วันที่ 25 พฤศจิกายน 2024

“พีระพันธุ์” ชูนโยบายดูแลผู้สูงอายุครบวงจร

People Unity News : 14 เมษายน 2566 “พีระพันธุ์” ชี้ รทสช.ให้ความสำคัญกับผู้สูงวัย มีนโยบายดูแลแบบครบวงจร พร้อมอวยพรผู้สูงวัยและคนไทยเนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันสงกรานต์ ให้มีสุขภาพแข็งแรง มีพลังกายพลังใจฟ่าฟันอุปสรรค และประสบความสำเร็จทุกประการ

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่าเนื่องในวันนี้เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากในขณะนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติเห็นความสำคัญและมีนโยบายในการดูแลกลุ่มผู้สูงวัยไว้อย่างครบวงจร ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เคยทำไว้และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้สูงอายุ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มีนโยบายที่จะต่อยอดในการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุเพิ่มเติม โดยนโยบายอันดับแรกได้แก่การปรับหลักเกณฑ์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เท่ากันหมดคืออยู่ที่ 1,000 บาท ตามที่ได้มีการประชาสัมพันธุ์ชี้แจงไปแล้ว นอกจากนี้ยังจะมีการตั้งศูนย์สุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ หนึ่งเขต หรือ หนึ่งอำเภอ หนึ่งศูนย์สุขภาพ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส หรือผู้ป่วยต่างๆ ที่จะมีโอกาสได้เข้าถึงระบบการดูแลสุขภาพได้อย่างทั่วถึงมากขึ้นด้วย

“พรรครวมไทยสร้างชาติให้ความสำคัญกับคนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่ตอนนี้มีจำนวนมากขึ้น ดังนั้นพรรคจึงมีนโนยบายเพื่อเตรียมการดูแลไว้อย่างครบถ้วน โดยจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน” นายพีระพันธุ์กล่าว

นอกจากนี้นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวอวยพรประชาชนเนื่องในโอกาสวันสงกรานต์ ประจำปี 2566 ด้วยว่า ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือดลบันดาลและอำนวยพรให้พี่น้องประชาชนทุกท่านและครอบครัวมีสุขภาพอนามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีพลังกายพลังใจที่จะฝ่าฟันปัญหาและก็ขอให้ทุกท่านประสบจากความสำเร็จในทุกสิ่งทุกประการที่ตั้งใจและมุ่งหวังไว้ และสำหรับพี่น้องประชาชนที่เดินทางไปท่องเที่ยวหรือกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้องกับต่างจังหวัดก็ขอให้เดินทางทั้งไปและกลับโดยสวัสดิภาพปลอดภัยทุกคน

Advertisement

รัฐบาลลุย “ลด-ป้องกัน” ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์

People Unity News : 8 เมษายน 2566 รัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติ ลด-ป้องกันปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ให้รวดเร็วขึ้น หลัง พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินหน้าขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติเพื่อคุ้มครองประชาชนจากการหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังมีการประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2566 เป็นต้นมา ซึ่งขณะนี้รัฐบาลโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงาน กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สำนักงาน ปปง. และสำนักงาน ก.ล.ต. เตรียมความพร้อมเกี่ยวกับกระบวนการดำเนินงานและช่องทางสำหรับให้บริการประชาชนได้สะดวกและรวดเร็ว โดยเร่งรัดการดำเนินงาน เพื่อจัดทำกระบวนการทำงานตามที่กำหนดใน พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 และบริการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากปัจจุบันยังพบมีประชาชนถูกหลอกลวงจำนวนมากและมูลค่าความเสียหายสูงด้วย ซึ่งการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตาม พ.ร.ก.ดังกล่าวคาดว่าจะเป็นกลไกสำคัญในการหยุดและป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ ตลอดจนหยุดวงจรการโอนเงินไปยังต่างประเทศได้รวดเร็วขึ้น

