วันที่ 26 ธันวาคม 2024

“IMF”ร่วมถก”บิ๊กตู่-ผู้นำอาเซียน” แนะไทยดูแลศก.ช่วงนี้อย่ากระพริบตา

People Unity News : “บิ๊กตู่”เลี้ยงอาหารกลางวันผู้นำอาเซียนรวมถึงภาคีภายนอกและยูเอ็น IMF ถกแนวพัฒนาที่ยั่งยืน เตรียมต้อนรับ “หลี่ เค่อเฉียง” ยิ่งใหญ่ที่ทำเนียบฯ ขณะที่”อุตตม”เผย IMF แนะไทยใช้ทุกเครื่องมือทั้งการเงิน-การคลังดูแลเศรษฐกิจช่วงนี้

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ที่ห้อง Grand Diamond Ballroom ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อหารือเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน (Special Lunch on Sustainable Development) ภายหลังเสร็จสิ้น ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

งานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อหารือเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอก รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ สหประชาชาติ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยมีประเทศสมาชิกอาเซียน และกรรมการผู้จัดการองค์กรการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันด้วย

นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้กล่าวถ้อยแถลงสะท้อน “เสียงของอาเซียน” ที่นครนิวยอร์ก เพื่อบรรลุ SDGs อย่างไรก็ดี อาเซียนยังคงเผชิญกับความท้าทายในอีกหลายเป้าหมาย โดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่อาเซียนได้ประกาศเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม เช่น การลดการใช้พลังงานลงร้อยละ 30 และการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นร้อยละ 23 ภายในปี ค.ศ. 2025 และในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งอาเซียนได้มีข้อริเริ่มมากมายที่จะลดช่องว่างการพัฒนา ทั้งในประเทศและในภูมิภาคเพื่อไม่ให้ประชาคมอาเซียนทิ้งใครไว้ข้างหลัง

โดยในการหารือ นายกรัฐมนตรีได้เสนอ 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ประการที่หนึ่ง อาเซียนควรเสริมสร้างแรงกระตุ้นในการดำเนินการด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาค และต่อยอดจากการดำเนินกิจกรรมของศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนการดำเนินการตามโรดแมปความเกื้อกูลฯ

ประการที่สอง การสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน พร้อมให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนในระดับรากหญ้า

ประการที่สาม การบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนในอาเซียนจะต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจจากทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนและภาคีภายนอก

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าความร่วมมือและความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียน และความเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดกับประเทศคู่เจรจาและภาคีภายนอกของอาเซียน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้การขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนประจักษ์ผลเป็นรูปธรรม

ทางด้านนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังจากหารือร่วมกับผู้บริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่า ประเทศไทยยังมีความสามารถในการใช้เครื่องมือทางการเงินและการคลัง ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจของโลกชะลอลงอย่างพร้อมเพียงกัน ซึ่งไม่ใช่เพียงเหตุการณ์สงครามการค้าของสหรัฐกับจีนเท่านั้น ยังมีปัจจัยอื่นที่ผสมผสาน ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบและชะลอตัวลงไปด้วย

“ไทยยังโชคดี ที่เศรษฐกิจระดับมหภาคแข็งแกร่ง ทำให้ประเทศไทยมีความสามารถในการใช้เครื่องมือ ทั้งด้านการเงินและการคลังในการดูแลเศรษฐกิจช่วงเวลานี้ ซึ่ง IMF มีมุมมองว่า ให้พิจารณาใช้ทุกเครื่องมือที่มี เพื่อดูแลเศรษฐกิจตอนนี้ ทั้งการเงินและการคลัง หากมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ เพื่อที่จะสามารถผ่านสถานการณ์ต่างๆ ไปได้” นายอุตตม กล่าวและว่า

อย่างไรก็ดี IMF ย้ำว่าเศรษฐกิจไทยในภาวะตอนนี้นั้น 1.มีความจำเป็นที่จะต้องดูแลเศรษฐกิจขณะนี้ให้ผ่านพ้นไป 2.พิจารณาเครื่องมือที่มีโดยเน้นเครื่องมือทางการเงินและการคลัง เนื่องจากมีความสารถในการใช้ให้ทันการ ขณะที่เครื่องมือทางการเงินนั้น ก็เห็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงที่ผ่านมา แล้ว 1 ครั้ง และมองว่าสามารถทำได้อีก 3. เน้นความสำคัญในการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเรื่องที่สำคัญที่สุด คือการพัฒนาบุคลากรของประเทศให้มีทักษะ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น

นายอุตตม กล่าวว่า กรณีที่จะไปร่วมประชุมหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐในวันนี้ (4 พ.ย.62) เบื้องต้น จะมีการหารือเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการลงทุน ในการปฏิรูปโครงสร้างประเทศ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และสาธารณูปโภคพื้นฐาน เป็นต้น รวมถึงมีการหารือเรื่องของขบวนการการมีส่วนร่วมในการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้าง และความสะดวกในการทำธุรกิจ

“ทั้งนี้ ไม่ได้มีการตั้งใจที่จะไปเจรจาอย่างเป็นทางการ ในเรื่องของการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) อย่างไรก็ดี เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแล ยังมีแนวทางในการหารือเรื่องของ GSP เนื่องจากยังมีเวลาในการเจรจาร่วมกันอีก 6 เดือน ซึ่งคาดว่าจะมีทิศทางที่ดีกับทั้ง 2 ประเทศ” นายอุตตม กล่าว

