วันที่ 28 ธันวาคม 2024

เหมาะ-ไม่เหมาะ!”สุชาติ”นั่งปธ.ศึกษาแก้ รธน. “ชวน” โยนกมธ.เป็นฝ่ายเลือก

People Unity News : เหมาะ-ไม่เหมาะ!”สุชาติ”นั่งปธ.ศึกษาแก้ รธน. “ชวน” โยนกมธ.เป็นฝ่ายเลือก แจงประชุมสภาฯช่วงหารือขอให้เป็นประเด็นความทุกข์ของประชาชนเป็นหลัก

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐเตรียมเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เข้าชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการศึกษาพิจารณาศึกษาแก้ไขรัฐธรรรมนูญ หลังพรรคประชาธิปัตย์ เสนอชื่อนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ฯว่านายสุชาติ ถือเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง แต่ปกติเมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการในญัตติใด เมื่อตั้งเสร็จแล้วกรรมาธิการเหล่านั้น จะเป็นผู้เลือกประธาน ซึ่งไม่ได้เลือกในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

เมื่อถามว่าประธานคณะกรรมาธิการต้องเป็น ส.ส.หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า แล้วแต่กรณีขึ้นอยู่กับกรรมาธิการ อย่างไรก็ตามไม่ขอตอบว่ารองประธานสภาฯจะเป็นประธานคณะกรรมาธิการได้หรือไม่

พร้อมกันนี้นายชวนชี้แจงการประชุมสภาฯช่วงที่เปิดให้ ส.ส.หารือว่า ก็ตั้งใจให้ ส.ส.ปรึกษาหารือเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความคิดของแต่ละคน โดยทั่วไปส่วนใหญ่สมาชิกสภาฯก็เอาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมาพูด ดังนั้น ขออย่านำข้อยกเว้นของบางคนมาลบโอกาสการปรึกษาหารือของสมาชิก

“อนุสรณ์”แนะทุกฝ่ายลดเงื่อนไขแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี การเสนอชื่อบุคคลที่จะมาเป็นประธานกมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า เป็นการใช้กลไกการทำงานในระบบรัฐสภาในการแก้ปัญหาสำคัญของชาติ จุดหมายปลายทางคือการนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้ที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐจะได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ต้องยอมรับว่าบางครั้งคนวางกับระเบิดพลาดเหยียบเองก็มี หลายเรื่องที่เป็นประเด็นปัญหา เช่น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ การถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน การแถลงนโยบายรัฐบาลไม่บอกที่มาของงบประมาณ หรือแม้แต่ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ถูกต้องตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ และถูกกฎหมายหรือไม่ ถ้าทุกเรื่องถูกนำไปยื่นตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ พรรคพลังประชารัฐอาจจะไม่โชคดีทุกครั้ง ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐและส.ว.อย่าเพิ่งตีรวน ตีตนไปก่อนไข้ กลัวเสียผลประโยชน์ ทุกฝ่ายเห็นปัญหา แต่พรรคพลังประชารัฐและส.ว.ได้ประโยชน์เต็มๆจึงเลือกปิดตามองไม่เห็น ไม่มีการแข่งขันที่ไหน ที่กรรมการตัดสินให้คนได้ที่ 2 ได้รับถ้วยแชมป์ ทุกวันนี้ประชาชนยังสงสัยไม่หายว่า ทำไมพรรคการเมืองอันดับ 1 มีส.ส.มากที่สุดในสภา จากการเลือกตั้งไม่ได้เป็นรัฐบาล

“ประเทศเสียโอกาสมามากแล้ว ทุกฝ่ายควรลดเงื่อนไข อย่าตีรวน สร้างเงื่อนไขไม่จบสิ้น ให้โอกาสสภา เท่ากับให้โอกาสประชาชน ในการศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่าตั้งแง่เอาเป็นเอาตาย ชิงการนำกับตำแหน่งประธาน หรือสร้างเงื่อนไขไม่รู้จบ” นายอนุสรณ์ กล่าว

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาให้สัมภาษณ์ว่าไม่ขัดข้องที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะมานั่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบอกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของรัฐสภานั้น ผมเห็นด้วยกับแนวความคิดของพล.อ.ประยุทธ ในเรื่องนี้ เพราะพล.อ.ประยุทธ คงเห็นความสามารถและศักยภาพในการทำงานของนายอภิสิทธิ์เป็นอย่างดี เพราะเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายอภิสิทธิ์มาก่อนในสมัยนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี แต่การแสดงท่าทีของพล.อ.ประยุทธในครั้งนี้ อยากให้ส่งสัญญานไปยังพรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นพรรคการเมืองหลักของรัฐบาล ให้เสียสละโดยการไม่สนับสนุนคนของพรรคเข้ามาแข่งขัน เพราะในขณะนี้น่าจะมีเพียงแกนนำของพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น ที่ไม่ยอมให้นายอภิสิทธิ์เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ อยากเห็นความปรองดองให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง อยากให้มีความเป็นเอกภาพในพรรคร่วมรัฐบาล ก็ควรดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งให้พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนนายอภิสิทธิ์เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญในครั้งนี้ให้สำเร็จ

