน สหรัฐ ประเทศไทยก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เศรษฐกิจตกต่ำเป็นปัญหาทั่วโลก แต่ไทยถือว่าได้รับผลกระทบน้อย รัฐบาลสามารถสร้างเสถียรภาพการเงิน การคลังได้อย่างมั่นคง เห็นชัดเจนค่าเงินบาทแข็งมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ทำให้ ไทยได้รับความน่าเชื่อถือจากทั่วโลก ปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และในบรรยากาศทั้งหมดนี้เวิด์ล อิคอมนอมิค ฟอร์รั่ม ยังจัดอับดับความสามารถในการแข่งขันของไทยให้อยู่ในอันดับที่ 40 จากทั่วโลก เป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวอันดับหนึ่ง ครองแชมป์อยู่ ส่วนปัญหาความยากจนเป็นปัญหาเรื้อรังยาวนานทุกรัฐบาลยังแก้ไม่ได้ จึงไม่เป็นธรมที่จะกล่าวหารัฐบาลนี้เป็นต้นเหตุความยากจน

ส.ส.ราชบุรีกล่าวว่า แต่รัฐบาลมีการจัดงบประมาณและทำนโยบายแก้ไขเศรษฐกิจโดยส่วนหนึ่ง มีการนำภาษีมาช่วยอัดฉีดเงินช่วยเหลือชาวนา ชาวไร่ ผู้มีรายได้น้อย ทั้งการแจกเมล็ดพันธุ์ข้าว ประกันราคาข้าว 15,000 บาทต่อตัน ประกันราคายาง ราคาสินค้าเกษตร เป็นการใช้งบที่ประชาชนรออยู่ โดยเฉพาะประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 14.6 ล้านคน ซึ่งใช้งบ4 หมื่นล้านบาท สวัสดิการผู้สูงอายุ 7.6 หมื่นล้านบาท คนเหล่านี้รองบประมาณจากรัฐบาลอยู่ จึงอยากให้ฝ่ายที่เห็นต่างมาร่วมกันเดินหน้าประเทศไทย ไม่ดึงรั้งว่าเมื่อไหร่จะได้เงินตามนโยบาย ก็ขอให้ช่วยกันโหวตให้กับร่างงบปนะมาณนี้ อย่าดึงรั้งประเทศไทย ขอให้ทุกคนเดินหน้าประเทศไทย ประชาชนรออยู่

“ส.ส.สระบุรี”เชื่องบกระทรวงดิจิตอลสำคัญต่อภาคเกษตร

น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่ากระทรวงดิจิตอลฯได้งบมาไม่ถึง 25 % ซึ่งเป็นดระทรวงที่สำคัญ โดนเฉพาะหากนำไปประยุกต์กับการทำเกษตรกรรม ที่จะทำให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบการพยากรณ์ได้ ก็ตะทำให้ผลผลิตที่จะได้สามารถลดต้นทุนและลดความเสี่ยง นอกจากนี้สาธารณภัย โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วม ถ้าเราเทียบกับญี่ปุ่น เขาจะมีเครื่องตรวจวัดสภาพอากาศกว่า 3000 เครื่องเพื่อตรียมรับมือกับภัยพิบัติ ซึ่งประเทศไทยเราต้องพัฒนาระบบดิจิตอลให้ก้าวหน้ามากกว่านี้

“พุฒพงษ์” แจงโครงการเพิ่มเครื่องวัดดิจิทัล100กว่าจุด

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงกรณีที่สมาชิกอภิปรายการจัดงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องดิจิทัลวัดพยากรณ์อากาศ ให้กับเกษตรกรในการวางแผนเพาะปลูกว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก โดยมีนโนยายเกษตรดิจิตอล ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ใส่ไว้ในงบประมาณในการเพิ่มจุดวัดพยากรณ์อีกประมาณ100 กว่าจุด ซึ่งเป็นจุดสถานีชี้วัดผลพยากรณ์อากาศแบบย่อม ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีสถานีชี้วัดทั่วประเทศทั้งหมด 125 จุด ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นมีถึง3,600กว่าจุด โดยรัฐบาลได้พยายามผลักดันในงบประมาณปี63 ขอเพิ่ม100 กว่าจุด เพราะเห็นถึงความสำคัญว่าหากมีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการช่วยพยากรณ์ให้เกษตกรได้ทราบ และสามารถวางปฎิทินการเพาะปลูกต่างๆได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไทยจำนวนมาก และงบประมาณก็ไม่ได้มาก

“เราพยายามวางแผนเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อเพิ่มจุดตัวชี้วัดทั่วประเทศให้มีความแม่นยำเหมือนนานาประเทศ เพราะที่ผ่านมามีคำถามว่าทำไมกรมอุตุนิยมวิทยาถึงไม่มีความแม่นยำในการพยากรณ์อากาศ แต่ภายในระละเวลาอันใกล้นี้ ไทยจะสามารถขยับเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานสากลได้ และใช้เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาแก้ปัญหาให้เกษตรกรได้”