เตรียมต้อนรับ “หลี่ เค่อเฉียง” ยิ่งใหญ่ที่ทำเนียบฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 5 พฤศจิกายน รัฐบาลไทยโดย พลเอกประยุทธ์ จะให้การต้อนรับนายหลี่ เค่อเฉียง (H.E. Mr. Li Keqiang) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยในเวลา 10.10 น. นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะให้การต้อนรับเชิญนายกรัฐมนตรีจีน โดยมีพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ก่อนที่จะมีการหารือข้อราชการเต็มคณะที่ตึกภักดีบดินทร์ ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ จะเชิญนายกรัฐมนตรีจีนไปยังตึกสันติไมตรีหลังใน เพื่อเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างไทย-จีน และจะมีการแถลงข่าวร่วมกัน จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ให้แก่นายกรัฐมนตรีจีนและคณะ ทั้งนี้ ในเวลา 08.00 น.ของวันเดียวกัน นาง Kristalina Georgieva กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะเข้าเยี่ยมคารวะและพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรี ที่ห้องรับรอง ตึกบัญชาการ 1

พช.ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ชู “3 Rsโมเดล”

People Unity News : พช.ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ชู “3 Rsโมเดล” โชว์โครงการ “ถังขยะเปียก ลดโลกร้อน-บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ในงานประชุมสิ่งแวดล้อมศึกษาโลกครั้งที่ 10 ที่ไบเทคบางนาระหว่างวันที่ 3-7 พ.ย.นี้

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมรับเสด็จฯสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จเป็นองค์ประธานการประชุมสิ่งแวดล้อมศึกษาโลกครั้งที่ 10 : The 10th World Environmental Education Congress (10th WEEC 2019) ที่เป็นการประชุมระดับนานาชาติระหว่างประเทศที่เน้นการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้หัวข้อ “Local Knowledge, Communication and Global Connectivity” (ภูมิปัญญาท้องถิ่น, การสื่อสารสิ่งแวดล้อมศึกษา และการเชื่อมโยงไปทั่วโลก)

เพื่อสร้างความร่วมมือทางวิชาการของผู้เข้าร่วมประชุม นักวิชาการจากทั่วโลก และปราชญ์ท้องถิ่น ตลอดจนเยาวชนในประเทศที่กำลังพัฒนาได้มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบ่งปันผลงาน เรียนรู้จากกันและกัน และร่วมกันกำหนดวิธีการที่จะจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต โดยใช้องค์ความรู้ วิชาการ รวมถึงเทคโนโลยีล่าสุดสำหรับการพัฒนาด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 ในระหว่างวันที่ 3 – 7 พฤศจิกายน 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย จัดโดยสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา โดยโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเอกชน อาทิ คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันโลกร้อนศึกษาโดยมูลนิธินภามิตร สำนักงานเครือข่ายสิ่งแวดล้อมศึกษาโลก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

โดยปัจจุบันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษย์ รวมถึงภัยพิบัติธรรมชาติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับโลก ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจึงถือเป็นความรับผิดชอบของทุกคน ทุกภาคส่วน ที่ต้องมีจิตสำนึกแห่งการอนุรักษ์ และอยู่กับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยไม่ทำลาย และในการประชุมครั้งนี้ มุ่งหวังที่จะเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีทางธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นการจุดประกายให้เกิดการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาต่อยอดความรู้ในอนาคต

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ในส่วนของกรมการพัฒนาชุมชนเอง ก็ได้ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมปฏิบัติเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เจ้าหน้าที่ฯ ในสังกัดทุกระดับ รวมถึงประชาชนทั่วไปด้วย โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่กรมการพัฒนาชุมชน ได้มีการรณรงค์เรื่องการบริหารจัดการขยะอย่างถูกวิธี ตามแนวทาง 3 Rs คือ Reduce ใช้น้อย Reuse ใช้ซ้ำ และ Recycle นำกลับมาใช้ใหม่ ผ่านกระบวนการประชารัฐ ปลูกฝังให้ทุกคนเริ่มต้นจัดการขยะตั้งแต่ตัวเราเอง เริ่มจากการพกแก้วน้ำส่วนตัว พกถุงผ้าแทนถุงพลาสติก และ พกกล่องข้าวส่วนตัวแทนการใช้กล่องโฟม นอกจากนี้ได้มีการรณรงค์ให้มีการใช้ซ้ำแทนการทิ้ง การคัดแยกขยะแต่และประเภท และการลดการใช้หลอดพลาสติก เป็นต้น

ในระดับชุมชนได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด และสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอทั้วประเทศ จัดให้มีการรณรงค์หมู่บ้าน ตำบล หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยยึด “โกงธนูโมเดล” เป็นต้นแบบ ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลโกงธนู อำเภอเมืองฯ จังหวัดลพบุรี ถือเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการขยะที่ประสบผลสำเร็จ เห็นผลเป็นรูปธรรม มีการส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนมีการจัดการคัดแยกขยะ เรียนรู้ร่วมกันในหมู่บ้าน เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการคัดแยกขยะอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ต้นทางมีการทำธนาคารขยะประชารัฐ และนำเงินที่ได้มาจัดตั้งสวัสดิการ “เพื่อนช่วยเพื่อน” สวัสดิการที่ช่วยดูแลคุณภาพชีวิตของสมาชิกทุกครัวเรือนในชุมชนในยามเสียชีวิต ถ้าเสียชีวิตจะได้ครอบครัวละไม่น้อยกว่า 85,000 บาท ส่วนขยะเปียก มีการทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์จากขยะเพื่อลดต้นทุนด้านการผลิต “ถังขยะเปียก ลดโลกร้อน” ประจำครัวเรือน ซึ่งเป็นสารบำรุงดินที่หมักในถังขยะเปียกครัวเรือน นำไปใช้ประโยชน์ในแปลงผักตามโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” รวมถึงมีการทำนวัตกรรมพวงหรีดจักสานลดปริมาณขยะ ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย

นอกจากนี้ พช. ยังได้กำหนดเป้าหมายของปีนี้ด้วยว่า ให้พัฒนากรทุกคนเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนช่วยกันปฏิบัติตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการดูแลรักษาบ้านเรือนให้สะอาด มีการคัดแยกขยะ พร้อมทั้งจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อนที่นอกจากจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยให้มีสารบำรุงดิน และปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ที่ปลอดสารพิษ อันเป็นการทำอาหารให้เป็นยาบำรุงร่างกายและลดรายจ่ายที่ง่ายที่สุด รวมทั้งยังได้มีการรณรงค์ให้คนไทย ทุกเพศ ทุกวัย หันมาสวมใส่ผ้าไทยให้มากขึ้น เพื่อแสดงถึงความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ ฝีมือ ภูมิปัญญาของความเป็นไทย และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ที่ช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง ชุมชนก็จะมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ด้วย

ส่อทางไม่สวย!”อภิสิทธิ์”นั่งปธ.กมธ.แก้รธน”พปชร.”ค้าน

People Unity News : “จุรินทร์” โยนวิปรัฐบาลเคาะ “อภิสิทธิ์” นั่งประธานกมธ.แก้รธน. งดออกความเห็นเหมาะสมหรือไม่ ขณะที่ “วีระกร” ดักคอต้องเป็นพรรคแกนนำรบ.

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่จะมีการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคปชป. เป็นประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เรื่องนี้ขอไม่พูดถึงตัวบุคคล แต่ขอพูดในหลักการคือ ขณะนี้ญัตติการตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้บรรจุอยู่ในวาระของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เมื่อมีการหยิบยกขึ้นมาก็จะมีการพิจารณาว่าจะให้มีการตั้งกรรมการวิสามัญหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าแนวโน้มคงตั้ง เพราะทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีความเห็นร่วมกันให้มีการตั้งอยู่แล้ว ตอนเสนอญัตติเข้าไป ดังนั้นเมื่อมีการตั้งก็จะมีการพิจารณาตัวกรรมาธิการที่จะเข้าไปสู่การพิจารณา ซึ่งในส่วนของพรรคปชป.นั้น ขึ้นอยู่กับที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยส.ส.จะเป็นผู้พิจารณาว่าใครจะไปเป็นกรรมาธิการ

“ผมคงไม่สามารถเรียนให้ทราบล่วงหน้าได้ว่าจะมีใครสนใจบ้าง และควรจะเป็นใคร แต่หลังจากได้ตัวกรรมาธิการครบ จะพิจารณาว่าใครจะเป็นประธาน รองประธาน ตำแหน่งไหนในกรรมาวิสามัญ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมกรรมาธิการ ซึ่งในส่วนรัฐบาลก็มีวิปรัฐบาลที่จะเป็นผู้พิจารณา โดยวิปในพรรคปชป. จะเป็นหนึ่งในวิปรัฐบาล ที่จะเข้าไปร่วมพิจารณา ซึ่งต้องรอวิปรัฐบาลเป็นผู้รอพิจารณาอีกขั้นหนึ่ง ว่าควรจะเป็นใครอย่างไร”นายจุรินทร์ กล่าว

เมื่อถามว่า หากวิปรัฐบาลไฟเขียว ในขณะที่ฝ่ายค้านก็เห็นถึงความเหมาะสมของตัวนายอภิสิทธิ์ นายจุรินทร์ กล่าวย้ำว่า ขอให้เป็นเรื่องของวิปฯ ที่จะไปคุยกัน ในส่วนของพรรคปชป.ก็จะคุยกันในส่วนของวิปรัฐบาล เพราะเป็นกลไกที่เราทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ต้นในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และจำเป็นจะต้องหารือกันในวิปรัฐบาล เพราะซีกรัฐบาลมีความสำคัญต่อความสำเร็จเหมือนกัน และจะเป็นความสำเร็จของทุกฝ่าย เพราะการแก้รัฐธรรมจะสำเร็จได้ ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล แต่ต้องรวมไปถึงวุฒิสมาชิกด้วย นั้นแปลว่าจะต้องมีความเห็นพ้องต้องกัน ยืนยันว่าในส่วนของปชป. จะต้องไปนับหนึ่งที่วิปรัฐบาล ในฐานะพรรคร่วม ซึ่งเราจะเจรจากันตรงนั้น ตอนนี้ขอไม่พูดในรายละเอียด ขอให้เป็นหน้าที่วิปที่จะคุยกัน

เมื่อถามว่าโดยส่วนตัวเห็นว่านายอภิสิทธิ์ มีความเหมาะสมหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นส่วนตัว เป็นเรื่องของพรรคที่จะพิจารณาตัวบุคคล

“วีระกร” ดักคอต้องเป็นพรรคแกนนำรบ.

นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอชื่อประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนพรรคพปชร.ที่จะเสนอชื่อคนใน หรือคนนอกพรรคนั้น ว่า จะต้องเป็นคนในพรรค ซึ่งกมธ.ชุดดังกล่าวเป็นแค่การศึกษาหาแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญ ยังไม่ได้เป็นเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง โดยจะไปสามารถแก้ไขอย่างรวดเร็วคงไม่ใช่ ก็ต้องศึกษาก่อน เพราะฉะนั้นคนในพรรคพปชร.ก็สามารถนั่งเป็นประธานกมธ.ได้ทั้งนั้น เบื้องต้น อาจเป็นนายวิรัช รัตนเศรฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานวิปรัฐบาล นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรคพปชร. หรือแม้แต่ตน ก็สามารถนั่งเป็นประธานกมธ. ได้ โดยมองว่าจะต้องผู้ที่มีความอาวุโส ซึ่งภายในพรรคก็มีผู้ที่มีความอาวุโสอยู่หลายคน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเห็นอย่างไร ต่อกระแสข่าวการผลักดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นประธานกมธ.ชุดดังกล่าว นายวีระกร กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของกรรมาธิการคณะใหญ่ๆ ที่จะต้องเป็นแกนนำพรรครัฐบาล แต่เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นแกนนำพรรครัฐบาล ซึ่งการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ฯ นั้นมีสิทธิที่จะเสนอได้ แต่ตามหลักและมารยาท จะต้องเป็นพรรคใหญ่ที่สุดของรัฐบาล นั่งเป็นประธานกมธ.

