วันที่ 24 ธันวาคม 2024

“วิว เยาวภา”แนะผู้ปกครองรู้เท่าทันสื่อสร้างภูมิคุ้มกันเด็ก

People Unity News : Facebookและสถาบันวิจัยบทบาทชายหญิงและการพัฒนา จัดประชุมให้ความรู้เรื่องการสร้างสังคมเฟซบุ๊กที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง “วิว เยาวภา”แนะผู้ปกครองรู้เท่าทันสื่อสร้างภูมิคุ้มกันเด็ก

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เวลา 13.30 น. ที่โรงเเรมเจดับบลิว แมรีออท กรุงเทพ ฯ Facebook และสถาบันวิจัยบทบาทชายหญิงและการพัฒนา จัดการประชุมให้ความรู้เรื่อง การสร้างสังคมเฟซบุ๊กที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง women’s Safety on Facebook โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคพลังประชารัฐและพรรคอนาคตใหม่ โฆษกพรรคชาติพัฒนาและโฆษกพรรคเพื่อชาติ รวมถึงผู้ช่วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคต่างๆเข้าร่วมกิจกรรม

โดยในงานมีการอภิปราย เรื่อง “นโยบาย เครื่องมือ และทรัพยากรของเฟซบุ๊ก ในการประกันความปลอดภัยให้กับผู้หญิงบนพื้นที่สื่อ Facebook โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของ Facebook Ms.Amber Hawkes, Policy Safty Lead APAC และ Ms.Snow White Smessler, Policy Safety Lead APAC

อีกทั้งมีการเสวนาและนำเสนอ “บทบาทของนักรัฐสภาสตรีในการหาทางออกเพื่อให้ผู้หญิงและเด็กปลอดภัยในพื้นที่ออนไลน์” โดยนางสาวเยาวภา บุรพลชัย โฆษกพรรคชาติพัฒนาเสนอว่า นอกเหนือจากการแก้ไข พรบ.ความปลอดภัยไซเบอร์ และ พ.ร.บ.สิทธิเด็ก เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ควรจัดทำโครงการให้ความรู้ความเข้าใจกับพ่อแม่ เรื่องการรู้เท่าทัน รวมถึงการจัดการกับปัญหาเด็กและเยาวชนกับสื่อออนไลน์ ซึ่งพ่อแม่เป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดลูกมากที่สุด ควรที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเท่าทันสื่อต่างๆ และสามารถดูแลบุตรหลานให้ปลอดภัยบนพื้นที่สื่อออนไลน์ได้

กระทรวงดิจิทัลฯเปิดตัวศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแล้ว

People Unity News : กระทรวงดิจิทัลฯ เปิดตัวศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) พร้อมทํางานร่วมกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT) (ศปอส.ตร.) เดินหน้าระดมทุกกลยุทธ์หนุนคนไทย รู้เท่าทันสื่อลวง

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลฯ เปิดตัวศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) เน้นข่าวที่มีผลกระทบต่อประชาชนในวง กว้าง กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชน คาดหวังให้เกิดการรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเผยแพร่ต่ออย่างรู้เท่าทันสื่อ และเป็นโอกาสดีที่มีการเปิดตัวศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT) ซึ่งเป็นความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กับ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ อีกด้วย

จากเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562, ทําเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นําคณะผู้จัดงานเปิดตัวศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti- Fake News Center) เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเพื่อประชาสัมพันธ์เปิดตัว ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) ซึ่งมีกําหนดการเปิดตัวศูนย์ฯ ในวันนี้ 1 พฤศจิกายน 2562 ณ บริษัท ทีโอที จํากัด (มหาชน)

กระทรวงดิจิทัลฯ ได้รับมอบนโยบายจากรัฐบาลให้ดูแล กลั่นกรอง ตรวจสอบ หรือกําจัดข่าวปลอม เน้นว่า เป็นข่าวที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง และจะมีการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจในข่าวที่ถูกต้อง เพื่อ ประชาชนทุกคนให้เข้าใจ และรู้เท่าทันว่าข่าวไหนปลอมข่าวไหนจริง ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ จะใช้กลไกการขับเคลื่อน โดย คณะกรรมการประสานงานและแก้ไขปัญหาข่าวปลอมที่กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน ที่จะมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิชาการ สื่อมวลชน ทําหน้าที่ วางแผน กํากับ การดําเนินงาน และแผนการเผยแพร่ ตามขั้นตอนการพิจารณาข่าวปลอม การวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารออนไลน์ ข่าวที่เป็นกระแสโลกโซเชียล อย่างรู้เท่าทัน ของภาครัฐ

โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาข่าวปลอมที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างเน้นย้ําว่าข่าวปลอมที่มีผลกระทบ ต่อสังคมในวงกว้างส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชนโดยตรง เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ข่าวที่สร้างความแตกแยกในสังคม ข่าวที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสังคมตลอดจนข่าวที่ทําลายภาพลักษณ์ ต่อประเทศ และสิ่งที่สําคัญเรายึด code-of-principles ดังนี้ 1. ความเที่ยงธรรมและความปราศจากอคติ ในการคัดเลือกข่าว 2. ความเป็นส่วนบุคคลกับสิทธิเสรีภาพของการนําเสนอข่าว 3. การขัดกันด้านผลประโยชน์ และ ผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่นําไปสู่ความขัดแย้ง 4. ให้ความเป็นธรรมแก่ฝ่ายที่ถูกพาดพิงและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
เท่าเทียมกัน 5. สามารถอธิบายกระบวนการการพิสูจน์ การตรวจสอบ แหล่งที่มาของบทความและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ได้ 6. มีความรู้เกี่ยวกับข่าวนั้น ๆ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงในด้านต่าง ๆ ได้อย่างเปิดเผย ซื่อสัตย์ และ โปร่งใส และสุดท้าย 7. เป็นหน่วยงานที่อิสระ ไม่ขึ้นต่ออิทธิพลของหน่วยงานหรือองค์กรใด ๆ

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) หน้าที่หลักจะมีการติดตาม ตรวจสอบ ข้อมูลที่เผยแพร่ บนสื่อสังคมออนไลน์และระบบอินเทอร์เน็ต พร้อมวิเคราะห์แนวโน้ม และบ่งชี้ข้อมูลที่เป็นข่าวปลอม ประสาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อมูล ผลิตข้อมูลที่ถูกต้อง อีกทั้งจัดส่งข้อมูลต่อหน่วยงานที่เป็นเจ้าของเรื่อง ประกอบการดําเนินการตามอํานาจ หน้าที่ และข้อสําคัญขั้นตอนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องต่อประชาชน และสาธารณชน จะผ่านกลไกภาคสื่อสารมวลชน อาทิ เช่น สํานักข่าวไทย สมาคมนักข่าว หรือสื่อหน่วยงานอื่น ๆ เครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เป็นต้น
อีกบทบาทสําคัญของการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม คือ ส่งเสริมสนับสนุนการสร้างองค์ความรู้ สร้างจิตสํานึก รอบรู้เท่าทันเพื่อให้ประชาชนสามารถปกป้องตนเองจากปัญหาข่าวปลอม ตลอดจนให้ข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับการพัฒนาเครื่องมือระบบตรวจสอบข่าวปลอม ให้มีประสิทธิภาพ

“ข่าวปลอมที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชนโดยตรง เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติ เศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม ข่าวที่สร้างความแตกแยกในสังคม ข่าวที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม ตลอดจนข่าวที่ทําลายภาพลักษณ์ต่อประเทศ หลัก ๆ จะมี 4 กลุ่ม ดังนี้ 1. ข่าวกลุ่มภัยพิบัติ (น้ําท่วม แผ่นดินไหว เขื่อนแตก สึนามิ ไฟไหม้) 2. ข่าวกลุ่มเศรษฐกิจ การเงินการธนาคาร/หุ้น 3. ข่าวกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสําอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายอื่น และ 4. ข่าวกลุ่มนโยบายรัฐบาล /ข่าวสารทางราชการ/ ความสงบเรียบร้อยของสังคม/ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ” นายพุทธิพงษ์กล่าว

เป้าหมายหลักคือ เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน มีช่องทางเพื่อให้ ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ป้องกันการแชร์เนื้อหาข่าวที่ไม่เหมาะสม ตลอดจนสามารถรู้เท่าทันข่าวปลอม โดยกระทรวงดิจิทัลฯ เตรียมพิจารณาจัดทําเครื่องมือเพื่ออํานวยความสะดวก อาทิ web application เว็บไซต์ Anti-Fake News Center มีการทํางานในลักษณะ Online และ Offline เป็นไปตามมาตรฐานสากลของ International Fact Checking Network หรือ IFCN วิธีการแจ้งก็จะแบ่งหมวดการแจ้งตาม 4 กลุ่มหลักตามที่กล่าว ข้างต้น ศูนย์ทําหน้าที่รับแจ้งข้อมูลที่ต้องการตรวจสอบ และส่งต่อเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งจะมีกระบวนการ ตรวจสอบข้อเท็จจริง แล้วแจ้งผลการตรวจสอบกลับมา ประชาชนจะสามารถตรวจเช็คข่าวปลอมได้ทันที เบื้องต้นคาด ว่าภายใน 2 ชั่วโมง และได้เน้นการมีส่วนร่วมให้กับประชาชน จึงพัฒนาเว็บไซต์ (www.antifakenewscenter.com) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการตรวจสอบข่าวสาร หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ ข้อมูลหรือข่าวที่มีการตัดต่อข้อมูล เนื้อหา การนําเสนอข้อมูลข่าวสารโดยปราศจากข้อเท็จจริง พร้อมทั้ง ชี้แจงเสนอข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและสนับสนุนการ ดําเนินงานร่วมกับภาคประชารัฐ (หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สมาคม เครือข่ายต่าง ๆ และภาค ประชาชน) สามารถตรวจสอบ สอบถาม และร่วมมือในแก้ไขการเผยแพร่ข่าวสาร หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ

“นอกจากนี้กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ประสานความร่วมมือในการปฏิบัติงาน กับเครือข่ายสังคมออนไลน์ราย หลักๆ และจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นร่วมกับหน่วยงาน ทุกกระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสากิจ หน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ ง สร้างความเข้าใจร่วมกัน อีกทั้งจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ภายในเดือนพฤศจิกายน 2562 นี้ เพื่อสร้างแนว ปฏิบัติร่วมกัน และเป็นการสร้างเครือข่ายอีกทาง ปัจจุบัน หน่วยงานต่าง ๆ ได้มีการแต่งตั้งผู้แทนประสานงานกับศูนย์ ต่อต้านข่าวปลอม เพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลร่วมกับศูนย์ฯ และต้องได้คําตอบที่ถูกต้อง ชัดเจน และจะดําเนินการ เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

มท.3ประชุมเตรียมประชุม ครม.สัญจรกาญจนบุรี

People Unity News : “ทรงศักดิ์ ทองศรี”มท.3 ประชุมเตรียมความพร้อมคณะทำงาน ก่อนลงพื้นที่ ร่วมประชุม ครม.สัญจร จ.กาญจนบุรี เร่งแก้ไขปัญหาประชาชนในพื้นที่ ยกระดับความเป็นอยู่ อย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมคณะทำงาน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 ระหว่างวันที่ 11 – 12 พ.ย. 2562 ณ จังหวัดกาญจนบุรี

โดยในวันจันทร์ที่ 11 พ.ย. 2562 รมช.มท. (มท.3) มีกำหนดการพอสังเขป ดังนี้

– ภาคเช้า : จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม “โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำแม่กลอง (ช่วงที่ 2)” อ.ท่ามะกา – ตรวจเยี่ยม รับฟังปัญหาความต้องการพี่น้องประชาชน “ชุมชนริมน้ำ” หลังวัดท่าเรือ – ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการ OTOP , กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จ.กาญจนบุรี

– ภาคบ่าย : ตรวจเยี่ยมสถานีผลิตน้ำท่าม่วง ในพื้นที่ อ.ท่าม่วง ดำเนินการโดย กปภ. – ลงพื้นที่ อบต.หนองโรง อ.พนมทวน เพื่อรับฟังปัญหาความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เยี่ยมชมสินค้่า OTOP ของ อ.พนมทวน

ก่อนที่จะประชุมคณะทำงาน สรุปปัญหาความต้องการ เรียงลำดับความสำคัญ เพื่อนำเรียนในที่ประชุม ครม. ต่อไป

สำหรับวันอังคารที่ 12 พ.ย. 2562 รมช.มท. (มท.3) จะเข้าร่วมประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 (กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี) และเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ต่อไป

“อองซาน ซูจี”มาแล้ว! “อนุทิน”ต้อนรับร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน

People Unity News : “อนุทิน”ให้การต้อนรับ “อองซาน ซูจี” เยือนไทย ก่อนเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ผูกสร้อยลูกประคำของพระครูบาบุญชุ่มขึ้นเครื่อง

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้การต้อนรับนางอองซาน ซูจีที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ ไปจนถึงวันที่ 1-4 พ.ย.

เป็นที่น่าสังเกตว่าที่ข้อมือนางอองซาน ซูจีได้ผูกสร้อยลูกประคำของพระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร แห่งวัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง รัฐฉาน ประเทศเมียนมา เกจิดังล้านนา ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธหลายประเทศ ทั้งไทย ลาว พม่า จีน และภูฏานด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงายงานว่า ในที่ประชุมจะมีการหารือในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเมืองในภูมิภาค หรือ ASEAN Political-Security Community (APSC) รวมไปถึงประเด็นด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ หรือ ASEAN Economic Community (AEC) และ ความร่วมมือทางวัฒนธรรม หรือ ASEAN Socio-Cultural Community