นายพุทธิพงษ์ยังได้ชี้แจงงบประมาณโครงการทำ GDCC  หรือ การจัดเก็บข้อมูลในCloud (คลาวด์) ของภาครัฐ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่มองเห็นการปรับเปลี่ยนการปรับตัวเข้าสู่ฐานข้อมูลรวมที่ถูกต้อง และปลอดภัย ของภาครัฐ ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรีเคยมีการใช้หน่วยงานสถาบันที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในราชการ (สปร.) มาดูแล และสนับสนุนให้หน่วยงานราชการบางหน่วยงานใช้คลาวด์ แต่ในส่วนของกระทรวงดิจิทัลได้บูรณาการว่าจากนี้ต่อไปถึง2564 ทุกหน่วยราชการของรัฐบาลไทยจะต้องใช้ระบบคลาวด์อันเดียวกัน และป้องกันข้อมูลราชการให้ปลอดภัยเหมาะสม ที่สำคัญคือประหยัดงบประมาณ

“ที่ผ่านมาทุกหน่วยตั้งงบประมาณเช่าใช้คลาวด์ในพื้นที่ต่างๆ เป็นการสิ้นเปลืองและมาตรฐานก็ต่างกัน แต่จากนี้ไปเมื่อมีการรวมศูนย์คลาวด์แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองงบประมาณอีก ต่อไปรัฐบาลไทยจะมีคลาวด์เป็นของตนโดยใช้ CAT โทรคมนาคมเป็นคนทำให้ ยืนยันว่าจะไม่เป็นการซ้ำซ้อน แต่จะเป็นการถ่ายโอนทั้งหมดเพื่อให้เป็นระบบบูรณาให้เหมาะสม และดีที่สุด”

ส่วนประเด็นการใช้งบประมาณจัดเวิลด์เอ็กซ์โปร ปี63 ซึ่งประเทศไทยจะไปร่วมจัดงานที่ดูไบ ซึ่งเป็นงบผูกพัน3 ปี โดยรวมประมาณ 800 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างและทำระบบทั้งหมด ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้พื้นที่จัดแสดงมากที่สุดเท่าที่เคยได้มา คือไซด์L โดยปีที่แล้วเราได้ไซด์M แต่ใช้งบประมาณเท่ากัน เราจะยึดมั่นในแนวทางและวัฒนธรรมประเพณีไทย โดยใช้ดอกไม้ และสิ่งที่คนไทยให้ความนับถือในการบอกเล่าความเป็นคนไทย โดยใช้ดิจิทัลที่ทันสมัย ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญและระมัดระวังต่อการใช้ภาษีของประชาชนอย่างมาก ไม่ให้เสียความที่จะเอาประเทศไทยไปเผยแพร่ต่อสายตาชาวโลกโดยคงคุณภาพ ใช้งบเหมาะสม และประหยัด อย่างไรก็ตามส่ิงที่สมาชิกได้แนะนำตนก็จะนำไปปรับปรุงและพัฒนาต่อไป

“เทวัญ”แจงงบฯปี63! หนุน พศ. ลดยกเหตุจำนวนพระเณรลดลง

People Unity : “เทวัญ”แจงงบฯปี63! หนุน พศ. ลดยกเหตุจำนวนพระเณรลดลง ยันยังส่งเสริมให้พระอยู่ดูแลปลูกป่าเช่นเดิม ส่วนงบฯสนันสนุนม.สงฆ์ พศ.ไม่ได้ดูแล

วันที่ 19 ต.ค.2562 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 ในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติอภิปรายนายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ที่ระบุลดลงว่า สาเหตุที่ลดมีอยู่หลายปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากการลดลงของพระภิกษุ และสามเณร เนื่องจากปัจจุบันนี้เยาวชนได้หันไปเรียนในโรงเรียนสังกัดสำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมากขึ้น ส่วนงบประมาณสนับสนุนมหาวิทยาลัยสงฆ์นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับ พศ. ประกอบกับปัจจุบันนี้มหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งสามารถบริหารจัดการตัวเองได้

“ขณะที่ข้อกังวลเรื่องจะทุบวัดและไล่พระออกจากป่านั้นก็ไม่เป็นความจริง ต่อไปนี้รัฐบาลจะสนับสนุนให้พระเป็นประหนึ่งเจ้าหน้าที่คอยดูแลป่าส่งเสริมการปลูกป่า ดังนั้นรัฐบาลนี้จึงให้การสนับสนุนพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจง

“บิ๊กป้อม”เชียร์”บิ๊กแดง” เป็นนายกฯต่อจาก”บิ๊กตู่”

People Unity : “บิ๊กป้อม”เชียร์”บิ๊กแดง” เป็นนายกฯต่อจาก”บิ๊กตู่” ยันงบประมาณด้านความมั่นคงมีรายละเอียดชัดเจนอยู่แล้ว