ส่วนการที่พล.อ.ประยุทธ บอกว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของรัฐสภา รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ก็เป็นความจริงตั้งเริ่มต้น ที่พรรคการเมืองเกือบทุกพรรคได้เสนอญัตติด่วนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งในส่วนรัฐบาลก็ไม่ได้มีท่าทีหรือข้อเสนอใดๆเกี่ยวกับญัตติในครั้งนี้มาก่อนเลย และในเมื่อพล.อ.ประยุทธ ออกมาปฎิเสธว่ารัฐบาลไม่มีส่วนร่วมกับญัตตินี้ และบอกว่าให้เป็นความรับผิดชอบของฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้นการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ ก็ไม่ควรมีคณะกรรมาธิการในสัดส่วนของรัฐบาลด้วย ควรให้เป็นคณะกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านเท่านั้น หรือจะนำเอาจำนวนกรรมาธิการในสัดส่วน ครม.12คน มาเกลี่ยให้พรรคการเมืองทุกพรรคในสภาผู้แทนราษฎรก็สามารถทำได้ ซึ่งจะตรงกับแนวความคิดของพล.อ.ประยุทธอย่างแท้จริง

ผมอยากจะเรียนกับ พล.อ.ประยุทธ ว่าถ้าหากท่านมีความจริงใจ ไม่ปากว่าตาขยิบ ก็รีบส่งสัญญาน หรือเชิญแกนนำพรรคพลังประชารัฐมาพูดคุยทำความเข้าใจกัน เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของท่านที่ประกาศไว้ และถ้าท่านทำได้จริง ผมเชื่อว่าทุกอย่างก็จะเดินไปอย่างราบรื่น จะถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความปรองดอง และความสมานฉันท์อย่างแท้จริง

“วันนอร์”หนุน”อภิสิทธิ์”นั่งปธ.ศึกษาแก้รธน.

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะเป็นบุคคลที่เหมาะสม ทั้งนี้ตนต้องต้องการให้การเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความสามัคคีปรองดอง รวมถึงให้พรรคฝ่ายค้าน พรรครัฐบาล และส.ว. ประชาชนร่วมมือต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ช็อต”จุรินทร์”ไลฟ์สด”ป้อนปู” คนชม 3 แสนภายใน 2 ชั่วโมง

People Unity News ช็อต”จุรินทร์”ไลฟ์สด”ป้อนปู” กลาง “ซุปเปอร์มาเก็ตเหอหม่า”ของอาลีบาบาเมืองเซี่ยงไฮ้ สาวจีนปลื้มโพสต์เว็บเวยป๋อจีนติดทอป25 คนชม 3 แสนใน 2 ชั่วโมง

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เดินทางจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เพื่อต่อเครื่องไปยังสหรัฐอเมริกาในภารกิจต่อไปของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั้นมีรายงานจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซียงไฮ้ว่าภารกิจที่เซียงไฮ้ระหว่างวันที่ 5-6 พย.2562 ของนายจุรินทร์เป็นที่สนใจของประชาชนชาวจีนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบนโซเชียลมีเดียจีน นั่นคือเว็บไซต์ของจีนที่ชื่อว่า เว่ยป๋อ www.weibo.com

โดยได้โพสต์ ข้อความพร้อมภาพของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จากประเทศไทยขณะเข้าเยี่ยมชม “ซุปเปอร์มาเก็ตเหอหม่า” ของอาลีบาบา นำโดยผู้บริหารของร้านซึ่งนำเข้าสินค้าจากไทยปีละ 2,500 ล้านบาท ปรากฎว่ากลายเป็น Topic top 25 ของเว็บไซต์เว่ยป๋อ(weibo) ซึ่งเทียบแล้วเหมือนกับ facebook โดยมียอดคนกดเข้าไปดูภาพนี้ถึง 364,888 คน ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง และยังขยายไปอีก จนติดอันดับ Topic top 25 ของ Weibo ภายในเวลา 2 ชม. โดยข้อความภาษาจีนที่โพส แปลเป็นภาษาไทยคือ

ทั้งนี้เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 หลังจากเสร็จพิธีเปิดงาน China Internatiaonal Import Expo จบลงรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของประเทศไทยได้มาเยี่ยมชม Hema Fresh Mart เพื่อสำรวจการตลาดในประเทศจีน และระหว่างเดินเยี่ยมชม ก็ Live สดให้ประชาชนที่ประเทศไทยได้ดูว่า มีสินค้าไทยอะไรบ้างที่ขายในประเทศจีน และระหว่างที่เดินผ่านโซนอาหาร ได้ทักทายลูกค้าอย่างเป็นกันเอง และทันใดนั้น ก็คีบปูมาป้อนให้ฉัน ทุกคน ! …..จะมีผู้นำประเทศคนไหนที่ทำแบบนี้บ้าง” โดยข้อความนี้เองกลายเป็นไวรัล Topic top 25 ของ weibo โดยมียอดคนกดเข้าไปดู 364,888 คนภายใน 2 ชั่วโมง

ส.ส.เพื่อไทยอภิปรายแนะ ส่งเสริมปชช.เรียนพุทธทุกระดับชั้น

People Unity News : ส.ส.เพื่อไทยอภิปรายแนะ ส่งเสริมปชช.เรียนพุทธทุกระดับชั้น พศ.ควรทำงานเชิงรุก จัดงบฯทำนุบำรุงวัด

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้(6พ.ย.) นางพรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายปรึกษาที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 )

1. ให้มีการส่งเสริมการศึกษาให้ประชาชนได้เรียนพระพุทธศาสนาทุกระดับชั้น และครูผู้สอนควรมีความรู้ทางพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

2. ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทำงานเชิงรุกเพื่อแก้ปัญหาจำนวนพระภิกษุสามเณรที่ลดลง