เมื่อถามว่าสามารถกล่าวได้หรือไม่ว่า ทางพรรคพปชร.ไม่ขัดข้อง หากนายอภิสิทธ์ฯ นั่งประธานกมธ. นายวีระกร กล่าวย้ำว่า จะบอกว่าขัดข้อง หรือไม่ขัดข้องนั้นไม่ได้ แต่ย้ำว่าไม่ได้รังเกียจนายอภิสิทธิ์ แต่เขาเสียงน้อยมานั่งตรงนี้ คงจะไม่ได้ แต่ทั้งนี้ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่านายอภิสิทธิ์ฯ มีความเหมาะสมในสายตาของตน แต่เป็นตัวแทนพรรคปชป.มองว่ายังเล็กไป ควรจะต้องเป็นพรรครัฐบาล หรือพรรคพปชร.

เมื่อถามอีกว่าผู้ที่เหมาะสมจะมานั่งประธานกมธ.ชุดนี้ จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้างนั้น นายวีระกร กล่าวว่า จะต้องรู้เรื่องกฎหมาย และมีประสบการณ์ทางการเมืองมากพอสมควร รวมถึงจะต้องรู้ว่ารัฐธรรมนูญเก่าๆ ที่ผ่านมาให้สิทธิเสรีภาพอย่างไร หรือมีอะไรที่แตกต่างจากฉบับปัจจุบัน เพื่อเปรียบเทียบ ซึ่งหลายคนก็บอกว่าฉบับปัจจุบันก็ไม่ค่อยเต็มใบสักเท่าไหร่ ดังนั้น คนที่จะมานั่งเป็นประธานจะต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ในหลายรัฐธรรมนูญมาแล้ว เป็นผู้ที่มีความรู้ทางกฎหมายและมีความอาวุโส อย่างน้อยจะต้องมีจิตวิญญาณ และความรู้สึกว่ารัฐธรรมนูญฉบับเก่าให้สิทธิและเสรีภาพเช่นไรบ้าง

“ภูมิธรรม”แนะแนวสรรหากมธ.แก้ไขรธน.

People Unity News : “ภูมิธรรม”แนะแนวสรรหากมธ.แก้ไขรธน. ทรงคุณวุฒิ ตั้งใจ ปลดล็อกที่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่างๆได้

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน สภาผู้แทนฯให้สัมภาษณ์เรื่องการแก้ไขรธน.เพิ่มเติมว่า ตามที่มีผู้เสนอความเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งกมธ.วิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ มายังพรรคร่วม7พรรคฝ่ายค้านนั้น ขอเรียนยืนยันว่า

1) การเลือกตัวแทนกมธ.ให้เข้ามาเป็นปธ.​กก.แก้รธน.​ เราจะระมัดระวังบทเรียนในอดีต มิให้การทำงานครั้งนี้ กลายเป็นความผิดพลาด โดยเลือกใครก็ได้ แต่ควรจะพิจารณาคนกลางที่มีความตั้งใจที่เห็นปัญหาของประเทศและปัญหาของรธน.ว่าเป็นอุปสรรคทำให้ประเทศเดินหน้าไม่ได้และที่สำคัญคนที่เข้ามาร่วมในคณะกมธ.ชุดนี้ควรเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ไขรธน.โดยมุ่งหวังที่จะช่วยปลดล็อกที่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่างๆเพื่อให้การแก้ไข รธน.สามารถเป็นหนทางการปลดล็อคประเทศได้อย่างแท้จริง

2)แนวทางที่สำคัญอันหนึ่งที่จะได้หารือกันต่อไปคือ ช่วยกันมองหาคนที่ทุกฝ่ายยอมรับ ที่สามารถดึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน มาร่วมกันออกแบบรัฐธรรมนูญที่แก้ปัญหาทางเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนได้และทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้เป็นอย่างดี

3)พรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง7พรรคจะนัดหารือกันก่อนที่วาระนี้จะเข้าสู่การพิจารณาและเชื่อว่าเราจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนที่สามารถตอบสนองการหาทางออกให้ประเทศและจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันและเป็นเอกภาพ

ปชป.ยังไม่ชัดเคาะชื่อ “มาร์ค” นั่ง ปธ.กมธ.แก้รธน. พท.หวัง”บิ๊กตู่”ไฟเขียว

People Unity News : ปชป.ยังไม่ชัดเคาะชื่อ มาร์ค นั่ง ปธ.กมธ.แก้รธน. รอมติที่ประชุมพรุ่งนี้ ชินวรณ์ เผย ตั้งกมธ.แก้รธน.ไม่ทันวันที่ 6 พ.ย. เหตุมีวาระรับทราบ 10 เรื่อง แถมมีญัตติตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบม.44 คาดตั้งได้ 13 พ.ย. กางสัดส่วนกมธ.ฯ “เพื่อไทย” หวัง “บิ๊กตู่” กล่อม ส.ว.ร่วมแก้ รธน. เผยพรรคการเมืองเห็นด้วยแก้มาตรา 256 เปิดทางแก้รธน.