“นิพนธ์”ชวน อบจ. ร่วมทำบุญช่วยชิวิตคนลดตายจากอุบัติ

People Unity News : “นิพนธ์”ชวน อบจ.ทั่วประเทศ ร่วมทำบุญช่วยชิวิตคน ลดตายจากอุบัติเหตุกว่า 2 หมื่น คนต่อปี

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานเปิดการสัมมนาวิชาการ”บริบทของท้องถิ่นกับการพัฒนาประเทศในปัจจุบัน” โดยมีนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย พร้อมผู้บริหารและผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)อาทิ นายก อบจ.จาก 76 จังหวัด และตัวแทน อทป. ระดับต่างๆกว่า 2,600 คนเข้าร่วม

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้เป็นการส่งเสริมการพัฒนาองค์การบริหารส่วนจังหวัดให้เกิดความเจริญก้าวหน้า เชื่อมโยงองค์การบริหารส่วนจังหวัดกับทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติงาน สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นตามนโยบายรัฐบาลให้มีการพัฒนาองค์ความรู้ให้เท่าทันบริบทสังคม ถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ภายใต้หลักการกระจายอำนาจและได้มีกระบวนทัศน์ที่ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถจัดบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้อุบัติเหตุทางถนนในประเทษไทยมีสถิติที่น่าตกใจและจัดเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความสูญเสียชีวิตทรัพยากรบุคคลและทรัพย์สินต่างๆของประชาชน อันก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศเป็นจำนวนมาก โดยแต่ละปีมีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนกว่า 22,000 คน หากรวมยอดสะสม15 ปี ยอดสูญเสียมากถึง 400,000 คน

ถ้า อปท.ร่วมจับมือกันในทุกระดับ ทั้งองค์การบริหารส่วนตังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ให้ทั้งหมดเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโยบายตำบล ขับขี่ปลอดภัยไปด้วยกัน  เพื่อร่วมกันลดความสูญเสียชีวิตพี่น้องคนไทยบนท้องถนน  เท่ากับเป็นการรักษาทรัพยากรบุคคลและทรัพย์สินอื่นๆได้ โดยเริ่มเข้มงวดสกัด “การเมาแล้วขับ” และ “การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด” ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่ท้องถิ่น ชุมชน ตำบล ก็จะสามารถลดอุบัติเหตุลงได้ วันนี้่จึงอยากเพิ่มบทบาทของ อปท. ให้เข้ามาดูแลคุณภาพของพี่น้องประชาชนคนไทยในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศที่พวกท่านบริหารอยู่ให้มากขึ้นเพื่อสร้างภาคีเครือข่ายตำบลขับขี่ปลอดภัยให้เป็นผลปฏิบัติทางรูปธรรมจับต้องได้ โดยตั้งเป้าการเกิดอุบัติเหตุและเข้มงวดในการใช้รถใช้ถนนต่อไป

“สิระ”พร้อมนั่งกมธ.ป.ป.ช.แทน”พยม”ชน”เสรีพิสุทธิ์”

People Unity News : “ส.ส.สงขลา พปชร.”เตรียมลาออก “กมธ. การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ”เผย อึดอัดใจที่ต้องทำงานร่วมกับ “เสรีพิสุทธิ์”แถมยังกินภาษีประชาชนแบบไร้ประโยชน์ หวังแค่ดิสเครดิต “บื๊กตู่-รบ.”จ่อดัน “สิระ” นั่งแทน

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์หน้าตนจะยื่นหนังสือขอลาออกจากกรรมาธิการชุดดังกล่าว เนื่องจากว่า มีความรู้สึกอึดอัดใจในการทำหน้า โดยเฉพาะการที่ต้องทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ในฐานะประธานกรรมาธิการ ซึ่งตนยังมีฐานะเป็นโฆษกกรรมาธิการ ที่จะต้องรับผิดชอบในการลงมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ซึ่งก็ก่อให้เกิดความรู้สึกอึดอัดใจ เพราะต้องยอมรับว่าตนคือ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มีวางเชื่อมั่นในการเสนอพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่มาวันนี้จะให้ตนแถลงข่าวเพื่อดิสเครดิตพลเอกประยุทธ์และรัฐบาล ตรทำไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นก็คงเสียคน

นายพยม กล่าวต่อว่า ตนได้พูดคุยกับทางพรรคพลังประชารัฐ แล้วซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะให้ผู้ที่มีความเหมาะสมเข้าไปนั่งในกรรมาธิการชุดนี้แทนตน เพราะตนระบุเหตุผลไปว่า ไม่สามารถทำงานร่วมกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้จริงๆ