3. ให้มีการจัดสรรงบประมาณทำนุบำรุงวัด

พร้อมกันนี้ ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนครพรรคเพื่อไทยได้อภิปรายปรึกษาหารือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ถึง รมต.กระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะประเด็นที่มีการวิจารณ์ในโซเชียลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาพระพุทธศาสนาในวิชาสังคมศึกษาโดยให้เป็นวิชาเลือก จึงต้องการทราบว่ากระทรวงศึกษาธิการมีแนวความคิดอย่างไร

 

“วิรัตน์”เผยญัตติตั้งกมธ.ศึกษาแก้รธน.เข้าสภาฯสัปดาห์หน้า

People Unity News : “วิรัตน์”เผยญัตติตั้งกมธ.ศึกษาแก้รธน.เข้าสภาฯสัปดาห์หน้า เพื่อไทย-อนาคตใหม่แห่จัดหนัก ส.ว.เสรี ขวางแก้รธน.

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หลังจากการพิจารณารับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 แล้ว ยังมีวาระรับทราบเรื่องต่างๆอีก 2-3 เรื่อง ก่อนจะเข้าสู่วาระการพิจารณาญัตติด่วนเรื่องการให้สภาฯตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของคสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคคตใหม่ เป็นผู้เสนอ ซึ่งญัตติด่วนดังกล่าวคงพิจาณาเสร็จไม่ทันในเวลา 21.00น. วันนี้ ดังนั้นจึงต้องนำญัตติด่วนเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาในวัน พรุ่งนี้ 7พ.ย.แทน ส่วนญัตติด่วนการให้สภาฯตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี2560 คาดว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมได้ในสัปดาห์หน้า

เพื่อไทย-อนาคตใหม่แห่จัดหนัก ส.ว.เสรี ขวางแก้รธน.

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ออกมาขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า มีเพียงเหตุผลเดียว คือ หวงอำนาจ ไม่อยากสูญเสียประโยชน์ที่ได้รับ แม้ที่มาเป็น ส.ว.ของนายเสรี นั่น มาจาก คสช. ที่ตั้งเข้ามาเพื่อเป็นนั่งร้านให้กับรัฐบาลสืบทอดอำนาจ นอกจากนี้ ที่มาของ ส.ว.นั้น ขัดรัฐธรรมนูญ ดังนั้นอย่าหวงอำนาจที่ตัวเองได้มาอย่างไม่ถูกต้องชอบธรรม

นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประธานกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีความสำคัญ มีอำนาจกำหนดทิศทางภารกิจได้ จึงต้องเป็นบุคคลที่มีความแน่วแน่ และจริงใจ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงไม่อยากให้ผู้มีความเกี่ยวข้องผูกพันกับเผด็จการทหารในอดีต หรือผู้ที่ได้ประโยชน์ จากผลพวงของคณะรัฐประหาร หรือผู้ที่เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งในอดีตมาเป็นประธานกรรมาธิการ สำหรับ กรณีนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.ที่ขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ส.ว.ชุดนี้มีที่มาอย่างไร มีความชอบธรรม ความสง่างามแค่ไหน ได้รับฉันทานุมัติจากใคร นายเสรี เคยเป็น สสร. และเป็นนักกฎหมายใหญ่ ย่อมทราบดี หากแต่อยู่ที่ว่า จะทำเพื่อประชาชน หรือทำเพื่อใคร

นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า คำตอบ ก็ชัดเจนอยู่แล้วคือ นี่คือญัตติที่ขอให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติตั้ง คณะกรรมาธิการ วิสามัญ เพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของการศึกษา อย่างน้อยที่สุดคือศึกษาวิธีการแก้ไข ส่วนเรื่องเนื้อหานั้นแน่นอนว่ายังไม่ได้มีการพูดถึง ประเด็นต่อมาที่บอกว่า ยังไม่เห็นปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ตนไม่แน่ใจว่านายเสรีไม่เห็นหรือต้องการเป็นปัญหา ทั้งๆ ที่ทุกคนเห็นปัญหากันหมด ที่ชัดเจนเลยก็คือ สูตรคำนวน ส.ส.แบบฉบับพิศดารของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

“อีกเรื่องหนึ่งซึ่งผมเองรู้สึกงงเป็นอย่างมาก คือที่บอกว่า ส.ว. มีหน้าที่ควบคุมความเรียบร้อยในช่วงเปลี่ยนประเทศ 5 ปี อยากถามว่า คุณเสรีไปเอามาจากไหน ใครมอบหมายให้ ส.ว.ซึ่งไม่ได้มีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทำหน้าที่นี้ การแสดงความคิดเห็นทั้งหมดของ ส.ว.ท่านนี้ ผมสงสัยว่าเป็นความเคยตัวจากการสืบทอดอำนาจ เสพสุขมาอย่างยาวนาน โดยไม่เคยรู้จักแบ่งปันเพื่อร่วมชาติ ไม่คิดจะทำให้ประชาชนเพื่อนร่วมชาติ ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญบ้าง อยากบอกว่า อย่าขัดขวางกระบวนการเติบโตของระบอบประชาธิปไตย อย่าทำตัวให้ไปที่ไหนมีแต่คนส่ายหน้า เบ้ปากใส่” นายชำนาญ กล่าว