ทั้งนี้ ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย ได้เชื่อมโยงข้อมูลเข้าหากันทั้งหมดผ่านระบบกลางแล้ว โดยเมื่อได้รับแจ้งจากผู้เสียหายจะสามารถยับยั้งธุรกรรมต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็ว โดยเป็นการทำงานแบบอัตโนมัติ (Automation) นอกจากนี้ ยังได้จัด Workshop ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปแนวทางบริหารจัดการทุจริตออนไลน์จากการทำธุรกรรมการเงิน เพื่อรองรับการบริการผู้เสียหายสามารถโทรแจ้งให้ธนาคารระงับธุรกรรมต้องสงสัยได้ทันที และยับยั้งการโอนเงินทุกธนาคารที่รับโอนเงินต่อเป็นการชั่วคราว ซึ่งหลังจากแจ้งธนาคารแล้ว ให้ผู้เสียหายแจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้ทั่วประเทศ หรือผ่านระบบการรับแจ้งความออนไลน์ภายใน 72 ชั่วโมง และพนักงานเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันหลังจากได้รับแจ้ง ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้เตรียมการรองรับในส่วนพนักงานสอบสวนและระบบการรับแจ้งความออนไลน์ เพื่อเร่งจับกุมผู้กระทำความผิดฐานเปิดบัญชีม้าและซิมม้า รวมทั้งผู้เป็นธุระจัดหาหรือโฆษณาบัญชีม้าและซิมม้ามาดำเนินคดีเพื่อตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งบทลงโทษสูงสุดของผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายอนุชา ย้ำว่าในส่วนของสำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์ กำลังอยู่ระหว่างจัดเตรียมระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ เพื่อสนับสนุนการสืบสวนสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์และพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมถึงระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์กันเองได้รวดเร็วขึ้น เพื่อนำมาใช้ประกอบการดำเนินคดีและจับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษ อีกทั้ง กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์ยังได้ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลฯ ปิดกั้น SMS และเบอร์โทรศัพท์ที่เข้าข่ายหลอกลวงผิดกฎหมายมาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสำนักงาน ปปง. ได้แต่งตั้งคณะทำงานกำหนดรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งควรได้รับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เป็นผู้พิจารณากำหนดรายชื่อดังกล่าว ขณะนี้มีการกำหนดรายชื่อประเภทรายชื่อบุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐาน หรือเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคารที่ถูกใช้ในการกระทำความผิดมูลฐานกรณีพนักงานสอบสวนยังไม่รับเป็นเลขคดีอาญา แล้วได้แจ้งรายชื่อผู้กระทำผิดกฎหมาย ประมาณ 1,000 รายชื่อ ให้สถาบันการเงินเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการทำธุรกรรมการเงินที่อาจสร้างความเสียหายต่อไป

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่หรือเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปลอดภัย และรู้เท่าทันกลหลอกลวงต่างๆ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ซึ่งการขับเคลื่อนกิจกรรมและแนวทางปฏิบัติในการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 เป็นเรื่องที่มีความสำคัญในการร่วมกันดำเนินงานอย่างจริงจัง เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนจากการถูกหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วมีประสิทธิภาพขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องถึงความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ตหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันต่อเหตุที่เกิดขึ้น และขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันทำงานขับเคลื่อนตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ รวมถึงการลดและป้องกันให้ประชาชนปลอดภัยจากการถูกหลอกลวงดังกล่าว” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

“เอกนัฏ” เผยหมายเลข 22 เป็นเลขมงคลถูกโฉลก “พล.อ.ประยุทธ์”

People Unity News : 4 เมษายน 2566 เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติเผย “พล.อ.ประยุทธ์” ดีใจได้เบอร์ 22 ส.ส.บัญชีรายชื่อ เผยเป็นเลขมงคลถูกโฉลก อีกทั้งสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจง่าย

เมื่อวันที่ 4 เมษายน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า หลังจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค จับสลาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้หมายเลข 22 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พอใจกับหมายเลขนี้มาก ในส่วนของเราจะเป็นหมายเลขอะไรไม่มีปัญหา ทั้ง ส.ส.เขต หรือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะเราเชื่อว่าจนถึงวันเลือกตั้งพี่น้องประชาชนคงจะจดจำเบอร์ที่ทุกคนชอบ แล้วมีความตั้งใจที่จะเลือกเบอร์ที่ชอบอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้น จะเบอร์อะไรก็ดีทั้งนั้น เพราะไม่เคยเชื่อว่าจะแพ้หรือชนะอยู่ที่เบอร์