วันที่ 19 ต.ค.2562 ที่รัฐสภา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านอภิปรายโจมตีงบประมาณด้านความมั่นคง ที่ไม่ได้มีการลงรายละเอียด เนื่องจากเกรงใจพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่า คงไม่ เพราะในงบประมาณก็มีรายละเอียดชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนที่ยังไม่ชัดเจนนั้น เป็นเพราะบางอย่างยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเอาไปทำอะไร เป็นการกำหนดเอาไว้แบบกว้างๆ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่ามีการเพิ่มค่าตอบแทนให้ทหารชั้นนายพล ตำแหน่งพิเศษใช้งบประมาณสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ หรือ 7 พันล้านบาทต่อเดือนพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ขอไปตรวจสอบก่อน แต่เท่าที่ดูไม่น่าจะมี เชื่อว่าคงไม่น่าจะมีการเพิ่มให้ทหารชั้นนายพล มีเพียงค่าปฎิบัติหน้าที่อย่างเดียว

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าการโหวตร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 จะเกิน 250 เสียง พล.อ.ประวิตร ย้อนถามสื่อมวลชนว่า “แล้วคุณว่าอย่างไร”

เมื่อถามว่านอกจากเสียงของรัฐบาลแล้วยังมีเสียงของพรรคฝ่ายค้านมาช่วยสนับสนุนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวพร้อมอมยิ้มว่า “ยังไม่รู้”

เมื่อถามอีกว่าแต่ท่านยิ้ม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมก็ยิ้มแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว”

ต่อข้อถามถามว่าก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านโจมตีผบ.ทบ.ภายหลังบรรยายายพิเศษในหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะให้ทำอย่างไรได้ ท่านก็ตั้งใจดี

ผู้สื่อข่าวถึงประเทศฝ่ายค้านคาดเดาว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจาก พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมหรือ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็ไม่รู้สิ แต่ถ้าเป็นได้ก็ดี” ก่อนจะหัวเราะและเดินเข้าห้องประชุม

เพื่อไทยติงรัฐบาลจัดสรรงบฯปี63ส่งเสริมพระพุทธศาสนาลงลด

People Unity : “นิยม เวชกามา”ส.ส.สกลนครพรรคเพื่อไทย อภิปรายงบฯปี63 ติงรัฐบาลจัดสรรส่งเสริมพระพุทธศาสนาลงลด

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2562 นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 ในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่า จากการพิจารณาเนื้อหาแห่งร่างแล้วปรากฏว่ ามีงบประมาณที่สนับสนุนลงลดทุกปี ทั้งๆ ที่งบประมาณดังกล่าวเป็นการส่งเสริมและคุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาที่คนส่วนใหญ่ของชาตินับถือ จึงถือว่าไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่เสนอให้สภาฯเห็นชอบก่อนหน้านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิยมเป็นส.ส.ที่อภิปรายที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่นโยบายของรัฐบาลและโอกาสต่างในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน! “อนุทิน”ยันยึดสัญญาเดิม

People Unity : “อนุทิน” ยันสร้างรถไฟ 3 สนามบิน ยึดสัญญาเดิม พร้อมชดเชยเอกชนด้วยการขยายเวลาเท่านั้น

เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2562 จากกรณที่มีกระแสข่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง อู่ตะเภา สุวรรณภูมิ ภาครัฐและกลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร หรือกลุ่ม CPH ผู้ชนะการประมูล ได้ตกลงแก้ไขสัญญาเดิม จากที่ภาครัฐ ต้องชำระค่าก่อสร้างในปีที่ 6 หรือหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นภาครัฐชำระค่าก่อสร้าง ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง นอกจากนั้น ภาครัฐพร้อมจะจ่ายเงินชดเชย กรณีการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามกำหนด ซึ่งไม่ใช่ความบกพร่องของเอกชน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภาครัฐยังยึดสัญญาฉบับเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง RFP ว่าอย่างไร ให้เป็นไปตามนั้น ส่วนเรื่องการส่งมอบพื้นที่ ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าจะไม่ทันใน 2 ปี เนื่องจากยังมีคนอาศัยอยู่ มีท่อ มีสายไฟ มีสาธารณูปโภคขวางอยู่ ตนไม่เป็นห่วง เพราะเคยประชุมร่วมกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางนั้นบอกว่าจัดการได้แน่นอน บางหน่วยงานเปิดเผยว่า จะใช้เวลาน้อยกว่า 2 ปีด้วย ก็ต้องเชื่อ

“แต่ถ้าครบ 2 ปีแล้ว มันยังติดขัด ต้องไปดูว่าเพราะอะไร หากเกิดจากภาครัฐ เพิกเฉิย ไม่ยอมทำอะไรเลย มันก็ต้องจัดการแบบหนึ่ง แต่ถ้าภาครัฐทำเต็มที่ แต่ไม่ทันจริงๆ ก็ต้องหารือกับเอกชน หาทางออกร่วมกัน แต่ขอให้ย้อนดูกฎหมายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของทางภาครัฐ ที่กำหนดให้ชดเชยด้วบการขยายเวลา ตามหลักก็ต้องเป็นไปตามนั้น” นายอนุทิน กล่าวและว่า