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า กรณีที่สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) อ้างว่าการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะต้องผ่านความเห็นชอบจากประชาชน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการทำประชามติจากประชาชนดังนั้นไม่ว่าทางสภาจะดำเนินการอย่างไรก็ตามสุดท้ายต้องไปทำประชามติถามประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การให้ความเห็นของส.ว.เป็นการหาข้ออ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมเท่านั้น แต่ในข้อเท็จจริงคือการทำประชามติที่ผ่านมา ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เปิดโอกาสให้มีการถกเถียงถึงข้อดีข้อเสียของรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญคือเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบธรรมและดูถูกประชาชน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ประชาชนมีส่วนร่วมน้อยมาก รวมทั้งการทำประชามติที่ผ่านมา มีการใช้อำนาจของคสช.ดำเนินการจับกุม พร้อมตั้งข้อหากับกลุ่มคนที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจเป็นจำนวนมาก ดังนั้นอย่ามาอ้างประชาชนเพราะที่มาของ ส.ว. ก็ไม่ได้มาจากประชาชน ไม่มีตรงไหนเลยที่ยึดโยงกับประชาชน

พร้อมกันนี้ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่แปลกใจที่พรรคพลังประชารัฐและส.ว.จะตีรวนการตั้งคณะกรรมาธิการในศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะทั้งสองกลุ่มหวั่นเสียผลประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ และเสียโอกาสในการเอาชนะการเลือกตั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นคือการใช้แท็กติก การสร้างประเด็น การสร้างข่าวเพื่อสร้างแนวร่วมเท่านั้น สุดท้ายคือกลัวเสียผลประโยชน์ที่ตัวเองได้จากรัฐธรรมนูญฉบับคสช.

“วัชระ”มอบเงิน 5 พันจาก”รมต.ปชป.” ให้กำลังใจนร.เหยื่อกระทงลิขสิทธิ์

People Unity News : “วัชระ”พร้อมกลุ่มเครือข่ายประชาชนโคราช เดินทางไปมอบเงิน 5,000บาท จาก “รมต.ปชป.” ให้กำลังใจ นร.เหยื่อกระทงลิขสิทธิ์

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์พร้อมกลุ่มเครือข่ายประชาชนโคราชเดินทางไปที่สภ.เมืองนครราชสีมา พบพลตำรวจเอกสุวิระ ทรงเมตตา รองผบ.ตร.และพันตำรวจเอกคเชนทร์ เสตบุตระ ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะนำน้องนักเรียนผู้เสียหายชี้จุดเกิดเหตุภายในสภ.เมืองนครราชสีมา

โอกาสนี้นายวัชระกล่าวขอบคุณพลตำรวจเอกสุวิระ และกล่าวว่า การมาให้กำลังใจนักเรียนครั้งนี้เพราะเห็นถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น จึงมาให้กำลังใจและมอบเงิน 5,000 บาท โดยมีคุณแม่ของนักเรียนเป็นผู้รับ โดยเงินจำนวนนี้มาจากคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ 2,000 บาท นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีการพัฒนาการสังคมและมนุษย์ 2,000บาทและเงินส่วนตัวของตนอีก 1,000บาท รวมเป็น 5,000 บาท

นายวัชระ กล่าวต่อว่า เพื่อซื้อกระทงของน้องนักเรียน 1 ใบและสนับสนุนให้นักเรียนช่วยพ่อแม่ทำงานหารายได้พิเศษ และไม่สนับสนุนการละเมิดลิขสิทธิ์ใดๆและเห็นว่าการกระทำของนักเรียนไม่มีความผิดตามกฎหมาย จากนั้นนายวัชระได้นำกระทงที่นักเรียนมอบให้ไปกราบถวายย่าโมที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีด้วย

ขณะเดียวกันนายวัชระได้ขอบคุณนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาที่รับปากในฐานะพ่อเมืองว่าจะติดตามและประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลเรื่องนี้และปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนทั้งจังหวัด เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในสังคมต่อไป

“ไทยคม5″ระส่ำ! “เศรษฐพงค์” จี้ยึดคืนคลื่น 3.5 GHzในสภาฯหลังหมดสัมปทาน

People Unity News : “ไทยคม5” ระส่ำ! “เศรษฐพงค์” จี้ยึดคืนคลื่น 3.5 GHz หลังหมดสัมปทาน ลั่น 5Gไทย ต้องทัดเทียมมาตรฐานโลก วอน “ดีอีเอส-กสทช.” เปิดประมูลคลื่น 3.5GHz เพื่อคนไทยได้ใช้ 5G เต็มคุณภาพ ระบุ เป็นประโยชน์ต่อระบบการแพทย์-ศก.ดิจิทัล สอดคล้องนโยบายรัฐ เตือนทำ “พีพีพี” ดาวเทียมไทยคม 5 ต้องรอบคอบ เปิดกว้าง โปร่งใส

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นวาระการหารือ โดย พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิจไทย ขอหารือต่อที่ประชุมว่า วันนี้ตนมีเรื่องหารือที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนเทคโนโลยีด้านสาธารณสุข ซึ่งเรื่องดังกล่าวนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข มีความเป็นห่วงและติดตามอย่างใกล้ชิด ก่อนอื่นต้องขอของคุณนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส และทาง กสทช. ที่มีความตั้งใจและร่วมมือกัน เพื่อจัดประมูลคลื่นความถี่สำหรับ 5G ในช่วงต้นปี 2563 ซึ่งจะสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการแพทย์ การสาธารณสุข ที่จะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในอนาคตอันใกล้ แต่ประเด็นสำคัญที่ตนจะเน้นย้ำคือเรื่องคลื่นความถี่สำหรับ 5G โดยในปัจจุบันประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีทิศทางหันไปใช้คลื่นความถี่ย่าน 3.5GHz ที่เป็นมาตรฐานสากลโดยสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ ITU ได้กำหนดไว้เช่นกัน และจะมีการผลิตอุปกรณ์หลักๆ มากมายบนย่าน 3.5GHz ดังกล่าวมากกว่าในย่านความถี่อื่นๆ