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงข้อเสนอขงนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์แบะวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า จะต้องหารือในที่ประชุมพรรควันพรุ่งนี้ก่อน อย่างไรกฌตามคาดว่าวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ ที่ประชุมสภายังไม่น่าจะได้พิจารณาญัตติตั้งกรรมาธิการชุดดังกล่าว เนื่องจากมีวาระรับทราบรายงานถึง 10 เรื่อง โดยเรื่องที่คิดว่าจะอภิปรายกันยาวคือ วาระรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนเมษายนขมิถุนายน 2562)

นอกจากนี้ยังมีญัตติตั้งคณะกรรมมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และการใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมาตรา 44 ก่อนที่จะเข้าสู่ญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงอาจต้องไปพิจารณาญัตตินี้ในวันพุธที่ 13 พฤศจิกายน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะตั้งกรรมาธิการจำนวน 49 คน แบ่งเป็นสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี 12 คน พรรคร่วมรัฐบาล 18 คน และฝ่ายค้าน 19 คน

ทั้งนี้นายเทพไท กล่าวถึงความเคลื่อนไหวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ถ้าดูจากสัญญาณของพรรคการเมืองต่างๆในขณะนี้ จะเห็นได้ว่าทุกพรรคสนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญค่อนข้างชัดเจนแล้ว แม้แต่ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ซึ่งเป็นประธานวิปพรรคร่วมรัฐบาลก็ออกมายอมรับแล้วว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลจริง เป็นภารกิจที่จะต้องผลักดันให้เป็นจริงในทางปฎิบัติ ดังนั้นค่อนข้างมั่นใจได้ว่า การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ต่อจากนี้ไปเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองต่างๆที่จะต้องสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมเพื่อทำหน้าที่เป็นกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคการเมืองนั้นๆ

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ถ้าหากมีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาหารือนอกรอบในการประชุมส.ส.ของพรรคในวันพรุ่งนี้ ผมในฐานะส.ส.คนหนึ่งของพรรค จะขอนำเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาบุคคลของพรรคที่มีความเหมาะสม มีประสบการณ์ทางการเมืองสูง ผ่านการใช้รัฐธรรมนูญมาแล้วหลายฉบับ เป็นส.ส.หลายสมัย เคยเป็นฝ่ายบริหาร เป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวงมาก่อน ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดนี้ ส่วนตัวเห็นว่านายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นอีกคนหนึ่งที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ ซึ่งผมจะนำเสนอต่อที่ประชุม ส.ส.ของพรรค เพื่อขอความเห็นชอบให้ท่านเข้าไปเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ด้วย

สำหรับกระแสการตอบรับของการให้นายอภิสิทธิ์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้นได้รับการยอมรับจากหลายฝ่ายอย่างกว้างขวาง นับเป็นนิมิตหมายที่ดีทางการเมือง ที่ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือและสนับสนุนบุคคลที่มีความสามารถเข้าทำหน้าที่แทนทุกฝ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จ และก้าวผ่านความขัดแย้งของสังคมไปได้ด้วยดี

“เพื่อไทย”หวัง”บิ๊กตู่”กล่อม ส.ว.ร่วมแก้รธน.

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นด้วยกับภาคประชาสังคมจะยื่นเรื่องต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อหารือการแก้รัฐธรรมนูญ พร้อมยินดีให้ความร่วมมือ และรับฟังความคิดเห็น เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนั้นคงต้องรอดูคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะตั้งขึ้นมาภายหลังเปิดประชุมสภาฯ เดือน พ.ย. ซึ่งจะกำหนดแนวทางว่าทำอย่างไร

ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะเอาเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญมาหารือกันในสภา เพราะเป็นความต้องการของภาคประชาชนและภาคประชาสังคม ที่อยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและต้องการรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ส่วนการดำเนินการอยู่ที่การหารือในสภา เพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอ ว่าควรจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ง่าย เพราะหากไม่แก้มาตราดังกล่าว จะไม่สามารถแก้ไขได้เลย ส่วนจะมีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ไปพร้อมกันหรือไม่ก็ให้เป็นมติที่ประชุม

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญฝ่ายการเมืองทั้งร่วมฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วย จากการพูดคุยกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย รวมทั้งพรรคพลังประชารัฐ เห็นตรงกันว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่อุปสรรคคือ หากสมาชิกวุฒิสภา หรือผู้มีอำนาจไม่เอาด้วยก็ไม่สามารถแก้ไขได้

“ดังนั้นการไขรัฐธรรมนูญต้องให้ผู้มีอำนาจและสมาชิกวุฒิสภาเห็นด้วย แต่ก็ไม่ง่ายเพราะสมาชิกวุฒิสภาเกรงว่าอำนาจที่ตัวเองมีจะหายไป ดังนั้นอาจจะต้องหารือกับสมาชิกวุฒิสภาว่าเราจะแก้ไขในส่วนใดบาง อาจจะมีการแก้ในส่วนของบทเฉพาะกาลให้คงอำนาจของสมาชิกวุฒิสภาตามวาระ หลังหมดวาระแล้วว่ากันใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งหมดทั้งมวลการแก้รัฐธรรมนูญต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย รวมทั้งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หากไม่ร่วมมือหรือไม่เห็นแก่ประชาชนก็แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้” นายแพทย์ชลน่านกล่าว

“นิพนธ์”เผย 3 กระทรวงหลัก จับมือใช้ แผนที่ One map แก้ปัญหาที่อยู่อาศัย

People Unity News : “นิพนธ์”เผย 3 กระทรวงหลัก จับมือใช้ แผนที่ One map แก้ปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกิน เขตเมือง-ชนบท ภาคเหนือใช้กลไก คทช.

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานเปิดงานวันที่อยู่อาศัยโลก ภาคเหนือ ปี 2562 ภายใต้หัวข้อ “การขับเคลื่อนแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินระดับจังหวัดให้เกิดรูปธรรม” วิถีชุมชนท้องถิ่นสู่การแก้ไขปัญหาอยู่อาศัย และที่ดินทำกิน ทั้งเมืองและชนบท โดยมีผู้แทนองค์กรชุนชนจาก 17 จังหวัด และหน่วยงานภาคีเครือข่ายเข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงราย. โดยนายนิพนธ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อกระบวนการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชน

โดยกระทรวงมหาดไทยมีแนวทางที่จะบูรณาการความร่วมมือกับ 3 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานหลักที่ดำเนินการเรื่องการแก้ไขปัญหาที่ดินและที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว โดยจะดำเนินการสำรวจข้อมูลที่ดินที่ทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชนโดยใช้กลไกโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล(คทช.)ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลในการจัดสรรที่ดินให้กับประชาชนโดยทดลองใช้ แผนที่ One map มาใช้เป็นเครื่องมือในการกันพื้นที่ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินงานโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทยในการจัดแนวเขตที่ดินให้ชัดเจนว่า พื้นที่ส่วนใหญ่จะสามารถนำมาจัดสรรให้กับพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางเครือข่ายการพัฒนาที่อยู่อาศัย และการจัดการที่ดินภาคเหนือ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีในระดับจังหวัดดำเนินงานแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ทำกินของประชาชนผู้มีรายได้น้อยในปี 2562 โดยมีผู้ได้รับผลประโยชน์รวม 3,636 ครัวเรือน แบ่งเป็นบ้านมั่นคงเมืองและชนบท 1,182 ครัวเรือน และบ้านพอเพียงชนบท 2,455 ครัวเรือน

เพื่อไทยชี้”บิ๊กตู่”ล้มเหลวจัดประชุมอาเซียน ไร้ชัดเจนกรณีถูกสหรัฐฯตัดจีเอสพี

People Unity News : เพื่อไทยชี้”บิ๊กตู่”ล้มเหลวจัดประชุมอาเซียน ไร้ชัดเจนกรณีถูกสหรัฐฯตัดจีเอสพี ขณะที่ ผู้แทน”ทรัมป์ ” พบ “บิ๊กตู่” ยันจะพิจารณาทบทวนอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 พฤศจิกายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคพท. และร.ท.หญิง สุณิสา ธิวากรดำรง รองโฆษกพรรคพท. ได้ร่วมกันแถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยนายอนุสรณ์ กล่าวถึงการประชุมอาเซียนว่า เราไม่อยากให้โฆษกและผู้ใหญ่ในรัฐบาลไปโหนโพลในลักษณะที่ตัวเองได้ประโยชน์ และไม่สนใจโพลที่ตัวเองเสียประโยชน์ ซึ่งการประชุมที่ผ่านมา เราได้เห็นการพูดในทำนองกว้างๆเท่านั้น แต่ไม่มีผลลัพท์ที่เป็นรูปธรรมชัดเจน ถือว่าเสียโอกาสในฐานะที่เราเป็นประธานอาเซียน โดยเฉพาะเรื่องที่สหรัฐอเมริกาประกาศตัดจีเอสพี ที่ขณะนี้เราสับสนกันว่าจะเอาอย่างไร

สรุปแล้วอยากให้เขาทบทวนการตัด หรือไม่ เพราะนายกฯบอกที่เขาตัดจีเอสพีเพราะเศรษฐกิจเราโตไว พอถามเรื่องเศรษฐกิจถดถอยก็บอกว่า เศรษฐกิจไม่ได้ถดถอยแค่โตช้า ตนจึงขอตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นบิดาของความนย้อนแย้ง เสมอต้น เสมอปลาย ท่านพูดขัดแย้งกันไปมา จนยังไม่สามารถสรุปได้เลยว่าเศรษฐกิจโตไว หรือโตช้า แล้วสาเหตุที่เราถูกตัดจีเอสพีมาจากเรื่องอะไร รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องพูดคนละเรื่องแตกต่างกัน ไม่มีการบูรณาการแก้ไข ดังนั้น อยากให้เอาให้ชัดว่าเราถูกตัดเพราะอะไร นอกจากนี้ แผนรองรับต่อจากนี้คืออะไร ไม่ใช่บอกเขารับปากแล้ว ให้รอไปเรื่อยๆ

ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า บทบาทพล.อ.ประยุทธ์ในการเป็นประธานอาเซียน ประเมินแล้วต้องถือว่าท่านล้มเหลวทั้งในฐานะประธานอาเซียน และหัวหน้ารัฐบาล ที่ประเมินเช่นนี้เพราะเราใช้ตัวชี้วัดจากศักยภาพของผู้นำฯในการเชิญคู่เจรจาจากชาติมหาอำนาจมาร่วมการประชุม เช่น สหรัฐอเมริกา ที่ลดความสำคัญในการประชุมอาเซียนที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพโดยการส่งเพียงผู้แทนมาร่วมประชุม ทั้งที่ผ่านมาประธานาธิบดีบารัก โอบามา ก็เดินทางเข้าร่วมการประชุมเองทุกครั้ง รวมถึงการประชุมครั้งก่อนที่ไทยเป็นเจ้าภาพด้วย สะท้อนถึงการลดความสัมพันธ์ และความสำคัญของประเทศไทยลง วันนี้ประเทศไทยได้สูญเสียสถานะทางการทูตนั้นไปแล้ว ทั้งนี้ การจัดประชุมอาเซียนไม่ใช่เพียงมีอาหารที่ดี ดนตรีที่เพราะเท่านั้น แต่ต้องคุ้มค่า และใช้เป็นเวทีแก้ไขปัญหาที่สำคัญในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย ดังนั้น การประชุมครั้งนี้ จึงไม่ใช่การประชุมที่น่าประทับใจสำหรับผู้ที่มาร่วมประชุม นอกจากนี้ การเจจราในเวทีประชุมนี้ก็ยังห่างไกลจากเป้าหมายที่พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลได้ตั้งเป้าไว้ เช่น การสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกลุ่มประเทศอาเซียน แต่การประชุมหลายวันที่ผ่านมานี้มีลักษณะเป็นทวิภาคีสูงอยู่ พล.อ.ประยุทธ์กำลังจะก้าวลจากตำแหน่งประธานอาเซียนด้วยความล้มเหลว

ผู้แทน”ทรัมป์”พบ”บิ๊กตู่” ยันพิจารณาตัด GSP ถี่ถ้วนอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 10.00 น. ณ ห้อง Sapphire 108 ชั้น 1 อาคารอิมแพค ฟอรั่ม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบหารือกับนายโรเบิร์ต ซี โอไบรอัน (Robert O’Brien) ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ผู้แทนพิเศษของนายโดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และหัวหน้าคณะผู้แทนสหรัฐอเมริกาในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีย้ำว่าไทยพร้อมร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกัน และเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ เช่น การลงทุน การต่อต้านการค้ามนุษย์ และการสนับสนุนบทบาทของสหรัฐฯ ในการเพิ่มพูนความร่วมมือกับภูมิภาค พร้อมฝากความระลึกถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภริยา โดยหวังว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับที่ประเทศไทย

ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงสหรัฐฯ แสดงความขอบคุณในการต้อนรับอย่างอบอุ่นของไทย และกล่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ฝากหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อย้ำว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์กับไทยในฐานะมิตรประเทศอันใกล้ชิด ชื่นชมการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทยในปีนี้ และยืนยันว่าสหรัฐฯ พร้อมมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในการร่วมมือกับไทยและอาเซียนเพื่อประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาคต่อไป

ทั้งสองฝ่ายชื่นชมความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ มีความใกล้ชิดและครอบคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง รวมถึงความท้าทายในรูปแบบใหม่ ไทยมุ่งมั่นในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจทั้งสองฝ่ายยินดีที่การประชุม Indo-Pacific Business Forum ในวันนี้ จะเป็นโอกาสอันดีในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะสาขาโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน ดิจิทัล ทั้งนี้ระหว่างการหารือได้มีการหยิบยกประเด็นการประกาศพักสิทธิ GSP บางส่วนของไทย ซึ่งสหรัฐฯ รับไปพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนไทย

“ธนกร”โต้”หญิงหน่อย”รับศก.ไทยไม่ค่อยดีเพราะผลกระทบจากศก.โลก

People Unity News : “ธนกร”โต้”หญิงหน่อย” เศรษฐกิจไทยไม่ค่อยดีเพราะผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ยัน”บิ๊กตู่”ไม่เคยอุ้มนายทุน แต่ช่วยคนทั้งประเทศ เหน็บไม่เหมือนอดีตผู้นำบางคน เลือกช่วยเฉพาะจังหวัดที่เลือกตัวเองก่อน

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โจมตีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมว่า ไม่เคยแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง มักอ้างนักการเมืองและผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไม่ค่อยดีนักเนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกจริงๆ ซึ่งทุกประเทศในเอเชียได้รับผลกระทบหมด รัฐบาลจึงออกมาตรการต่างๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อพยุงให้เศรษฐกิจประคองไปได้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการชิมช้อปใช้ มาตรการประกันรายได้เกษตรกร การส่งเสริมการท่องเที่ยว ถ้าคุณหญิงสุดารัตน์ไม่พูดก็คงไม่มีใครว่า แต่ทางที่ดี หากมีข้อเสนอแนะอะไรดีๆ ก็น่าจะนำเสนอมา ไม่ใช่พูดไปเรื่อย เอาความสะใจไปวันๆ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ คุณหญิงสุดารัตน์ควรเอาเวลาไปช่วยดูแลพรรคเพื่อไทยบ้างดีกว่า เห็นส.ส.หลายคนก็บ่นๆ อยู่

นายธนกร กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำงานเพื่อพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ที่สำคัญไม่เคยอุ้มนายทุนขนาดใหญ่หรือคนรวยตามที่คุณหญิงกล่าวหา ไม่เหมือนอดีตผู้นำบางคน ไปปราศรัยที่จ.นครสวรรค์แล้วบอกว่าจะช่วยจังหวัดที่เลือกพรรคของท่านก่อนเท่านั้น ทั้งนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เอสเอ็มอี แรงงาน สิ่งเหล่าพี่น้องประชาชนทราบดี มีเพียงคุณหญิงสุดารัตน์ที่ไม่ยอมเปิดรับ อยากให้เปิดใจให้กว้าง ทำจิตใจให้สงบ แล้วจะสัมผัสถึงความรักชาติ รักประชาชนของพล.อ.ประยุทธ์ คุณหญิงสุดารัตน์จะได้เข้าใจ มาช่วยกันเพื่อบ้านเมืองจะดีกว่า เพราะการเล่นเกมการเมืองมากจนเกินไปประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร

ผู้แทน “ทรัมป์” พบ “บิ๊กตู่” ยันพิจารณาตัด GSP ถี่ถ้วนอีกครั้ง

ผู้แทน “ทรัมป์” พบ “บิ๊กตู่” ยันพิจารณาตัด GSP ถี่ถ้วนอีกครั้ง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนไทย ยาหอมบทบาทไทยในฐานะประธานอาเซียน พร้อมกระชับความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ขณะที่วงถก “อาเซียน-สหรัฐฯ” ยันร่วมสนับสนุนสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00 น. ณ ห้อง Sapphire 108 ชั้น 1 อาคารอิมแพค ฟอรั่ม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบหารือกับนายโรเบิร์ต ซี โอไบรอัน (Robert O’Brien) ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ผู้แทนพิเศษของนายโดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และหัวหน้าคณะผู้แทนสหรัฐอเมริกาในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีย้ำว่าไทยพร้อมร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกัน และเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ เช่น การลงทุน การต่อต้านการค้ามนุษย์ และการสนับสนุนบทบาทของสหรัฐฯ ในการเพิ่มพูนความร่วมมือกับภูมิภาค พร้อมฝากความระลึกถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภริยา โดยหวังว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับที่ประเทศไทย

ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงสหรัฐฯ แสดงความขอบคุณในการต้อนรับอย่างอบอุ่นของไทย และกล่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ฝากหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อย้ำว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์กับไทยในฐานะมิตรประเทศอันใกล้ชิด ชื่นชมการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทยในปีนี้ และยืนยันว่าสหรัฐฯ พร้อมมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในการร่วมมือกับไทยและอาเซียนเพื่อประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาคต่อไป