ระหว่างการส่งมอบพื้นที่ ไปจนถึงการก่อสร้าง มีโอกาสที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น ฝนตก น้ำท่วม มันไม่ใช่ความผิดของใคร แต่มันทำให้การดำเนินงานล่าช้า ตรงนี้ ก็ชดเชยด้วยการขยายเวลาไป แต่ไม่มีทางที่รัฐจะไปจ่ายเงินชดเชยให้เอกชน และถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา เอกชนมีสิทธิ์ฟ้องเอาเงิน แต่โอกาสชนะยาก ส่วนการยกเลิกสัญญา จะทำโดยฝ่ายเดียวไม่ได้ แม้เอกชนจะยกเลิกสัญญาไปแล้ว แต่ก็ต้องทำงานต่อ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา ดูเหมือนว่ารัฐจะได้เปรียบทุกประตู แต่กว่าจะถึงวันนี้ รัฐก็ต้องทำตามสัญญา และทำมากด้วย การที่เอกชนมาทำงานกับรัฐ สิ่งที่มั่นใจได้ คือ เมื่อทำงานเสร็จ รัฐจ่ายแน่นอน

“ราคาที่ผู้ชนะประมูลเสนอมา เป็นราคาที่ดีมากๆ ดังนั้นภาครัฐประคบประหงมอย่างเต็มที่ อะไรที่ทำได้ ไม่ขัดกับกฎหมาย ไม่ขัดกับสัญญา รัฐทำเต็มที่ เพราะเปิดประมูลใหม่ หรือทำอย่างไร ก็ไม่มีทางได้ราคานี้ ล่าสุด ได้ยินข่าวว่าทางกลุ่ม CPH มาเซ็นดำเนินงานแน่นอน แต่ขอดูฤกษ์ดูยาม ซึ่งทางรัฐไม่ขัดข้อง ขออย่าให้ถึงวันที่ 7พฤศจิกายน 2562 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดวันยืนสัญญาก็พอ”

“สนธิรัตน์” ขอบคุณ “ปิยบุตร” อภิปรายแนวนำขับเคลื่อนงบฯ

People Unity : “สนธิรัตน์”เชื่อ ร่างพ.ร.บ.งบฯ ผ่านฉลุย ขอบคุณ “ปิยบุตร” อภิปรายให้แนวทางนำไปขับเคลื่อนงบประมาณแผ่นดิน
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2562 เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภาฯ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ช่วง 2 วันที่ผ่านมาว่า เป็นบรรยากาศการอภิปรายที่สร้างสรรค์ ทั้งส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ได้เสนอความคิดให้รัฐบาลนำไปพิจารณา ซึ่งการอภิปรายดังกล่าวจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ และจากการที่ตนได้เจอกับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โดยเขายืนยันว่ายืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะสกัดร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ แต่เป็นเจตาดีเพื่อให้รัฐบาลนำไปปฎิบัติ ขับเคลื่อนงบประมาณของแผ่นดิน ซึ่งตนก็ได้ขอบคุณนายปิยบุตรไปแล้ว ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าการลงมติจะผ่านไปได้ด้วยดี และรัฐบาลจะได้รับสียงสนับสนุนตามที่ต้องการ

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านระบุว่าหากร่างพร.บ.งบประมาณฯ ผาน จะเตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในสิ้นปีนี้ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า สิ่งไหนที่เป้นสิทธืตามรัฐธรรมนูญ ก็เป็นกระบวนการที่ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลสามารถทำได้ วึ่งขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามะเบียบข้อบังคับ

เพื่อไทยยอมรับสภาพ ส.ส.หายเบี้องต้นสามเสียงโหวตงบฯปี63

People Unity : “สุทิน​”ประธานวิปฝ่ายค้านยอมรับสภาพ ส.ส.เพื่อไทย หายเบี้องต้นสามเสียงโหวตงบฯปี63

วันที่ 19 ต.ค.2562 ที่รัฐสภา นายสุทิน​ คลังแสง​ ส.ส.มหาสารคาม​ พรรคเพื่อไทย(พท.)​ในฐานะประธานคณะกรรมการ​ประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน​(วิปฝ่ายค้าน)​ ให้สัมภาษณ์​ก่อนการอภิปรายร่าง​พระราช​บัญญัติ​(พ.ร.บ.)​งบประมาณ​รายจ่ายประจำปีงบประมาณ​พ.ศ.​2563 วันที่​ 3 ว่า​ ขณะนี้เหลือเวลาอภิปรายอยู่ประมาณ​ 7​ ชั่วโมง​ หากทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อย​ การพิจารณา​ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ​ รวมถึงการตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)​น่าจะเสร็จ​ภายใน​ 21.00 น.