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า แต่ในแผนการประมูลคลื่นความถี่ที่จะเกิดขึ้นในต้นปีหน้าที่ กสทช. ได้ประกาศออกมานั้น ไม่ได้มีคลื่นความถี่ในย่าน 3.5GHz เลย จึงถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างมาก เนื่องจากถึงแม้ว่าจะสามารถนำคลื่นความถี่อื่นมาใช้ทำ 5G ได้ แต่อุปกรณ์ต่างๆ ที่ทั่วโลกผลิตมาอย่างแพร่หลายไม่ได้อยู่บนคลื่นความถี่เหล่านี้เป็นหลัก การใช้คลื่นความถี่ย่าน 2600 และ 700MHz ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนผู้ให้บริการ 5G ที่ยังมีไม่แพร่หลายนัก หากประเทศไทยใช้คลื่นความถี่ที่ไม่ได้รับความนิยม จะก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องอุปกรณ์ปลายทาง คือโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์ 5G อื่นๆ ที่ไม่มีในท้องตลาด ส่งผลให้ประชาชนต้องใช้อุปกรณ์ที่จะมีราคาสูง

“ดังนั้นผมเห็นว่าควรเร่งการจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 3.5GHz ซึ่งในปัจจุบันคือย่านความถี่ Extended C-Band ที่ใช้ในดาวเทียมไทยคม 5 ในการให้บริการทีวีดาวเทียมเป็นส่วนใหญ่ และปัจจุบันนี้กำลังได้รับความนิยมลดน้อยลง จึงทำให้หลายประเทศก็ได้มีการเรียกคืนความถี่ย่าน 3.5GHz นี้จากดาวเทียมและนำมาจัดสรรเป็นความถี่สำหรับเทคโนโลยี 5G ที่มีประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า ประเทศไทยไม่ควรให้ความหวัง 5G บนคลื่นความถี่อื่น ที่ไม่ใช่ 3.5GHz ที่ถือว่าเป็นความถี่หลักของ 5G ดังนั้น กระทรวงดีอีเอส และ กสทช. ควรเร่งนำคลื่น 3.5GHz มาร่วมประมูลด้วย เพื่อให้ 5G ไทยเทียบเท่ามาตรฐานโลก สามารถรองรับอุปกรณ์จากทั่วโลกที่มีราคาถูกลงอย่างรวดเร็วจนสามารถสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลตามนโยบายของรัฐบาลได้” พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าว

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า สำหรับดาวเทียมไทยคม 5 กำลังจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2564 ได้ใช้ความถี่ย่าน 3.5GHz ซึ่งถูกนำมาใช้ในการให้บริการทีวีดาวเทียมเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันนี้กำลังได้รับความนิยมลดน้อยลง ตัวอย่างเช่น ในหลายประเทศก็ได้มีการเรียกคืนความถี่ย่าน 3.5GHz นี้จากดาวเทียมและนำมาจัดสรรเป็นความถี่สำหรับเทคโนโลยี 5G แล้ว ดังนั้นประเทศไทยจึงควรพิจารณาหาแนวทางในการวางแผนการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 3.5GHz เพื่อนำมาจัดสรรให้กับ 5G เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ตนจึงขอฝากท่านประธาน ไปยังผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงดีอีเอส, กสทช. และคณะกรรมการ 5G แห่งชาติ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ช่วยพิจารณาประเด็นดังกล่าว และกรุณาแจ้งแนวทางการดำเนินงานให้ทางรัฐสภาทราบในโอกาสต่อไป

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เมื่อดาวเทียมไทยคม5 หมดสัญญาสัมปทานในปี 2564 แล้ว จะต้องมีการดำเนินการตาม พ.ร.บ. การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) ซึ่งกระทรวงดีอีเอส และทาง กสทช. จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและมีนโยบายที่เปิดกว้างและดำเนินการอย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนและประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ในส่วนสถานีภาคพื้นดิน (Ground Station) ที่ถูกสร้างในช่วงเวลาสัมปทาน ทั้งที่ตั้งไว้ในประเทศและต่างประเทศ เมื่อมีการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานไปยังระบบใบอนุญาต จะทำให้ทรัพย์สินทั้งหมด ต้องถูกส่งมอบให้กับกระทรวงดีอีเอส เพื่อนำไปบริหารจัดการต่อ ซึ่งในส่วนนี้ทางกระทรวงดีอีเอส จะนำมาเป็นทรัพย์สินของรัฐในการเจรจา พีพีพี ด้วยหรือไม่ ตรงนี้ทางกระทรวง ดีอีเอส กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีการดำเนินการอย่างรอบคอบ โปร่งใส เพื่อผลประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชน

ส.ส.ประชาชาติวอน! ใช้สันติวิธีแก้ปัญหาชายแดนใต้

People Unity News : “ซูการ์โน-กมลศักดิ์” ส.ส.พรรคประชาชาติเสียใจ เหตุกราดยิงชุดรักษาหมู่บ้านยะลา แนะต้องยึดแนวทางสันติวิธีแก้ปัญหา และเพิ่มบทบาทผู้แทนประชาชนเจรจาแก้ปัญหา ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์แสดงความเสียใจพร้อมเรียกร้องรัฐบาลเร่งหาคนร้าย

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 ก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ ตัวแทน ส.ส.พรรคประชาชาติ ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตำบลลำพะยา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ซึ่งมีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่จุดตรวจชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่บ้านทางลุ่ม หมู่ที่ 5 ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา เมื่อคืนวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย และผู้บาดเจ็บอีก 4 ราย

นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยกล่าวว่ารู้สึกตกใจที่ได้ทราบข่าวนี้ ซึ่งวันนี้ติดภารกิจประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่รัฐสภา หลังเสร็จสิ้นการประชุมจะรีบลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะแก้ปัญหาเพื่อยุติความรุนแรง ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยต่อการใช้ความรุนแรง แต่เห็นด้วยการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีด้วยการเปิดโต๊ะเจรจา เชื่อว่านี่คือวิธีการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ดีที่สุด เพราะปัญหาภาคใต้มีการใช้กำลังพลและงบประมาณจำนวนมากมาตลอด 15 ปี แต่ไม่เคยมีการเปิดโต๊ะเจรจากันอย่างสันติวิธีโดยตัวแทนประชาชนที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนและทุกภาคส่วน ซึ่งนี่เป็นเรื่องสำคัญ หลังเสร็จสิ้นการประชุมสภาฯวันนี้ จะรีบลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตและครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บทันที แม้ว่าพื้นที่เกิดเหตุจะอยู่ในเขตเลือกตั้งอื่น แต่ในฐานะ ส.ส.ยะลา ชาวยะลาทุกคนคือประชาชนที่เราต้องดูแล

ด้านนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ และเลขานุการกรรมาธิการการยุติธรรม กฎหมาย และสิทธิมนุษยชน ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ และกล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงการแก้ปัญหาหลายๆอย่าง สำคัญที่สุดในตอนนี้คือรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องรีบหาทางช่วยแหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บในขั้นต้น เราต้องรีบสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของฝ่ายใดก็ตาม นโยบายของพรรคประชาชาติเรามุ่งเน้นใช้วิธีการสันติภาพในการแก้ปัญหา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าแม้ว่าเหตุการณ์ความรุนแรงจะลดลงแต่ การก่อเหตุแต่ละครั้งเปลี่ยนรูปแบบวิธีการที่รุนแรงมากขึ้น

คุณหญิงสุดารัตน์แสดงความเสียใจพร้อมเรียกร้องรัฐบาลเร่งหาคนร้าย

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มป้อมยาม จุดตรวจชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ประจำหมู่บ้านทุ่งสะเดา และชุดคุ้มครองตำบลลำพะยา หมู่ที่ 5 ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เบื้องต้นได้รับเเจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ราย และบาดเจ็บอีก 4 ราย ว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุกาณร์ที่รุนแรงที่สุด นับตั้งแต่เกิดเหตุความไม่สงบพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้

อย่างไรก็ดีคุณหญิงสุดารัตน์ เห็นว่าการดูแลของฝ่ายความมั่นคง ต้องยกระดับให้ทั่วถึงเพื่อสร้างความความปลอดภัยให้ประชาชนในพื้นที่ พร้อมเร่งหาตัวผู้ก่อเหตุ สอดคล้องไปกับการใช้ยุทธวิธีการเจรจาเพื่อหาทางออก โดยน้อมนำพระราชดำรัส ‘เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา’ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นแนวทางในการเดินหน้าสร้างสันติสุข

ทั้งนี้คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ชี้ให้เห็นว่าแม้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการเพิ่มงบประมาณความมั่นคงสูงขึ้นทุกปี แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่ายังไม่สามารถตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาได้ จึงอยากเสนอให้จัดสรรงบประมาณอย่างโปร่งใส โดยเฉพาะเรื่องงบลับซึ่งอาจทำให้สังคมเคลือบแคลงใจ อีกทั้งในส่วนกระบวนการยุติธรรม ต้องป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาและได้รับความเป็นธรรมทุกฝ่าย เพราะถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในพื้นที่

“บิ๊กตู่”ยันไม่ให้”สม รังสี”ใช้ไทยเป็นทางผ่านเข้ากัมพูชา

People Unity News : “บิ๊กตู่”ยันไม่ให้”สม รังสี”ใช้ไทยเป็นทางผ่านเข้ากัมพูชา ต้องยึดมติอาเซียนที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกิจการภายในของประเทศอื่น

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนายสม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา ทำจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีขอเดินทางเข้าไทยเพื่อเดินทางไปยังประเทศกัมพูชาจะอนุญาตหรือไม่ว่า รัฐบาลได้ส่งหนังสือยืนยันไปแล้ว ไม่อนุญาตให้บุคคลที่ทำผิดกฎหมายใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ซึ่งไทยปฏิบัติตามมติอาเซียนที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกิจการภายในของประเทศอื่นและไม่ยอมให้ผู้ต่อต้านรัฐบาลใช้พื้นที่ประเทศไทยเคลื่อนไหว ซึ่งไม่ต้องทำหนังสือแจ้ง นายสม รังสี เพราะเป็นการพูดคุยระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลเท่านั้น