ทั้งสองฝ่ายชื่นชมความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ มีความใกล้ชิดและครอบคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง รวมถึงความท้าทายในรูปแบบใหม่ ไทยมุ่งมั่นในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจทั้งสองฝ่ายยินดีที่การประชุม Indo-Pacific Business Forum ในวันนี้ จะเป็นโอกาสอันดีในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะสาขาโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน ดิจิทัล ทั้งนี้ระหว่างการหารือได้มีการหยิบยกประเด็นการประกาศพักสิทธิ GSP บางส่วนของไทย ซึ่งสหรัฐฯ รับไปพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนไทย

อาเซียน-สหรัฐฯ ร่วมสนับสนุนสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค

ต่อมาเวลา 10.30 น. ณ ห้อง Sapphire 203 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พลเอกประยุทธ์ และผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียน และนายโรเบิร์ต ซี. โอไบรอัน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 7 ภายหลังเสร็จสิ้น ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 7 มีขึ้นเพื่อทบทวนความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียน-สหรัฐฯ ในมิติการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรมในรอบปีที่ผ่านมา รวมทั้งเพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางของความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ ในอนาคต และแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับประเด็นสำคัญระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยมีผู้แทนจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน และนายโรเบิร์ต ซี. โอไบรอัน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมประชุม

นายกรัฐมนตรีกล่าวให้การต้อนรับนายโรเบิร์ต ซี. โอไบรอัน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ในฐานะประธานอาเซียน ชื่นชมบทบาทที่แข็งขันของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคซึ่งช่วยให้อาเซียนได้พัฒนาเป็นประชาคมที่มีพลวัตและความเจริญรุ่งเรือง และขอบคุณที่สหรัฐฯ สนับสนุนความเป็นแกนกลางของอาเซียนผ่านกลไกสำคัญรวมไปถึง กรอบการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (อีเอเอส) เออาร์เอฟ และเอดีเอ็มเอ็มพลัส และในปีนี้ อาเซียนและสหรัฐฯ ได้ร่วมกันจัดการฝึกร่วมทางทะเล เป็นครั้งแรก เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

สหรัฐฯ ยังมีบทบาทสนับสนุนมุมมองของอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเสริมสร้างเสถียรภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจดิจิทัล และพลังงาน รวมถึงการมีบทบาทของนักลงทุนสหรัฐฯ ที่เป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญต่อการเจริญเติบโตในภูมิภาคที่ครอบคลุมและยั่งยืน ในการนี้ ผมยินดีที่ภาคเอกชนไทยและสหรัฐฯ ร่วมกันริเริ่มจัดการประชุม Indo-Pacific Business Forum ครั้งที่ 2 ที่ประเทศไทย ในวันนี้ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าการประชุมในวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่อาเซียนและสหรัฐฯ จะได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ และหวังที่จะเห็นพัฒนาการในการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของอาเซียน-สหรัฐฯ ในทุกมิติ เพื่อนำไปสู่ผลประโยชน์ของประชาชนอาเซียนและสหรัฐฯ อย่างก้าวหน้าและยั่งยืน

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนนักลงทุนสหรัฐฯ ให้ร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาค รวมถึงสาขาที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งบทบาทที่แข็งขันของสหรัฐฯ นี้จะช่วยต่อยอดการสร้างประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และมองไปสู่อนาคต ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดหลักของการประชุมอาเซียนในปีนี้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณทุกส่วนที่มีส่วนร่วมในการแสดงวิสัยทัศน์ และขอบคุณ สปป.ลาว ที่ทำหน้าที่ประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ อย่างมีประสิทธิภาพตลอดปีที่ผ่านมา

“เพื่อแม้ว”ยันไม่มีอุปาทานคนจะมาเป็นประธาน กมธ.ศึกษาแก้ รธน.

People Unity News : “เพื่อแม้ว”ยันไม่ยึดติดตัวคนจะมาเป็นประธาน กมธ ศึกษาแก้ รธน. เพราะสาระอยู่ที่แนวคิดและความจริงใจของแต่ละฝ่าย

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว ต่างประเทศ กล่าวถึงการที่สภาจะพิจารณาญัตติตั้ง กมธ.ไปศึกษาวิธีการแก้ไข รธน. และขณะนี้มีการพูดถึงชื่อตัวบุคคลที่จะมานั่งเป็นประธาน กมธ. ชุดดังกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ยึดติดตัวบุคคลที่จะเป็นประธาน แต่ให้ความสำคัญกับแก่นสาระและแนวคิด รวมทั้งความจริงใจของพรรคการเมืองทุกพรรคในสภา ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ว่าจะเห็นปัญหาและประเด็นที่ควรได้รับการแก้ไขหรือไม่ ซึ่งการพิจารณาของกรรมาธิการฯคงต้องไปพิจารณาว่า

1. จะมีการแก้ รธน. ให้มีการเลือกตั้งตัวแทนประชาชนมาร่าง รธน. ในรูป สภาร่าง รธน หรือ สสร. ตามที่พรรคฝ่ายค้านเสนอหรือไม่ หรือ 2. จะแก้ไขมาตรา 256 โดยลดเงื่อนไขให้การแก้ไขรธน. ยากน้อยลง เช่นที่เคยบัญญัติไว้ใน รธน ปี 2550 คือใช้เสียงกึ่งหนึ่งของจำนวน สส. และ สว.

หรือ 3. อาจมีการเสนอแก้ไขในประเด็นอื่นตามที่รัฐสภาเห็นชอบ “การมีการเลือกตั้งที่เป็นธรรมและสะท้อนเจตจำนงของประชาชน การมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง และสามารถแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนได้นั้นขึ้นอยู่กับบทบัญญัติของ รธน. ตนเชื่อว่าพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านและ สว. จะยึดเอาประโยชน์ของคนไทยและประเทศไทย และร่วมกันหาทางออกเพื่อให้ประเทศเดินหน้าเต็มศักยภาพและนำความรุ่งเรืองและมาสู่คนไทยทุกคน”

Verified by ExactMetrics