นายพยม ยังกล่าวต่อว่า การเข้าร่วมประชุมในแต่ละครั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่เคยคุมการประชุมให้อยู่ในวาระประชุมเลย โดยที่ไม่สนใจในประเด็นใหม่ใหม่ หรือเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชนเลยมุ่งเน้นเพียงแต่ต้องการหาประเด็นจากพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างเช่นล่าสุดก็ จะรื้อคดีนาฬิกาหรูขึ้นมาพิจารณาใหม่ ซึ่งตนมองว่า เรื่องดังกล่าวจบสิ้นกระบวนการพิจารณาไปแล้ว ตนจึงไม่เห็นถึงประโยชน์ที่ต้องรื้อเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เพราะเป็นการทำงานที่ถอยหลังลงคลอง สิ้นเปลืองเบี้ยประชุมที่มาจากภาษีประชาชน

“ผมไม่เคยมีปัญหากับการทำหน้าที่กรรมาธิการในฐานะ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล หากเรื่องที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์หยิบยกขึ้นมาพิจารณาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ผมพร้อมที่จะทำ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ใช้กรรมาธิการเป็นเครื่องมือเพื่อจะดิสเครดิตพลเอกประยุทธ์และรัฐบาล”นายพยม กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐจะให้ใครมาทำหน้าที่ในกรรมาธิการชุดนี้แทน นายพยม กล่าวว่า จากการพูดคุยเบื้องต้นน่าจะเป็น นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากนายสิระเป็นคนกล้าสู้ กล้าชน น่าจะมีความเหมาะสมมากกว่าตน

ทางด้านนายสิระกล่าวว่า ตนได้มีการพูดคุยกับนายพยม ซึ่งนายพยมได้เปรยกับตนหลายครั้งแล้วว่า อึดอัดใจที่ต้องเข้าร่วมประชุมกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่เป็นประธานกรรมาธิการ ซึ่งตนก็เข้าใจความรู้สึกของนายพยมดี จึงได้มรการแจ้งให้ทราบพรรคทราบ ทั้งนี้ก็คงต้องรอให้พรรคมีมติออกมาก่อนว่า จะให้ตนไปทำหน้าที่แทนหรือไม่

“การไปทำหน้าที่แทนนายพยม ผมไม่ได้หวังที่จะเข้าไปเป็นศัตรูหรือขวางการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ผมหวังเพียงที่จะให้กรรมาธิการชุดนี้ใช้เวทีของสภาฯไปในทางที่ถูกที่ควร ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ให้คุ้มกับภาษีของประชาชนที่ต้องจ่ายเป็นเบี้ยประชุม ไม่ใช่ใช้ตำแหน่งประธานกรรมาธิการมาทำเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง”นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวต่อว่า ตนอยากฝากไปถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หากยังใช้กรรมาธิการชุดนี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนกับที่ผ่านมา โดยไม่คิดจะไปทำเรื่องอื่นที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ คอยจ้องแต่จะทำลายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัชฐมนตรีตนเชื่อว่าคงมี ส.ส.ในกรรมาธิการชุดนี้อีกหลายท่านที่ไม่อยากทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ย่อมกลัวการติดคุกติดตะรางจากการทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องด้วยกันทั้งนั้น และตนก็จะไม่ยอมปล่อยผ่านในเรื่องที่ไม่ถูกต้องเช่นกัน

“บิ๊กป้อม”เรียกถกกก.นโยบายป่าไม้แห่งชาติเตรียมรับมือควันภาคเหนือ

People Unity News : พล.อ.ประวิตรเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติเตรียมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ เพื่อลดความเดือดร้อนประชาชน สั่งใช้เทคโนโลยีช่วยงานป่าไม้ทุกมิติ ทส. รับปฏิบัติทันที

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าวันนี้เวลา 1000 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติครั้งที่3/ 2562 ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์ป่าไม้ของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2516 ถึง 2557 พบว่า แนวโน้มโดยเฉลี่ยของพื้นที่ป่าไม้ลดลง แต่ภายหลังปี 2558 ถึง 2561 พื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทยกลับมีแนวโน้มโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นโดยปี 2561 มีพื้นที่ป่าไม้ร้อยละ 31.68 ของพื้นที่ประเทศ แต่ยังไม่ถึงเป้าหมายที่กำหนดคือร้อยละ 40 ดังนั้นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงได้พยายามขับเคลื่อนและผลักดันยุทธศาสตร์เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์ คุ้มครอง ฟื้นฟูมีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างเหมาะสม ยั่งยืนโดยมีการดำเนินการด้านต่างๆ