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ว่า ตนไม่ทราบการขอร้องของนายสม รังสี เพราะอยู่ในระหว่างติดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และไม่เห็นตั๋วเที่ยวบิน การบินไทยตามที่ปรากฏเป็นข่าว

ส่วนกรณีกระแสข่าวที่ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ขอความร่วมมือในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ไม่ให้ทีมงานของนายสม รังสี เข้าประเทศนั้น นายดอน ยืนยันว่า ไม่ได้มีการหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพูดคุยในที่ประชุม ส่วนจะมีนอกรอบหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะการประชุมนอกรอบเป็นเรื่องของแต่ละประเทศ

“บิ๊กตู่”หวั่นส่งผลเจรจา! ขอสื่ออย่าขยายความถล่มยะลาดับ 15 ราย

People Unity News : “บิ๊กตู่”กำชับเจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวังจุดเสี่ยงชายแดนใต้ย้ำห่วงครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ขอสื่ออย่าขยายความหวั่นส่งผลเจรจา

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จ.ยะลา ว่า ได้รับข้อมูลเบื้องต้นและการรายงานมาตั้งแต่เมื่อคืนที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมาและวันเดียวกันนี้ได้กำชับในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยขอให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนระมัดระวังให้มากที่สุด เพราะบางจุดตรวจอยู่ห่างจากพื้นที่เมืองพอสมควร จึงอาจเป็นจุดอ่อนหรือจุดที่มีความเสี่ยง จึงขอให้เพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ตนเป็นห่วงครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งหมดรวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จึงได้สั่งการให้ทางศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ดูแลเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ย้ำว่าเรามีมาตรการอยู่แล้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่มีจุดอ่อนในการอยู่ร่วมกันหรือการตั้งฐานปฏิบัติการทุกคนก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในเรื่องการแสวงหาความร่วมมือในการแก้ปัญหาไฟใต้นั้น กก็ได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียไปเรียบร้อยแล้วในหลายเรื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียก็ยินดีที่จะร่วมมือกันในหลายๆด้าน ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก นอกจากนี้ที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเปลี่ยนเป้าโจมตีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารมาเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) และตำบลแทนนั้น มองว่าอะไรที่เป็นจุดอ่อนหรือจุดที่มีความเสียงสูง คิดว่าจุดเหล่านั้นก็มีความไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการเพิ่มมาตรการในการป้องกันตนเองได้อย่างไร โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งวันนี้ก็ได้มีการประชุมในส่วนของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)ซึ่งจะมีการประชุมในรายละเอียดว่าจะปรับมาตรการอะไรและอย่างไร รวมถึงการวางกำลังเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสม

“ต้องยอมรับว่าในบางจุด บางพื้นที่ เจ้าหน้าที่มีความเสี่ยงค่อนข้างมากเนื่องจากต้องดูแลประชาชนในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ห่างไกล จุดไหนเป็นจุดอ่อนก็พยายามจะใช้การกดดันในตรงนี้มาเพื่อให้เป็นผลต่อการเจรจาด้วย ซึ่งผมไม่ต้องการให้สื่อไปขยายความในเรื่องเหล่านี้เพราะจะเป็นผลเสียต่อการทำงานของเรา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาไฟใต้จะเริ่มโดยเร็วได้เมื่อไหร่ อีกทั้งเราได้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะในการเจรจาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว อีกทั้งหลังมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะผู้เจรจาก็ได้มีการพูดคุยโดยเดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ประเทศมาเลเซียแล้ว สำหรับรูปแบบในการเจรจาก็ต้องมีการปรับภายในของเรา โดยมีการพูดคุยกันโดยตรงกับผู้ที่มีบทบาทในเรื่องของการใช้ความรุนแรง ซึ่งคาดว่าจะมีการพูดคุยกันในต่างประเทศ

“สิระ”จ่อชงทบทวนมติเชิญ”บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”แจงกมธ.”เสรีพิศุทธ์”

People Unity News : “สิระ”ยันมีคุณสมบัติครบนั่งกมธ.ปราบทุจริตจ่อทบทวนมติเชิญ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” แจงกมธ.พร้อมแนะ “เสรีพิศุทธ์” หาเวลาไปหาหมอบ้าง ขณะที่ประธาน กมธ.ป.ป.ช. เตรียมเชิญ”ประวิตร”เข้าชี้แจงรอบ 3 หลังส่งหนังสือชี้แจงอ้างติดประชุมครม. ขณะที่โฆษกกระทรวงกลาโหมบอกลาประชุมครม.เหตุทำภารกิจสำคัญ

เมื่อเวลา 11.45น. วันที่ 6 พ.ย.2562 ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีจะเข้าไปดำรงแหน่งกมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร  แทนส.ส.พลังประชารัฐที่ลาออกจากกมธ.ว่า ได้ยื่นลาออกจากกมธ.แก้ปัญหาหนี้สินแห่งชาติแล้ว เพื่อจะเข้าเป็นกมธ.ปราบทุจริตฯ ซึ่งในวันที่ 6 พ.ย.2562 พรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อตนและน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี ให้ที่ประชุมสภาฯรับรองการไปทำหน้าที่เป็นกมธ.ปราบทุจริตฯ คาดว่าตนและน.ส.ปารีณาจะไปร่วมประชุมกมธ.ได้ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ การที่ส.ส.พลังประชารัฐ 2คนคือ นายพยม พรมเพชร ส.ส.สงขลา และนายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชานี ลาออกจากกมธ.ปราบทุจริตฯ เพราะกลัวติดคุก เนื่องจากมติต่างๆของกมธ.ถูกนักกฎหมายหลายคนท้วงติงว่า เป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ดังนั้นตนจะเข้าไปทำหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศ ยืนยันว่า ตนและน.ส.ปารีณามีคุณสมบัติเหมาะสม เพราะเคยทำงานด้านตรวจสอบทุจริตมาก่อน