ทั้งนี้ พอจับได้เบอร์ 22 ดีใจพอสมควร เพราะจะมีความสำคัญด้านสื่อสารกับประชาชน เบอร์ 22 สื่อสารง่ายและสอดคล้องกับบริบทของพรรครวมไทยสร้างชาติหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพรรครวมไทยสร้างชาติมีแคนดิเดต 2 คน ลุงตู่จะทำหน้าที่ต่ออีก 2 ปี เลข 2 ทำสัญลักษณ์ได้ง่ายต่อการสื่อสาร เพราะในช่วงการเลือกตั้ง การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ เลขดีก็มีประสิทธิภาพในการสื่อสาร และทราบมาว่าเลข 2 ยังเป็นเลขที่ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกโฉลกด้วย สำหรับพรรคต้องบอกว่าดีใจที่ได้เลข 22 ถือเป็นข่าวดีของพรรค และจะแพ้หรือชนะคงไม่ใช่มาดีใจกับวันนี้ เหลือเวลาอีกกว่า 40 วัน ถึงวันเลือกตั้ง ก็ต้องทำงานกันให้เต็มที่

“พอท่านนายกฯ ทราบว่าจับสลากได้หมายเลข 22 มีเลข 2 ถึงสองเลขเป็นเลขเบิ้ลก็ถือเป็นเลขมงคล อีกทั้งสัญลักษณ์ทำง่ายต่อการสื่อสาร สัญลักษณ์ Y2K นายกฯ ก็ชอบทำอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เป็นท่าที่ท่านทำอยู่เป็นประจำ ฉะนั้นท่านแฮปปี้ดีใจที่ได้เบอร์ 22 ความจริงท่านนายกฯ อยากจะจับเบอร์ด้วยตนเอง แต่บังเอิญกติกาเขากำหนดไว้ให้หัวหน้าพรรคเป็นคนจับ ฉะนั้นวันนี้ต้องบอกว่าท่านนายกฯ ไม่ได้อยู่เหนือหรือนอกกระแส ท่านอยู่ในกระแสตลอดเวลา” นายเอกนัฏ กล่าว

Advertisement

เลขาฯ กกต. ยัน ม.84 กำหนดบัตรเลือกตั้ง ส.ส. 2 ประเภทต้องแตกต่าง

People Unity News : 3 เมษายน 2566 “แสวง” กาง กม.สู้ ยันบัตรเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 84 กำหนด 2 ประเภทต้องแตกต่าง บัตรแบ่งเขตมีได้แค่ช่องทำเครื่องหมาย-หมายเลข กกต.ต้องปฏิบัติตาม

วันนี้ (3 เม.ย.66) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. โพสต์เฟซบุ๊กถึงการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ส.ส.ของ กกต. ระบุว่า บัตรเลือกตั้ง…อีกครั้ง…ตามที่ได้เคยแจ้งไปก่อนแล้วว่า กกต.เป็นเพียงผู้กำหนดรูปแบบบัตรเลือกตั้ง ตามที่รัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกำหนด เท่านั้น

มาดูกันว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 84 กำหนดรูปแบบบัตรเลือกตั้งแต่ละประเภทไว้อย่างไร

1.ต้องเป็นแบบละ 1 ใบ 2. ต้องมีลักษณะ “แตกต่างกันที่สามารถจำแนกออกจากกันได้อย่างชัดเจน” เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกิดความสับสน ดังนั้น การกำหนดให้บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต มีชื่อพรรคการเมืองและเครื่องหมายพรรคการเมือง จึงเป็นบัตรที่มีลักษณะเดียวกันกับบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ จึงต้องห้ามตามมาตรา 84 วรรคหนึ่ง

2.บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง (มาตรา 84 วรรคสอง) “ต้องมี” 1) ช่องทำเครื่องหมาย และ 2) หมายเลขไม่น้อยกว่าจำนวนผู้สมัครในเขตเลือกตั้งนั้น 4. บัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ (มาตรา 84 วรรคสาม) “ต้องมี” 1) ช่องทำเครื่องหมาย และ 2) หมายเลขของบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง และ 3) ชื่อพรรคการเมืองพร้อมเครื่องหมายพรรคการเมือง การกำหนดรูปแบบบัตรเลือกตั้งของ กกต. จึงเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายทุกประการ

Advertisement

รัฐบาลพร้อมผลักดันไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

People Unity News : 2 เมษายน 2566 โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดีแนวทางการทำงานและวิสัยทัศน์สถาบันยานยนต์สอดคล้องนโยบายรัฐบาล พร้อมผลักดันประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ พลิกโฉมสู่ยานยนต์แห่งอนาคต