นายสุทิน กล่าวว่าภาพรวมการอภิปรายวันนี้​ ฝ่ายค้านจะอภิปรายถึงโจทย์ที่ยังติดใจอยู่และรัฐบาลยังไม่ตอบ​เช่น​ การประมาณการณ์รายรับและการบริหารงบ​ เพราะปีที่แล้ว​ การใช้งบประมาณใช้ไปเพียง​ 60​ เปอร์เซ็นต์​ แทนที่จะได้กระตุ้นเศรษฐ​กิจ​จากงบเหล่านี้ ก็ทำไม่ได้​ ขณะที่ปีนี้มีเวลาใช้งบเพียง 8​ เดือน​ จะเข้าตำรา​ “คนจนกู้เงินใช้ไม่หมด” หรือไม่

ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการโหวตร่างพ.ร.บ.​งบประมาณฯ​ ว่า​ ฝ่ายค้านจะประชุมกันในช่วงเที่ยงวันนี้​ มั่นใจว่าเสียงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน​ แต่รายละเอียด​ของแต่ละพรรคเราไม่ทราบ​

ผู้สื่อข่าวถามว่า​ จะมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่โหวตไปในแนวทางเดียวกับพรรคหรือไม่​ นายสุทินกล่าวว่า​ แต่ละพรรคคงมีอยู่แล้ว​ แม้เรื่องดังกล่าวเป็นเอกสิทธิ์​ แต่เชื่อว่าส.ส.แต่ละพรรคจะมีวินัย​ ดำเนินการตามแนวทางของพรรค​ บทลงโทษขณะนี้ยังไม่มี​ แต่อาจจะมีในช่วงของการพิจารณา​ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมถึงการส่งเสริมความก้า​วหน้าในพรรค​ ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรง​แต่ถึงอย่างไร​ เราก็ต้องฟังเหตุผลการชี้แจงของเขาด้วย​

เช่น​ ของพรรคเพื่อไทย​ วันนี้ก็มีนอนโรงพยาบาล​อยู่​ อาทิ​ นายเชิดพงศ์ ราชป้องขันธ์​ ส.ส.บึงกาฬ​ นายจักพรรดิ​ ไชยสาส์น​ ส.ส.อุดรธานี​ และถ้ารวมกับนายนวัธ​ เตาะเจริญสุข​ ส.ส.ขอนแก่น​ ที่ต้องคำพิพากษา​อยู่​ก็จะทำให้เสียงของเพื่อไทยหายไป​ 3 คน​

เมื่อถามว่า​ สภาฯจะเปิดสมัยประชุมวิสามัญอีกครั้งในวันที่​ 1 พฤศจิกายน​ ฝ่านค้านจะยื่นอภิปราย​ไม่ไว้วางใจ​เลยหรือไม่​ นายสุทินกล่าวว่า​ ต้องดูตามความสมควร​ และเ​ท่าที่ดูข้อมูลก็พอจะมีเหตุและหลักเกณฑ์​ที่ต้องลงแซ่​ เช่น​ การไม่ปฏิบัติตาม​กฎหมาย​โดยเฉพาะ​เรื่องเงินนอกงบประมาณ​ ที่จะไปขัดกับเรื่องวินัยการเงินการคลังได้​ และคิดว่าจะยื่นอภิปราย​ภายในสิ้นปีนี้​ เพราะการอภิปราย​ไม่ไว้วางใจ​จะทำได้ปีละ​ 1 ครั้งตามวงรอบปฏิทิน​

“ธนกร”เย้ย อนค.ผิดฟอร์มถกงบฯปี63 หลัง”ธนาธร”ออกอาการร่อแร่

People Unity : “ธนกร”มั่นใจงบ63 ผ่านฉลุย ชี้รัฐบาลชี้แจงได้ชัดเจน ชม”บิ๊กตู่”ใจเย็น ชี้แจงได้ทุกรายละเอียด เย้ยอนค. อภิปรายผิดฟอร์ม หลัง”ธนาธร”ออกอาการร่อแร่

วันที่ 19 ต.ค.2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่า บรรยากาศการอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ฝ่ายรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจนถึงที่มาที่ไป ความจำเป็น ความเหมาะสม และความคุ้มค่าของการจัดทำงบประมาณ ขณะที่ฝ่ายค้านก็อภิปรายตามปกติ ไม่ได้เข้มข้นเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านเองก็คงทำการบ้านมาอย่างดี เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้วเห็นว่าการจัดทำงบประมาณเป็นประโยชน์กับประชาชนจึงไม่ได้คัดค้านอะไรมากมาย หรือดุเด็ดเผ็ดร้อนเอาเป็นเอาตายเหมือนในอดีต