นายสิระกล่าวว่า สิ่งที่ตนจะเข้าไปเสนอต่อที่ประชุม กมธ.ปราบทุจริตฯคือ การทบทวนมติต่างๆของกมธ.อาทิ การเชิญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงต่อกมธ.และกรณีการรื้อคดีนาฬิกายืมเพื่อนของพล.อ.ประวิตรว่า อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกมธ.หรือไม่ ยืนยันว่า เป็นการเข้ามาทำหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศ ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง เชื่อว่าการประชุมกมธ.จะเป็นไปด้วยความราบรื่น  ขอฝากไปยังพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎรว่า อายุเยอะแล้ว หากมีเวลาควรไปโรงพยาบาลตรวจสอบสุขภาพจิตและสุขภาพกายบ้าง รู้สึกเป็นห่วง จึงขอให้ไปเช็กสภาพร่างกายดูบ้าง

“ปารีณา” เตรียมพร้อมเข้าเป็น กมธ.ป.ป.ช.

นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ จะมีการเสนอชื่อตนเองและนายสิระ เข้าเป็นกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร แทนที่นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา และนายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชารัฐ ที่แสดงความจำนงขอลาออกจากคณะกรรมาธิการฯ

นางสาวปารีณา ระบุถึงการทำหน้าที่ว่า ตั้งใจเข้าไปตรวจสอบว่าคณะกรรมาธิการฯ ใช้อำนาจเกินขอบเขตไปบ้างหรือไม่ เนื่องจากมี ส.ส.สมัยแรกจำนวนหนึ่งอ่อนต่อโลก ใช้อำนาจเกินขอบเขตหน้าที่ และอยากให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานกรรมาธิการฯ เรียนรู้ว่าการใช้อำนาจกรรมาธิการต่างจากการใช้อำนาจตำรวจ เพราะที่ผ่านมามีหลายครั้งใช้อำนาจเกินขอบเขต สุ่มเสี่ยงกระทำผิดกฎหมาย จึงอยากให้วางตัวให้เกียรติคนอื่น พูดจาให้นุ่มนวลลง พร้อมยืนยันว่า การเปลี่ยนตัวครั้งนี้ ไม่ได้เป็นยุทธศาสตร์หรือการสั่งการจากประธานยุทธศาสตร์พรรค แต่เป็นการหารือกันระหว่าง ส.ส.ด้วยกันเอง เพราะ ส.ส. 2 คนที่ลาออกกังวลว่าการลงมติต่างๆ อาจจะเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย

นางสาวปารีณา ยังระบุว่า อยากจะไปทำหน้าที่ตรวจสอบเกี่ยวกับการจัดซื้อรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจ Tiger ซึ่งจัดซื้อสมัยที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยย้ำว่าไม่ได้เป็นการโต้ตอบทางการเมือง แต่ตรวจสอบเพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ และจะขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล ส่วนที่ถูกวิจารณ์ว่า จะเป็นหนึ่งในคนที่มีบทบาทของกรรมาธิการชุดนี้ นางสาวปวีณาบอกว่าทุกคนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์แต่ขอให้ดูการทำหน้าที่ ติดตามตอนต่อไป

“เสรีพิศุทธิ์” เตรียมเชิญ”ประวิตร”เข้าชี้แจงรอบ 3

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ กล่าวว่า ได้เลื่อนวาระการแถลงข้อเท็จจริงของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับกรณีการเสนอร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน ในวันนี้ออกไปก่อนหลังนายประสาน หวังรัตนปราณี กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีของพล.อ.ประวิตร ได้ส่งหนังสือคำชี้แจงต่อกรรมาธิการแทน เนื่องจากพล.อ.ประวิตร ติดภารกิจประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ไม่สามารถเดินทางมาชี้แจงด้วยตัวเองได้

“ก่อนหน้านี้มีหนังสือมาถึงแล้วครั้งหนึ่ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 พิจารณารับฟังเหตุผลได้…ส่วนจะมีการเชิญเมื่อใดอีกนั้น ขอหารือภายในกรรมาธิการก่อน และขอบคุณทางไปยังพล.อ.ประวิตรที่ทำหนังสือชี้แจงดังกล่าวมา ทำให้เห็นว่าเป็นการให้เกียรติต่อสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าการทำหน้าที่ไม่มีนัยยะการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ต่างคนต่างทำหน้าที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน”

ส่วนกรณีที่มีคณะกรรมาธิการบางคนลาออกด้วยเหตุผลว่าไม่สามารถทำงานร่วมได้ เนื่องจากรับเรื่องจนล้น และมุ่งประเด็นการเมืองนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้รับเรื่องร้องเรียนมาแล้ว 135 เรื่อง รวมถึงการรับเรื่องวันนี้ เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยย้ำว่ามุ่งปฏิบัติหน้าที่เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อน

ด้านพล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตรได้ลาประชุม ครม. เพื่อทำภารกิจสำคัญ ส่วนจะเกี่ยวข้องเรื่องอะไรนั้น ตนไม่ทราบ แต่ไม่ได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

Verified by ExactMetrics