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่แนวทางปฏิบัติงานในอนาคตของสถาบันยานยนต์ (สยย.) ภายใต้ความคิด “Reshape the future พลิกโฉมสู่ยานยนต์แห่งอนาคต” สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ตามเป้าหมาย รวมถึงเป็นอีกกลไกสำคัญที่จะนำพาประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นความร่วมมือนี้จะผลักดันให้ไทยผ่านช่วงการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีพร้อมรับโอกาสใหม่

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการตั้งเป้าการผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ตามมาตรการด้านการผลิต 30@30 เพื่อผลักดันไทยก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ซึ่งในปี 2566 มีการประมาณตัวเลขการผลิตรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 1,950,000 คัน แบ่งเป็น การผลิตเพื่อการส่งออก 1,050,000 คัน และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 900,000 คัน และคาดการณ์ว่าในปี 2573 ประเทศไทยจะมีการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นที่ 2.4 ล้านคัน และมีตัวเลขการผลิตรถ ZEV จำนวน 725,000 คัน ทั้งนี้ คาดว่า ตั้งแต่ปี 2566-2573 มีอัตราการผลิตรถยนต์เจริญเติบโตขึ้น 3.5% ต่อปี ทำให้ไทยมีบทบาทในการเป็นฐานการส่งออกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากมาตรการดังกล่าว สถาบันยานยนต์จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบ Business Model เพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งจะมีแนวทางดำเนินงานใหม่ด้วยยุทธศาสตร์ “3 Ribbons Strategy” หรือยุทธศาสตร์โบว์ 3 สี ฟ้า เขียว ขาว ประกอบด้วย สีฟ้า (Blue Ocean) คือ การสร้างนวัตกรรม สีเขียว (Green Growth) คือการสร้างความยั่งยืน และสีขาว (White Spirit) คือ การสร้างความน่าเชื่อถือ มีประสิทธิภาพ และธรรมาภิบาล

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลต้องการผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ให้มีความพร้อม เป็นฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลกเป็นศูนย์กลางสำคัญของภูมิภาค เติบโตและเข้มแข็งอย่างมีศักยภาพ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลง และนำพาประเทศไทยในการก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อสังคมที่สมดุล พัฒนาเศรษฐกิจตามกลไกเพื่อความยั่งยืน นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าด้วยการดำเนินนโยบายของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง ไทยมีความสามารถในการแข่งขันที่สูงในระดับสากล ประกอบกับ ศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ ไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของภูมิภาค และพร้อมพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์สมัยใหม่” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

นายกฯสั่งเร่งแก้โรงแรม-ร้านอาหารฉวยโอกาสขึ้นราคาเท่าตัว หลังท่องเที่ยวฟื้น

People Unity News : 29 มีนาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล – รองโฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ มอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลปัญหาราคาโรงแรม ร้านอาหาร พุ่งเท่าตัวหลังท่องเที่ยวฟื้น ขอผู้ประกอบการคิดค่าบริการเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบถึงข้อมูลภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น ฟื้นตัวรวดเร็ว โดยตั้งแต่ต้นปี ถึง 27 มี.ค.66 มีชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 6.15 ล้านคน แต่พร้อมกับการฟื้นตัวก็ได้มีประเด็นปัญหาที่ตามมา คือ ราคาโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ได้ปรับขึ้นเป็นเท่าตัว

“นายกรัฐมนตรีมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ ให้ดูแลกำกับตรวจสอบว่า ระดับราคาบริการต่างๆในภาคท่องเที่ยวที่ปรับตัวขึ้นขณะนี้อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลหรือไม่ เพื่อไม่ให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ถูกเอารัดเอาเปรียบ และกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความเข้าใจสถานการณ์ทางธุรกิจของผู้ประกอบการท่องเที่ยว ที่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลก็ได้ออกมาตรการต่าง ๆ มาช่วยเหลือ ทั้งมาตรการด้านการเงิน มาตรการฟื้นฟู เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่ขณะนี้ดำเนินมาถึงเฟส 5 แล้ว ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ร่วมกันดูแลบรรยากาศให้การฟื้นตัวเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยขอให้กำหนดอัตราค่าบริการให้สมเหตุสมผล ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคามากจนเกินไป เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของภาคการท่องเที่ยวไทยในระยะยาว