นายธนกร กล่าวอีกว่า การอภิปรายครั้งนี้ต้องขอชื่นชมพล.อ.ประยุทธ์ที่ใจเย็น มีอารมณ์ขัน และสามารถชี้แจงฝ่ายค้านได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ตนเจอส.ส.ฝ่ายค้านบางคนก็ยังพูดชมท่านนายกฯ พร้อมทั้งบอกด้วยว่า งบประมาณปี63ประชาชนได้ประโยชน์ก็คงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เห็นด้วย เพราะประชาชนรออยู่ ตนอยากให้บรรยากาศเป็นแบบนี้ เพราะเชื่อว่าทุกฝ่ายทำเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชน หากอะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลก็ต้องร่วมมือกัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะนำข้อเสนอแนะต่างๆ มาปรับปรุงในชั้นกรรมาธิการฯ อะไรที่ทำแล้วเกิดประโยชน์สูดสุดกับพี่น้องประชาชน รัฐบาลเดินหน้าดำเนินการแน่นอน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ขณะที่การอภิปรายของพรรคอนาคตใหม่นั้น เข้าใจได้ว่าส.ส.หลายท่านคงไม่มีกะจิตกะใจ เพราะหัวหน้าพรรคกำลังเหนื่อยหลายเรื่อง เหมือนคำพระที่ว่า กัมมุนาวัตติโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ซึ่งใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลกรรมที่จะตามมา

“สุวิทย์”แจงสภาฯ เร่ง Re-skill Up-skill คนรับดิสรัปชั่น

People Unity : “สุวิทย์” แจงสภาฯ อว.เร่งพัฒนาคนทั้งการศึกษา ในและนอกระบบ รองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

วันที่ 19 ต.ค.2562 นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงภารกิจสําคัญของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คือ การเตรียม ประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 โดยมีภารกิจสําคัญสามเรื่อง คือ การสร้างและพัฒนาคน การวิจัยเพื่อสร้างความรู้ และการสร้างและพัฒนานวัตกรรม เรื่องการสร้างคน ภารกิจ อว. ไม่ได้เน้นการผลิตบัณฑิตอย่างเดียวแล้ว ซึ่งการผลิตบัณฑิตแต่ละปี ประมาณ 2.5 ล้านคน แต่ต้องขยายไปถึงคนที่อยู่ในการทํางาน จําเป็นต้อง Re-skill Up-skill เพราะโลกเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน แรงงานที่มีอยู่อาจตกงาน และต้องมีการเปลี่ยนงานมากกว่า 38 ล้านคน ประเด็นที่หลายท่าน ได้อธิบายไปแล้วเรื่องคนสูงวัยนั้น ภารกิจ อว. คือ การทํางานร่วมกับกระทรวงอื่นๆ เพื่อการศึกษาและเรียนรู้ ของคนสูงวัยจํานวน 11 ล้านคน บทบาทนี้ไม่เพียงแต่การศึกษาเท่านั้น แต่เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต อีกประเด็น หนึ่งซึ่งมีสมาชิกบางท่านห่วงใยเรื่องการเปิดหลักสูตรจํานวนมาก ซึ่งหลักสูตรจํานวนหนึ่งเป็นหลักสูตรที่ตอบ โจทย์อาชีพ เช่น บัณฑิตพันธุ์ใหม่ ไม่เพียงแต่การเรียนการสอนในระบบ Degree แต่มี Non-degree ด้วย

นอกจากนี้เรื่องการสร้างองค์ความรู้ การลงทุนวิจัยและพัฒนา 5 ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วน 0.48% ต่อ GDP วันนี้ ได้ขยับขึ้นเป็น 1.1% ต่อ GDP และจะเพิ่มขึ้นไปต่อเนื่อง โดยภายใน 5 ปี ควรขยับจาก 1.1% เป็น 1.5% ต่อ GDP หรือ 280,000 ล้านบาท ซึ่งงบวิจัย 80% จะมาจากเอกชน เป็นตัวคูณสมทบเพิ่มไปอีก 4-5 เท่า ของงบ วิจัยภาครัฐ 24,000 ล้านบาท

ส่วนประเด็นคําถามที่ว่างานวิจัยจะไปสู่จุดไหนนั้น จากเดิมเป็นเบี้ยหัวแตก ต่างคนต่างทํา แต่ อว. มุ่งเน้นว่าการวิจัยต้องตอบโจทย์ประเทศ โจทย์เอกชน โจทย์จากชุมชน โดยแบ่งงานเป็น 4 ส่วน คือ 1) การ พัฒนาคน (Brain power และ Man power) 2) การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน 3) การลดความเหลื่อมล้ํา พัฒนาพื้นที่ ให้ความสําคัญกับเศรษฐกิจฐานราก และ 4) การวิจัยตอบโจทย์ท้าทายสังคม เช่น ปัญหาขยะ ภาวะ โลกร้อน ซึ่งได้แบ่งเป็น 16 โปรแกรม

จุดสําคัญคือ งานวิจัยต้องมีเป้าหมาย นายกรัฐมนตรีจึงเน้นเศรษฐกิจ BCG ซึ่งรวมด้านเกษตร อาหาร การแพทย์ สุขภาพ พลังงาน วัสดุชีวภาพ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่เน้นเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สร้างมูลค่า ได้ 3.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 21% GDP และจะขยับเป็น 4.4 ล้านล้านบาท ใน 3-4 ปีข้างหน้า ประชาชน 18 ล้านคน จะได้ประโยชน์ เช่น จากการยกระดับเกษตรกรเป็น Smart farming การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ สร้าง งานเพิ่มขึ้น รายได้เกษตรกร เพิ่มขึ้น

นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่จะเรียนเพิ่มเติมคือ อว. ขับเคลื่อนงานรองรับโดยการยกเครื่องมหาวิทยาลัย ภารกิจที่ผ่านมา คือ การเดินหน้าปลดล็อกข้อจํากัดของมหาวิทยาลัย แบ่งมหาวิทยาลัยออกเป็น 3 Track หรือ ลู่วิ่ง มหาวิทยาลัย จะตอบตัวเองว่าจะวิ่งลู่ไหน ลู่วิ่งที่ 1 มหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้แข็งนานาชาติ/ระดับโลก ลู่วิ่งที่ 2 มหาวิทยาลัยซึ่งเน้นเทคโนโลยีและภาคอุตสาหกรรม ลู่วิ่งที่ 3 ซึ่งต่อไปจะมีความสําคัญมาก คือ มหาวิทยาลัย เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่

“บิ๊กตู่”ปัดจัดงบฯปี 63 ให้สิทธิพิเศษนักธุรกิจ ผ่อนชำระได้!อย่ากลัวหนี้สาธารณะเกินเพดาน

People Unity : “บิ๊กตู่” ยันจัดทำงบฯปี63 ทั่วถึงทั้งประเทศ ปัดให้สิทธิพิเศษนักธุรกิจ แต่ต้องกระตุ้นให้เกิดการลงทุน ลั่น ไม่สนิท-ไม่ขัดแย้งกับใคร อย่ากลัวหนี้สาธารณะเกินเพดาน เหตุประเทศมีความสามารถผ่อนชำระ

เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 19 ตุลาคม 2562 ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในวันสุดท้ายว่า รู้สึกพอใจกับการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯในห้วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งตนก็รับฟังทั้งหมด สิ่งไหนที่เป็นเรื่องดีก็จะนำไปบูรณาการ

ทั้งนี้ งบประมาณของแต่ละกระทรวงได้มากน้อยลดหลั่นกันไป ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ เช่น การแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ไม่ใช่เรื่องของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ทุกหน่วยงานต้องบูรณาการและนำปัญหาที่ใหญ่ที่สุดมาจัดการ บางครั้งต้องใช้งบประมาณบูรณาการหรืองบของกระทรวงอื่น ๆที่เกี่ยวข้องกับภารกิจ และถ้ามีปัญหาเร่งด่วนก็สามารถดึงงบกลางมาใช้ได้

ทั้งนี้ งบกลางจำนวน 4 แสนล้าน มองดูเหมือนจะมาก แต่เราใช้ในภาระต่าง ๆจำนวนมาก ทั้งเรื่องเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ยังไม่รวมถึงการช่วยเหลือน้ำท่วมซึ่งใช้งบหลายหมื่นล้าน ตลอดถึงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาต่างๆ ยืนยันว่าการใช้งบกลางไม่ได้ใช้จ่ายไปเรื่อยเปื่อย ทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่(ครม.สัญจร) ทุกจังหวัดก็มีการเสนอโครงการเร่งด่วนเข้ามา ตนก็ต้องนำมาดูว่าสามารถปรับใช้งบประมาณตรงไหนได้บ้าง โดยเน้นในเรื่องแผนงานต่างๆ ถ้างบประมาณยังไม่เพียงพอ เราก็จะนำงบกลางเติมลงไปให้

นายกฯกล่าวว่า ในส่วนของงบประมาณกระทรวงกลาโหม ซึ่งวันนี้อาจไม่ทราบกันว่าทหารทำอะไรบ้าง เฉพาะกองทัพบก เรามี 7 กองกำลังที่อยู่ตามชายแดน จำนวนหลายหมื่นคนที่ต้องทำงานทุกวัน ทั้งเรื่องการสกัดกั้นสินค้าผิดกฎหมาย นี่คือหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคงที่จะต้องไปเกี่ยวข้องกับทุกกระทรวง โดยเฉพาะปัญหาภาคใต้ ซึ่งเราให้ความสำคัญ โดยได้แยก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมา และตนได้ย้ำว่าจะต้องมีโครงการลงไปในพื้นที่

ดังนั้นการทำแผนงบประมาณครั้งนี้ เราเน้นว่าทำอย่างไรให้เกิดความทั่วถึง พื้นที่ไหนเร่งด่วนก็ทำก่อน เช่น การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้เรามีแผนงานและโครงการกว่า 2,000 โครงการ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากติดปัญหาหลักอยู่ที่งบประมาณและที่ดินของประชาชน ซึ่งตามหลักการแล้ว ตนก็ยอมรับในความคิดเห็นของทุกคนว่าแต่ละคนต้องการสิ่งต่างๆ เพราะเข้าใจว่าความขาดแคลนมีเยอะ แต่เราก็ทยอยดำเนินการแก้ปัญหา ขณะที่งบประมาณมีจำกัด ต้องบูรณาการจัดสรรไป

ปัจจุบันนี้ภารกิจมีจำนวนมากที่เกี่ยวข้องทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ยอมรับว่าที่ผ่านมางบประมาณที่ใช้ไปกับการรักษาพยาบาล การแก้ไขปัญหาสินค้าการเกษตร มีเป็นจำนวนมาก และในอนาคตก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปัญหาสำคัญที่ต้องคิดคือเราจะหาเงินเข้าประเทศอย่างไร การลงทุนภายในประเทศของเราเองก็ติดขัดเรื่องกฎหมาย ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเขาปลดล็อกเรื่องเหล่านี้ ทั้งนี้ การลงทุน หลายคนก็มาบอกว่าเอื้อประโยชน์ ซึ่งยอมรับว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะภาษีเราก็ได้มาจากเขา จึงจะต้องสนับสนุนให้มีการลงทุน ดังนั้นต้องสนับสนุนให้มีการลงทุนภายในประเทศของเราเอง โดยยึดกฎหมายทุกฉบับ

“ยืนยันว่านายกฯไม่มีสนิทสนมกับใคร ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น จะให้สิทธิพิเศษใครไม่ได้ ทุกอย่างต้องผ่านการประมูล ซึ่งงบประมาณตรงนี้เรามีอยู่ประมาณ 3 แสนกว่าล้านบาท ก็จะไปช่วยเสริม ไปช่วยเรื่องการลงทุนอย่างต่ำ 20 เปอร์เซ็นต์ตามที่กฎหมายระบุไว้ ซึ่งเราก็จัดสรรได้มากที่สุดในขณะนี้ จะเห็นว่า 20 เปอร์เซ็นต์ตรงนี้พร้อมที่จะลงทุน ทั้งในเรื่องรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชน รถไฟรางเดี่ยวในต่างจังหวัดซึ่งต้องทำให้ทั่วถึง โดยเงินลงทุนทั้งหมดมาจากภาคเอกชน จากเดิมที่เป็นการลงทุนของภาครัฐอย่างเดียว โดยการกู้เงิน ก็จะส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ หนี้สาธารณะของประเทศอยู่ที่จำนวน 41 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่น่ากังวล หากมองตัวเลขอาจจะดูน่ากลัว แต่ก็สูงตามค่าจีดีพี ไม่อยากให้มากังวลตรงนี้เพราะเรามีขีดความสามารถในการใช้หนี้ ในส่วนของหนี้ระยะสั้นอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย ขณะที่หนี้ระยะยาวก็ผ่อนชำระไป เมื่อหาเงินได้มากขึ้น เราก็ผ่อนเงินต้น แล้วก็น่าจะกู้ใหม่ได้อีกประมาณ 19 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดเอาไว้จะต้องไม่เกิน 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ต่างประเทศมีหนี้สาธารณะ 200 เปอร์เซ็นต์ แต่เขามีขีดความสามารถในการผ่อนชำระ รวมถึงมีอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งของเราก็กำลังจะเดินไปตรงนี้ แต่ต้องใช้เวลา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯยังกล่าวยืนยันอีกว่า ไม่ได้ไปขัดแย้งกับใคร ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่า ถ้ามาบอกว่ารัฐบาลไม่รู้เรื่องอะไรเลย มันไม่น่าจะได้ ซึ่งตนเกรงว่าประชาชนจะไม่เข้าใจ สิ่งสำคัญคือเราต้องสร้างการรับรู้ของประชาชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือ หากทุกคนเรียกร้องพร้อมกันทั้งหมด ไม่มีใครสามารถแก้ไขปัญหาได้ การนำหลักการของประเทศต่างๆมา ตนก็นำมาใช้ ตนรู้และผ่านการศึกษามา และตนก็เดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง เอกสารหรือโครงการต่างๆที่น่าสนใจ ตนก็กลับมาดูว่าสามารถนำมาปรับใช้กับประเทศของเราได้หรือไม่ แต่ปัญหาของประเทศเราติดอยู่ที่งบประมาณ และความเข้าใจของประชาชน ปัญหาในปัจจุบันมันมีมากกว่าสิ่งที่เราคิดทำ และบางอย่างก็ติดปัญหาด้านกฎหมาย ซึ่งตนก็โทษใครไม่ได้ และยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งประชาชน อย่ามาแยกแยะว่ากลุ่มนี้รวย กลุ่มนี้จน เพราะคนรวยก็มีความเสี่ยงในเรื่องการลงทุน ในขณะที่รัฐบาลก็ดูแลเรื่องการแข่งขันให้เกิดความเท่าเทียมกัน ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร และสิ่งที่ตนจะเตือนเพราะการพูดจาในสภาฯถูกถ่ายทอดไปสู่ประชาชน และบางครั้งประชาชนเขาไม่ได้รับฟังในสิ่งที่รัฐบาลชี้แจง เขาฟังสิ่งที่ฝ่ายค้านพูด ซึ่งฟังแล้วก็ดูดีหมด ในส่วนของตนก็คิดว่าดีทุกเรื่อง แต่ต้องมาดูว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน

Verified by ExactMetrics