ได้แก่ด้านการป้องกันรักษาป่า,ด้านการฟื้นฟูป่าและพื้นที่สีเขียว,ด้านการสร้างการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า,ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในงานป่าไม้ ได้แก่ การนำระบบพิทักษ์ไพร มาใช้ในการปฏิบัติภารกิจ,การใช้อากาศยานไร้คนขับเพื่องานป่าไม้,การใช้กล้องตรวจจับความร้อนในเวลากลางคืนและการใช้กล้องดักจับถ่ายภาพ
เป็นต้น

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือร่วมกันเรื่องสำคัญ ได้แก่ นโยบายการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือปี 2563ซึ่งมีการกำหนดหน้าที่ของแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องไว้อย่างชัดเจนแล้ว สำหรับการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมาย รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ความสำคัญและมีแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบกลุ่มต่างๆเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแล้ว

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์หมอกควัน ตามที่ได้สั่งการแล้วให้เป็นรูปธรรม ขอให้มีการบูรณาการทำงานร่วมกัน ทั้งภาคประชาชน จิตอาสา และให้ ทส. เร่งรัดจัดทำอนุบัญญัติหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายทรัพยากรป่าไม้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว อีกทั้งต้องนำเทคโนโลยีมาช่วยงานด้านป่าไม้ในทุกมิติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้นและสร้างการรับรู้ความเข้าใจประชาชนทราบควบคู่กันไปด้วย

“บิ๊กตู่”ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจไม่ได้ถดถอยแค่โตช้า

People Unity News : “บิ๊กตู่”ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจไม่ได้ถดถอยแค่โตช้า เตือนใช้งบฯให้คุ้มค่า-ประหยัด-เพียงพอ

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ว่า ในภาพรวมเศรษฐกิจอาเซียนและไทย ไม่ได้ใช้คำว่าเศรษฐกิจถดถอย แต่เป็นเศรษฐกิจเติบโตช้าลงในปีหน้าและปีต่อไป ซึ่งไทยจะต้องหามาตรการหลายมาตรการด้วยกัน เพื่อช่วยทำให้ดีขึ้น รวมถึงเรื่องการใช้จ่ายภายในประเทศ และ มาตรการการเงินการคลังของไทย ที่ต้องเอื้ออำนวยให้เกิดการใช้จ่ายการลงทุนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้คนนำเงินออกมาลงทุน ตลอดจนสร้างสภาวะแวดล้อม ความมีเอกภาพ และ เสถียรภาพ เพื่อประโยชน์ต่อการลงทุนทั้งหมด

สำหรับในการประชุมวันนี้มี 2 เรื่องสำคัญ คือ เรื่อง SME ที่ต้องหารือกัน พร้อมระมัดระวังการใช้จ่ายงบประมาณต้องใช้จ่ายให้คุ้มค่า ประหยัด เพียงพอ ทั้งจำเป็นต้องมองในภาพรวมของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ประกอบการพิจารณาด้วย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) กล่าวว่า ครม.เศรษฐกิจจะขอรอการประเมินตัวเลขทางเศรษฐกิจไตรมาส 3/62 จากทางสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในวันที่ 18 พ.ย.นี้ก่อนที่จะพิจารณาว่ามีความจำเป็นต้องมีมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีอีกหรือไม่ ซึ่งทางครม.เศรษฐกิจยังมองที่เป้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ที่ 2.7-3.2%

“สภาพัฒน์จะมีข้อมูลสุดท้ายว่าไตรมาส 3 โตเท่าไหร่ในวันที่ 18 พ.ย. และเมื่อเห็นข้อมูลดังกล่าวเขาจะประมาณการล่วงหน้าทั้งปีเท่าไหร่ ในจุดนั้นครม.เศรษฐกิจก็จะเห็นว่าเทียบจากประมาณการเดิมที่ตั้งไว้ 2.7-3.2% พอเห็นข้อมูลไตรมาสที่ 3 จะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ พอเห็นข้อมูลจะได้ตัดสินใจว่าต้องใส่อะไรเพิ่มหรือไม่ ต้องดูตัวเลขว่ารับได้หรือไม่ ถ้ารับไม่ได้ต้องมีมาตการปลายปี…ผมคิดว่า ถ้าจำเป็นก็ออก”นายกอบศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ การประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจดังกล่าวยังไม่รวมมาตรการชิม ช้อป ใช้ที่เริ่มดำเนินการในเดือน ต.ค.2562

อย่างไรก็ตาม นายกอบศักดิ์ ประเมินว่า ภาพรวมเศรษฐกิจทั้งภาคท่องเที่ยว ภาคเกษตร ยังคงดีขึ้น รวมถึงการส่งออกดีขึ้น จากไตรมาส 3 เทียบไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่ยังมีปัญหาเรื่องผลิตภาพอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะจากกรณีที่ประชาชนรอการซื้อรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะออกมาช่วงปลายปีนี้