“นายกรัฐมนตรีเข้าใจว่าอัตราค่าบริการ ทั้งโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร มีการปรับเปลี่ยนไปตามกลไกตลาด แต่เพื่อภาพลักษณ์ที่ดี สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวที่เลือกเดินทางมาประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ หลังโควิด ตลอดจนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ตอนนี้ก็เลือกเที่ยวในประเทศกันมากขึ้น ขอให้ผู้ประกอบการช่วยกันดูแลเรื่องของราคาค่าบริการต่างๆ ที่เป็นธรรม และขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

รัฐบาลแนะโหลดแอป Thai Consular ก่อนเที่ยว ตปท.ช่วงสงกรานต์

People Unity News : 27 มีนาคม 2566 รัฐบาลแนะผู้จะเดินทางไปต่างประเทศช่วงหยุดยาวสงกรานต์ เตรียมความพร้อมตามแนวทาง กต. ดาวน์โหลดแอป Thai Consular เป็นช่องทางขอความช่วยเหลือเมื่อมีเหตุด่วน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งในส่วนผู้ที่วางแผนจะเดินทางไปต่างประเทศนั้น ขอให้ศึกษาและปฏิบัติตามแนวทางที่กระทรวงการต่างประเทศได้มีข้อแนะนำ โดยให้ตรวจสอบเงื่อนไขการเข้าประเทศต่างๆ ศึกษาข้อมูลประเทศปลายทาง มีกฎหมายข้อห้ามใดที่สำคัญหรือไม่ รวมทั้งเตรียมเอกสารต่างๆ และหนังสือเดินทางของตนให้พร้อม

ทั้งนี้ ตามข้อกำหนดของสายการบินต่างๆ จะไม่อนุญาตให้ผู้เดินทางที่หนังสือเดินทางมีอายุน้อยกว่า 6 เดือนเดินทาง จึงขอให้ตรวจว่าหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตเหลืออายุในเกณฑ์ที่ใช้เดินทางได้หรือไม่ หากเหลืออายุไม่ถึง 6 เดือนก็ให้ติดต่อกรมการกงสุลต่อไป ซึ่งปัจจุบันสามารถบริการหนังสือเดินทางได้สะดวกและรวดเร็ว นอกจากกรมการกงสุล แจ้งวัฒนะแล้ว ประชาชนสามารถติดต่อที่สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวอีก 7 แห่งในกรุงเทพฯ และอีก 18 แห่งทั่วประเทศด้วย โดยสามารถลงทะเบียนจองคิวออนไลน์ก่อนเข้ารับบริการได้ที่ https://www.qpassport.in.th/#/landing

นอกจากนี้ หากประสงค์จะทำหนังสือเดินทางด้วยตู้ kiosk ก็ทำได้ด้วยการกรอกข้อมูลและถ่ายรูปได้ด้วยตนเอง มีจุดให้บริการที่สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน ณ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ชั้น 5 และสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางใหญ่ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า เวสต์เกต ชั้น G

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศยังแนะนำให้ผู้จะเดินทางไปต่างประเทศดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Thai Consular ซึ่งมีข้อมูลด้านกงสุลและรายละเอียดหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย(สอท.) สถานกงสุลใหญ่(สกญ.) ในประเทศต่าง ๆ อย่างครบถ้วน และสามารถขอรับความช่วยเหลือหากเกิดเหตุด่วนในต่างประเทศได้ผ่านการกดเมนู SOS ในแอปพลิเคชัน หรือประสานหมายเลขสายด่วนของ สอท. สกญ. ในประเทศนั้น ๆ ได้ โดยแม้ สอท. และสกญ. หลายแห่งจะปิดทำการช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ชาวไทยในต่างประเทศท่านสามารถติดต่อสายด่วนทุกแห่งได้ ส่วนในประเทศไทยสามารถติดต่อสายด่วนกรมการกงสุลที่เบอร์ 02 572 8442 ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement

นายกฯ ยังติดตามงานแม้จะเป็นรัฐบาลรักษาการ

People Unity News : 20 มีนาคม 2566 นายกฯ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม-หน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามกรณี “ซีเซียม-137” ย้ำยังทำงานติดตามปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะรักษาการหรือไม่รักษาการ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  กล่าวถึงกรณีกัมมันตรังสี “ซีเซียม-137” ที่ จ.ปราจีนบุรี ว่า ให้กระทรวงอุตสาหกรรมติดตามและดูว่าหายไปตั้งแต่เมื่อใด และอยู่ตรงไหนแล้ว เพราะหายไปนานแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องรับผิดชอบ และติดตามอย่างใกล้ชิด