“ลดาวัลลิ์”แนะ”ประยุทธ์”ใช้เวทีประชุมสุดยอดอาเซียนปูทางทวงคืนจีเอสพี

People Unity News : “ลดาวัลลิ์”แนะ”ประยุทธ์”ใช้เวทีประชุมสุดยอดอาเซียนปูทางทวงคืนจีเอสพี จี้ทำความกระจ่างเรื่องสิทธิแรงงานต่างด้าวในไทยให้โลกรับรู้

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การจัดประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่21ตุลาคม-4พฤศจิกายนนี้ โดยไทยเป็นเจ้าภาพ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีควรแสดงภาวะความเป็นผู้นำให้สหรัฐ และประเทศต่างๆในโลกได้เห็นศักยภาพของไทยและภูมิภาคอาเซียน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ 4 พฤศจิกายน มีกำหนดการประชุมสุดยอดอาเซียน – สหรัฐ ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐได้ส่งตัวแทนมาร่วมประชุมด้วย ควร จะเป็นโอกาสดีที่สหรัฐจะได้รับรู้เจตนารมณ์ของคนไทยเกือบ70ล้านคน อันจะนำไปสู่การทบทวนและคืนสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(จีเอสพี)ให้ไทย เพื่อเห็นแก่ความเป็นมิตรประเทศที่มีต่อกันมาช้านาน และจะได้จับมือกันสานประโยชน์ร่วมกันในด้านต่างๆต่อไปในอนาคต

นางลดาวัลลิ์กล่าวว่า การที่พลเอกประยุทธ์และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯพูดทำนองว่า ไทยเป็นประเทศที่พัฒนาไปมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องได้รับการลดหย่อนทางภาษีศุลกากรเวลาส่งสินค้าเข้าสหรัฐนั้น คล้ายกับจะยอมให้ตัดจีเอสพี แต่ตนเห็นว่าไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง อีกทั้งไม่ตรงประเด็น ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาที่สหรัฐจะตัดจีเอสพี 573รายการ วงเงิน4หมื่นล้านบาท มีผลตั้งแต่ 25 เมษายน 2563 โดยสหรัฐอ้างว่า ไทยไม่ให้สิทธิในการจัดตั้งสมาคมหรือสหภาพแรงงานให้กับแรงงานต่างชาติ กรณีนี้ รัฐบาลไทยโดยกระทรวงแรงงานจะต้องอธิบายแจกแจงสภาพความเป็นจริง ว่าแรงงานต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย มีสิทธิเสรีภาพต่างๆอย่างไรบ้างมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างไร การที่แรงงานเหล่านี้ ไม่ได้ตั้งสหภาพแรงงานก็ไม่เกิดผลกระทบหรือไม่เสียสิทธิประโยชน์ขัดต่อมาตรฐานแรงงานในระดับสากลอย่างไรบ้าง แรงงานต่างด้าวต่างพึงพอใจอย่างไรที่ได้ทำงานในไทย เมื่อสภาพความเป็นจริงถูกเผยแพร่ออกไป ก็น่าจะเป็นความชอบธรรมที่ไทยไม่ควรจะถูกสหรัฐตัดจีเอสพี เพราะการตัดจีเอสพีจะทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกสินค้าของไทยได้รับความเดือดร้อน เพราะจะต้องเสียภาษีนำเข้าสินค้าสูงขึ้นเมื่อส่งไปขายในสหรัฐ

นางลดาวัลลิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ประสานงานร่วมกับทูตแรงงานประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี ไปหารือร่วมกับสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐ หรือยูเอสทีอาร์ ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ ควรแสดงบทบาทด้วยการมอบนโยบายหรือแนวทางเป็นพิเศษเพื่อให้ตัวแทนไทยสื่อสารไปถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ได้รับรู้ว่า การตัดจีเอสพีไทยจะมีผลเสียกับสหรัฐมากกว่าผลดี

อุเทน”วอนศาลทบทวนตัดสินคดีล้มประชุมอาเซียนฯปี52 ของจำเลยบางราย

People Unity News : “อุเทน”วอนศาลทบทวนตัดสินคดีล้มประชุมอาเซียนฯปี52 ของจำเลยบางราย หลังปรากฏ “พยานสำคัญ” ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดให้การเท็จ ส่งผลให้คำเบิกความที่กล่าวหาผู้บริสุทธิ์ควรตกไปด้วย เชียร์ “ประยุทธ์” หาแนวทางให้ความเป็นธรรมแบบไม่เลือกสีเสื้อ วางหมุดแรกสร้างความปรองดอง

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตหัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงกรณีที่ 3 จำเลยในคดีล้มการประชุมอาเซียนที่โรงแรมรอยัล คลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2552 ได้กลับคำให้การและรับสารภาพ ส่งผลให้ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งใหม่ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ในขณะที่จำเลยบางส่วนต้องคำพิพากษาจำคุก 4 ปีโดยไม่รอลงโทษไปแล้วว่า เข้าใจว่าเป็นแนวทางการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมของ 3 จำเลยดังกล่าว ที่หวังได้รับการลงโทษสถานเบา ซึ่งก็ถือว่าศาลได้ให้ความเมตตารับฟังคำร้องไว้เบื้องต้น และนัดรับฟังคำพิพากษาใหม่ อย่างไรก็ดีภายใต้ความเคารพในคำพิพากษาของศาล และไม่เป็นการล่วงละเมิดขอบเขตอำนาจศาล ตนอยากขอวิงวอนองค์คณะผู้พิพากษาได้ให้ความเมตตาแก่จำเลยในคดีเดียวกันนี้กับรายอื่นๆในส่วนที่ต้องคำพิพากษาจำคุกไปแล้ว

เพราะขณะนี้ได้ปรากฏมีข้อเท็จจริงใหม่ จากการที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยและพิพากษาโดยอ้างอิงคำเบิกความของพยานสำคัญ คือ พ.ต.ท.ศราวุธ บุญชัย (สารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธร (สภ.) ขลุง จ.จันทบุรี ในขณะนั้นเกิดเหตุเมื่อปี 2552) จึงตัดสินลงโทษจำเลยดังกล่าว แต่ต่อมา พ.ต.ท.ศราวุธ ถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษฐานแจ้งความเท็จ โดยยอมรับสารภาพว่า ถูกผู้บังคับบัญชาบังคับให้ให้การเท็จปรักปรำจำเลยในคดีล้มการประชุมอาเซียนซัมมิท จนถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น คือ จำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 12,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.61 และยังอยู่ในชั้นฎีกาคดี

“เมื่อ พ.ต.ท.ศราวุธ สารภาพว่าให้การเท็จเพราะถูกบังคับ เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าผู้ต้องหาชุดดังกล่าวมีความผิด ตามถ้อยคำเบิกความของ พ.ต.ท.ศราวุธ ที่ผูกพันคำพิพากษาจำเลยในคดีล้มการประชุมอาเซียนปี 2552 บางราย จึงไม่ควรรับฟัง และควรที่จะตกไป” นายอุเทน กล่าวและว่า

โดยเฉพาะรายของ นายศักดา นพสิทธิ์ ที่เดินทางไปตามนัดหมายศาลเพียงคนเดียวเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ก่อนถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษพัทยา ตามโทษ 4 ปีตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ซึ่งเจ้าตัวยืนยันและพยายามต่อสู้ในชั้นศาลว่า ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการชุมนุมของ นปช. เพราะขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารและโฆษกพรรคเพื่อไทย อีกทั้งยังไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมหรือบุกเข้าโรงแรมที่ใช้จัดประชุมในวันที่ 11 เม.ย.52 แต่อย่างใด ส่วนในวันที่ 10 เม.ย.ที่ได้เข้าไปอยู่ในสถานที่ชุมนุม แค่ไปติดตามสถานการณ์ ในฐานะที่เป็นคนที่เกิดและโตใน จ.ชลบุรี เท่านั้น แต่ในคำพิพากษาส่วนของนายศักดา ระบุว่า พ.ต.ท.ศราวุธ ให้การว่าเห็นนายศักดาปราศรัยอยู่บนรถขยายเสียงในวันที่ 11 เม.ย.ด้วย ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แต่ทำให้นายศักดาต้องโทษ ส่งผลให้ครอบครัวและลูกเล็กได้รับความลำบาก เนื่องจากหัวหน้าครอบครัวที่เป็นเสาหลักต้องโทษถูกจำคุก

“ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีพยานเท็จในคดีนี้นั้น ผมได้พยายามประสานผ่านฝ่ายต่างๆไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา นายกฯ) แล้วอย่างน้อยๆ 3 ครั้ง เพื่อแสวงหาช่องทางช่วยเหลือและให้ความเป็นธรรมแก่ผู้บริสุทธิ์ แต่ก็ยังไม่รับการตอบสนอง ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้ฝากเรื่องผ่านรัฐมนตรีท่านหนึ่งในรัฐบาลปัจจุบันไปอีกครั้ง ก็หวังว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะรับฟังและแสวงหาแนวทางพิสูจน์ข้อเท็จจริง อันจะเป็นหมุดหมายแรกในการสร้างบรรยากาศความปรองดอง ที่ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกกลุ่ม ทุกสีเสื้อ” นายอุเทน กล่าว

Verified by ExactMetrics