“จะให้นายกรัฐมนตรีไปตามเองคงไม่ใช่  เช่นเดียวกับกรณีเรือรั่ว น้ำมันรั่ว และสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ก็ติดตามทุกวันเช่นกัน และแก้ไขปัญหาทุกอย่างเช่นเดิม ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม จะเป็นรักษาการหรือไม่รักษาการก็ทำงานไป เพราะยังมีปัญหาอีกจำนวนมาก” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

 

นายกฯ ขอของขวัญวันเกิด ขอคนไทยรักกัน รักษาสถาบันหลัก ปท.

People Unity News : 20 มีนาคม 2566 นายกฯ ขอของขวัญวันคล้ายวันเกิดพรุ่งนี้ ขอประชาชนมีความสุข ไม่แตกแยก ช่วยกันรักษา 3 สถาบันหลักของประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงของขวัญที่อยากได้ที่สุดในวันคล้ายวันเกิด 21 มีนาคม 2566 ว่า ขอให้ประชาชนมีความสุข ไม่แตกแยก ไม่แบ่งแยกกัน มีความรักความสามัคคี รักษา 3 สถาบันของประเทศไว้ให้ได้ ฝากไว้แค่นั้น

Advertisement

นายกฯ ปลื้ม Oxford บรรจุชื่อ pad thai ศัพท์สากลทั่วโลกรู้จัก

People Unity News : 18 มีนาคม 2566 นายกฯ ปลื้ม Oxford Dictionaries บรรจุชื่อ pad thai (ผัดไทย) อาหารยอดนิยม ให้เป็นคำศัพท์สากลที่ทั่วโลกรู้จัก สะท้อนอีกความสำเร็จ Soft Power อาหารไทย

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีอย่างยิ่งที่เว็บไซต์ Oxford Dictionaries บรรจุชื่อ pad thai (ผัดไทย) ให้เป็นคำศัพท์สากลที่ทั่วโลกรู้จัก สะท้อนอีกความสำเร็จในการผลักดัน Soft Power อาหารไทยของรัฐบาลที่ดำเนินการมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีชื่อเสียงในวัฒนธรรม Soft Power หลากหลายประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอาหารเป็น Soft Power ที่สำคัญของไทย ทั้งนี้ ที่ผ่านมา อาหารไทยอย่าง “ผัดไทย” ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเว็บไซต์ Oxford Dictionaries ได้บรรจุชื่อ “pad thai” (ผัดไทย) ให้เป็นคำศัพท์สากล ตั้งแต่ปี 2565 โดยระบุไว้ในหมวด C2 คือหมวดศัพท์ทั่วไปที่ถูกบัญญัติใช้เพื่อแสดงให้รู้ถึงแหล่งที่มาต้นกำเนิด หรือพื้นถิ่นของสิ่งนั้น และใช้เป็นชื่อสากล เหมือนกับคำว่า pizza, tacos, lasagna โดยที่ไม่ต้องพิมพ์ขึ้นต้นตัวพิมพ์ใหญ่แบบชื่อเฉพาะ โดยหากพิมพ์ภาษาอังกฤษตัวเล็กว่า pad thai จะพบกับความหมายว่า เป็นอาหารจากประเทศไทย ซึ่งเป็นชนิดเส้นที่ทำมาจากข้าว เครื่องปรุง ไข่ ผัก และเนื้อสัตว์หรืออาหารทะเล

“นายกรัฐมนตรียินดีที่ ผัดไทย หนึ่งใน Soft Power ด้านอาหารที่มีชื่อเสียงของประเทศ ได้บรรจุชื่อในพจนานุกรม Oxford ให้เป็นชื่อสากลที่ทั่วโลกรู้จัก สะท้อนความสำเร็จในนโยบายของรัฐบาล ผลักดัน Soft Power อาหารไทยจนได้รับเสียงตอบรับที่ดี นอกจากนี้ รัฐบาลมุ่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยวางยุทธศาสตร์เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการกำหนดยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomic Tourism) ให้มีจุดเด่น เพิ่มกิจกรรมให้เป็นที่สนใจ ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics