วันที่ 22 เมษายน 2025

“ถาวร”เปิดเที่ยวบินฤดูหนาวสนามบินกระบี่ ชวนนักท่องเที่ยวมาไทย

People Unity News : “ถาวร”เปิดเที่ยวบินฤดูหนาวสนามบินกระบี่ ชวนนักท่องเที่ยวมาไทย ช่วยกระตุ้นรายได้ในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “เบิกฟ้ารับท่องเที่ยวสู่ท่าอากาศยานกระบี่ Welcome High Season Krabi International Airport” โดยมีนายเจือ ราชสีห์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พันตำรวจโท หม่อมหลวง กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายสมัย โชติสกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม นายสมเกียรติ มณีสถิตย์ รองอธิบดีกรมท่าอากาศยาน นายอรรถพร เนื่องอุดม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานกระบี่ ผู้บริหารกรมท่าอากาศยาน ผู้บริหารหน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคม ภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ เข้าร่วม เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ณ ท่าอากาศยานกระบี่

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวถึงการจัดกิจกรรม “เบิกฟ้ารับท่องเที่ยวสู่ท่าอากาศยานกระบี่ Welcome High Season Krabi International Airport” ว่าเป็นการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวและสายการบินได้ทราบถึงเส้นทางการท่องเที่ยวของไทยอีกเส้นทางหนึ่ง ที่ผ่านมาท่าอากาศยานกระบี่ถือเป็นท่าอากาศยานอันดับหนึ่งของกรมท่าอากาศยานที่มีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารทั้งจากในและต่างประเทศ โดยในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเน้นย้ำและช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวมายังจังหวัดกระบี่และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้จ่าย ก่อให้เกิดรายได้ในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ระดับชาวบ้านในชุมชน ผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่พัก สายการบิน และการบริการขนส่งด้านต่างๆ เช่น รถเช่า เรือโดยสาร เป็นต้น

สำหรับงานในวันนี้ได้รับความร่วมมือที่ดีจากทุกภาคส่วนทั้งในด้านการขนส่งทางอากาศ เช่น ผู้ประกอบการสายการบินที่มาแสดงถึงความพร้อมให้บริการ และแนะนำเส้นทางบินใหม่แก่นักท่องเที่ยว จังหวัดกระบี่ ทั้งในส่วนของส่วนราชการ และวิสาหกิจชุมชนที่นำผลิตภัณฑ์สินค้าจากฝีมือของชาวบ้านมาจัดจำหน่ายและจัดแสดง รวมไปจนถึงผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ที่มาร่วมประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นความร่วมมือที่ดี ที่จะมีส่วนสนับสนุนให้บรรยากาศการท่องเที่ยว รวมถึงเศรษฐกิจในภาพรวมเป็นไปอย่างดี

นอกจากนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมยังได้กล่าวอีกว่า กระทรวงคมนาคม และกรมท่าอากาศยานได้ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง มีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมากรมท่าอากาศยานได้เน้นย้ำในเรื่องของภารกิจนอกจากการให้บริการด้านการขนส่งทางอากาศให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลแล้ว ยังส่งเสริมให้ท่าอากาศยานมีส่วนสนับสนุนกิจกรรมต่างๆของชุมชนและส่งเสริมให้ชุมชนเกิดรายได้อีกด้วย

“บิ๊กตู่”แนะ”จุรินทร์”ปั้นสินค้าจากถิ่นกำเนิดโชว์ผู้นำอาเซียน

People Unity News : “บิ๊กตู่”แนะ”จุรินทร์”ปั้นสินค้าจากถิ่นกำเนิด มีสไตล์และเพิ่มมูลค่าการค้า โชว์ผู้นำอาเซียน หวังช่วยผู้ประกอบการในประเทศ

เมื่อเวลา 9.45 น.วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมกับ นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมชมนิทรรศการอาเซียนสไตล์ เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชมุ สุดยอดอาเซียนครั้ง ที่ 35 รัฐบาลจึงได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ จัดงานแสดงสินค้าไทย (งาน ASEAN STYLES) คู่ขนานกับการประชุมดังกล่าว เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ และแสดงศักยภาพเศรษฐกิจไทยให้เป็นที่รู้จักพร้อมเปิดให้เข้าชมเฉพาะผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 1,500 ราย งาน ASEAN STYLES จัดระหว่างวันที่ 2-4 พ.ย. 62 เวลา 09.00-18.00 น ณ Hall 5 อิมแพค พื้นที่ 6,750 ตาราเมตร ภายในงานจะแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก

โดยวันนี้นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดิมชมการจัดงานเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับผู้นำอาเซียนและคณะด้วย ได้แก่โซนนิทรรศการประกอบด้วย คูหา ASEAN Pavilion แสดงศักยภาพเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน โดยให้ความสาคัญเป็นพิเศษกับประเทศไทยในฐานะที่เป็นประธานอาเซียนมีการจัดแสดงสินค้าศักยภาพโดดเด่นของแต่ละประเทศ สมาชิกพร้อมวีดีทัศน์ประชาสัมพันธ์เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ

เวทีกลางสำหรับการจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย(กลองไทยประยกุต์ศิลปะการต่อสู้มวยไทย การแสดงพื้นบ้านสี่ภาคและการแสดงโขนเด็ก) นิทรรศการของหน่วยงานต่างๆ ที่ประสานงานโดยหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ เป็นพื้นที่จัดแสดง ผลงานสินค้านวัตกรรม สินค้าที่มีการออกแบบดี และ ได้รับการส่งเสริมด้านการตลาด พร้อมจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทต่างๆ โซนงานแสดงสินค้าพื้นที่ภายในงานจะแบ่งออกเป็น 4 โซนหลักรวม 80 คูหาประกอบด้วย สินค้าOTOP/ศิลปหัตถกรรมจากภูมิภาคต่างๆของไทย 20 คูหาสินค้าเด่นๆอาทิ กระจูด วรรณีเชียงใหม่ ศิลาดลจักรสา นบริบรูณ์ผ้าใยกัญชง เป็นต้น รวมทั้งสินค้าไลฟ์สไตล์ 20 คูหา สินค้าเกษตรและอาหารนวัตกรรม 20 คูหา สินค้าศักยภาพจากกล่มุประเทศอาเซียน 20 คูหา มาครบทั้ง 9 ประเทศอาเซียน บรูไน 1 คูหาฟิลิปปินส์ ลาว กัมพชูา เวียดนาม อินโด ชาติละ 2 คูหา มาเลเซีย สิงคโปร์ ชาติละ 3 คูหา และ เมียนมา 5 คูหา

พลเอกประยุทธ์ ได้เน้นย้ำกับรองนายกรัฐมนตรีจุรินทร์ว่าประเทศไทยเราต้องให้ความสำคัญกับสินค้าจากถิ่นกำเนิด หรือ GI (Geographical Indication)ให้มากที่สุดทั้งนี้เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าส่งออกและสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในประเทศซึ่งนายจุรินทร์ได้ยืนยันกับนายกรัฐมนตรีว่ากระทรวงพาณิชย์ถือเป็นนโยบายหลักและขณะนี้ได้ประสานงานผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศพร้อมกับทางพาณิชย์จังหวัดให้คัดเลือกสินค้าพร้อมกับจัดโมบายเพื่อให้ความรู้ด้านนี้ ตั้งแต่เริ่มต้นของการทำงานและยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง

โดยระหว่างชมนิทรรศการนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ ได้พบกับนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ซึ่งเข้ามาชมนิทรรศการเป็นผู้นำคนแรกด้วย สำหรับกําหนดการ การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 (35th ASEAN Summit) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยเวลา 10.00 น.-10.30 น. รองนายกรัฐมนตรีต้อนรับนายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมงาน ASEAN STYLES เสร็จแล้ว จากนั้น16.20-16.50 น.เข้าร่วมการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เวลา 17.00 -18.30 น. จะเป็นการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 แบบเต็มคณะ และเวลา 19.00 -19.30 น.หารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีเวียดนาม

“บิ๊กตู่”สัมผัสมือ”มหาเธร์” เปิดประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจอาเซียน

People Unity News : “บิ๊กตู่”สัมผัสมือ”มหาเธร์” เปิดประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจอาเซียน เน้นย้ำกระชับความร่วมมือภาครัฐและเอกชนระดับภูมิภาค  

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 พ.ย.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ASEAN Business and Investment Summit 2019 (ABIS 2019) โดยมีภาคเอกชนร่วมกันเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจ ซึ่งเป็นเวทีคู่ขนานสำคัญของการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน มีผู้นำประเทศ ผู้นำธุรกิจ และผู้นำองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วมงานกว่า 1,200 คน

สำหรับการประชุมครั้งนี้จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด Emmpowering ASEAN 4.0 เพื่อเตรียมความพร้อมประเทศสมาชิกในการรับมือกับความท้าทายใหม่ในยุคดิจิทัล สอดคล้องกับแนวคิดหลักของสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN-BAC) ร่วมสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการดำเนินการของประชาชนอาเซียนในปี 2562 ประกอบด้วย 4 เสาหลัก ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี การสร้างความเชื่อมโยงทางด้านดิจิทัลเพื่อรองรับการค้า การลงทุนในอาเซียน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดความสามารถใหม่และลดปัญหาการว่างงานในอาเซียน และผลักดันให้ผู้ประกอบการเข้าถึงนวัตกรรมและเงินทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาเป็นประธานเปิดงาน และขอต้อนรับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคธุรกิจ ซึ่งมีความสำคัญ ไทยมีโอกาสได้จัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 อีกครั้งในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียน ซึ่งจะได้เดินหน้าอาเซียนในยุค 4.0 โดยไทยได้พัฒนา ผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ทั้งการค้าการลงทุน New Business Model โดยไทยพยายามนำเทคโนโลยีไปใช้ในนวัตกรรมทางการผลิตเพื่อยกระดับเศรษฐกิจ

“ไทยได้ร่วมกับเอกชนในการพัฒนาประเทศด้านการค้าการลงทุน ทั้งด้านความมั่นคงทางพลังงานและทรัพยากรมนุษย์ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เน้นการลงทุนรูปแบบรัฐเอกชนร่วมลงทุน (PPP) ในเรื่องการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอีอีซี ด้านการขนส่งโลจิสติกส์ ทั้งสนามบิน ท่าเรือ รองรับการขนส่งกับอาเซียนเป็นหลัก รวมทั้งภาคการเกษตรที่เร่งผลักดันเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในการกระจายสินค้า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังสนับสนุนธุรกิจเกิดใหม่ เอสเอ็มอีต่าง ๆ นวัตกรรมใหม่ ๆ ในศตวรรษที่ 21 ที่มีการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ไทยจึงเตรียมความพร้อมให้มีการเชื่อมโยงด้านดิจิทัลกับอาเซียนในทุกมิติ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า หวังว่าการประชุมนี้จะมีการแลกเปลี่ยนและเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ที่จะได้มีการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งรวมถึงกฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เรื่องใดที่เป็นประโยชน์ รัฐบาลยืนยันจะทำให้เกิดกับประชาชนและประเทศสมาชิกให้สูงที่สุด

“วันนี้โลกเปลี่ยนแล้ว เราไม่ปรับตัวไปไม่ได้ จึงต้องเตรียมการให้พร้อม เมื่อโลกปรับ เราต้องเปลี่ยน ไทยยืนยันได้ทำเต็มที่เพื่อเตรียมความพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง ขอให้การจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จ มีผลเป็นรูปธรรม เสริมสร้างอาเซียนให้เดินหน้าในยุคดิจิทัลให้เข้มแข็งไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แม้ธุรกิจจะต้องมีการแข่งขันกัน เป็นเรื่องธรรมดาแต่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ชาติเป็นหลักและเคาพสิทธิมนุษยชนด้วย โดยเฉพาะการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่ทุกคนทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน เพราะปัญหาทุกอย่างแก้ไม่ได้โดยลำพังเพียงผู้เดียว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ในการนี้พล.อ.ประยุทธ์ได้ตอนรับผู้นำอาเซียนพร้อมสัมผัสมือกับนายแพทย์ ตุน ดกโตร์ มาฮาดีร์ บิน โมฮามัด หรือนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด เป็นนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซียด้วย ก่อนหน้านี้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้การต้อนรับ สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ที่มาเยือนประเทศไทย และเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 256

ด้านมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย ครั้งนี้ มีการใช้ตำรวจ-ทหาร จำนวน 17,000 นาย คุมเข้มดูแลความปลอดภัยครอบคลุมทั้ง สถานที่การประชุม, โรงแรมที่พัก เส้นทาง และสถานที่ต่างๆ

ศาลปกครองกลางไม่รับคำฟ้องค้านแบน3สารพิษ

People Unity News : ศาลปกครองไม่รับคำฟ้องเครือข่ายผู้แทนเกษตรกรเนื่องจากมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายแบน 3 สารเคมีเกษตร เหตุยังไม่มีผลทางกฎหมาย

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานศาลปกครองกลางได้เผยแพร่ข่าวศาลปกครองซึ่งเป็คำสั่งศาลปกครองโดยไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา (คดียกเลิกการใช้สารเคมี 3 ชนิด) ดีที่ น.ส.อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลองพร้อมด้วยเครือข่ายผู้แทนเกษตรกร 6 จังหวัดรวม 1,091 คนยื่นฟ้องคณะกรรมการวัตถุอันตราย คณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรณีคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีคำสั่งให้ยกเลิกการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต , ไกลโฟเสต และคลอร์ไพริฟอส ไว้พิจารณา

เนื่องจากมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ยังไม่มีผลทางกฎหมายเป็นกฎ คำสั่ง หรือการกระทำอื่นใดที่จะนำมาฟ้องขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนได้ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบกับมาตรา 72 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

“วิว เยาวภา”แนะผู้ปกครองรู้เท่าทันสื่อสร้างภูมิคุ้มกันเด็ก

People Unity News : Facebookและสถาบันวิจัยบทบาทชายหญิงและการพัฒนา จัดประชุมให้ความรู้เรื่องการสร้างสังคมเฟซบุ๊กที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง “วิว เยาวภา”แนะผู้ปกครองรู้เท่าทันสื่อสร้างภูมิคุ้มกันเด็ก

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เวลา 13.30 น. ที่โรงเเรมเจดับบลิว แมรีออท กรุงเทพ ฯ Facebook และสถาบันวิจัยบทบาทชายหญิงและการพัฒนา จัดการประชุมให้ความรู้เรื่อง การสร้างสังคมเฟซบุ๊กที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง women’s Safety on Facebook โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคพลังประชารัฐและพรรคอนาคตใหม่ โฆษกพรรคชาติพัฒนาและโฆษกพรรคเพื่อชาติ รวมถึงผู้ช่วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคต่างๆเข้าร่วมกิจกรรม

โดยในงานมีการอภิปราย เรื่อง “นโยบาย เครื่องมือ และทรัพยากรของเฟซบุ๊ก ในการประกันความปลอดภัยให้กับผู้หญิงบนพื้นที่สื่อ Facebook โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของ Facebook Ms.Amber Hawkes, Policy Safty Lead APAC และ Ms.Snow White Smessler, Policy Safety Lead APAC

อีกทั้งมีการเสวนาและนำเสนอ “บทบาทของนักรัฐสภาสตรีในการหาทางออกเพื่อให้ผู้หญิงและเด็กปลอดภัยในพื้นที่ออนไลน์” โดยนางสาวเยาวภา บุรพลชัย โฆษกพรรคชาติพัฒนาเสนอว่า นอกเหนือจากการแก้ไข พรบ.ความปลอดภัยไซเบอร์ และ พ.ร.บ.สิทธิเด็ก เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ควรจัดทำโครงการให้ความรู้ความเข้าใจกับพ่อแม่ เรื่องการรู้เท่าทัน รวมถึงการจัดการกับปัญหาเด็กและเยาวชนกับสื่อออนไลน์ ซึ่งพ่อแม่เป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดลูกมากที่สุด ควรที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเท่าทันสื่อต่างๆ และสามารถดูแลบุตรหลานให้ปลอดภัยบนพื้นที่สื่อออนไลน์ได้

กระทรวงดิจิทัลฯเปิดตัวศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแล้ว

People Unity News : กระทรวงดิจิทัลฯ เปิดตัวศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) พร้อมทํางานร่วมกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT) (ศปอส.ตร.) เดินหน้าระดมทุกกลยุทธ์หนุนคนไทย รู้เท่าทันสื่อลวง

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลฯ เปิดตัวศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) เน้นข่าวที่มีผลกระทบต่อประชาชนในวง กว้าง กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชน คาดหวังให้เกิดการรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเผยแพร่ต่ออย่างรู้เท่าทันสื่อ และเป็นโอกาสดีที่มีการเปิดตัวศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT) ซึ่งเป็นความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กับ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ อีกด้วย

จากเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562, ทําเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นําคณะผู้จัดงานเปิดตัวศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti- Fake News Center) เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเพื่อประชาสัมพันธ์เปิดตัว ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) ซึ่งมีกําหนดการเปิดตัวศูนย์ฯ ในวันนี้ 1 พฤศจิกายน 2562 ณ บริษัท ทีโอที จํากัด (มหาชน)

กระทรวงดิจิทัลฯ ได้รับมอบนโยบายจากรัฐบาลให้ดูแล กลั่นกรอง ตรวจสอบ หรือกําจัดข่าวปลอม เน้นว่า เป็นข่าวที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง และจะมีการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจในข่าวที่ถูกต้อง เพื่อ ประชาชนทุกคนให้เข้าใจ และรู้เท่าทันว่าข่าวไหนปลอมข่าวไหนจริง ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ จะใช้กลไกการขับเคลื่อน โดย คณะกรรมการประสานงานและแก้ไขปัญหาข่าวปลอมที่กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน ที่จะมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิชาการ สื่อมวลชน ทําหน้าที่ วางแผน กํากับ การดําเนินงาน และแผนการเผยแพร่ ตามขั้นตอนการพิจารณาข่าวปลอม การวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารออนไลน์ ข่าวที่เป็นกระแสโลกโซเชียล อย่างรู้เท่าทัน ของภาครัฐ

โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาข่าวปลอมที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างเน้นย้ําว่าข่าวปลอมที่มีผลกระทบ ต่อสังคมในวงกว้างส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชนโดยตรง เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ข่าวที่สร้างความแตกแยกในสังคม ข่าวที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสังคมตลอดจนข่าวที่ทําลายภาพลักษณ์ ต่อประเทศ และสิ่งที่สําคัญเรายึด code-of-principles ดังนี้ 1. ความเที่ยงธรรมและความปราศจากอคติ ในการคัดเลือกข่าว 2. ความเป็นส่วนบุคคลกับสิทธิเสรีภาพของการนําเสนอข่าว 3. การขัดกันด้านผลประโยชน์ และ ผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่นําไปสู่ความขัดแย้ง 4. ให้ความเป็นธรรมแก่ฝ่ายที่ถูกพาดพิงและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
เท่าเทียมกัน 5. สามารถอธิบายกระบวนการการพิสูจน์ การตรวจสอบ แหล่งที่มาของบทความและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ได้ 6. มีความรู้เกี่ยวกับข่าวนั้น ๆ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงในด้านต่าง ๆ ได้อย่างเปิดเผย ซื่อสัตย์ และ โปร่งใส และสุดท้าย 7. เป็นหน่วยงานที่อิสระ ไม่ขึ้นต่ออิทธิพลของหน่วยงานหรือองค์กรใด ๆ

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) หน้าที่หลักจะมีการติดตาม ตรวจสอบ ข้อมูลที่เผยแพร่ บนสื่อสังคมออนไลน์และระบบอินเทอร์เน็ต พร้อมวิเคราะห์แนวโน้ม และบ่งชี้ข้อมูลที่เป็นข่าวปลอม ประสาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อมูล ผลิตข้อมูลที่ถูกต้อง อีกทั้งจัดส่งข้อมูลต่อหน่วยงานที่เป็นเจ้าของเรื่อง ประกอบการดําเนินการตามอํานาจ หน้าที่ และข้อสําคัญขั้นตอนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องต่อประชาชน และสาธารณชน จะผ่านกลไกภาคสื่อสารมวลชน อาทิ เช่น สํานักข่าวไทย สมาคมนักข่าว หรือสื่อหน่วยงานอื่น ๆ เครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เป็นต้น
อีกบทบาทสําคัญของการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม คือ ส่งเสริมสนับสนุนการสร้างองค์ความรู้ สร้างจิตสํานึก รอบรู้เท่าทันเพื่อให้ประชาชนสามารถปกป้องตนเองจากปัญหาข่าวปลอม ตลอดจนให้ข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับการพัฒนาเครื่องมือระบบตรวจสอบข่าวปลอม ให้มีประสิทธิภาพ

“ข่าวปลอมที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชนโดยตรง เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติ เศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม ข่าวที่สร้างความแตกแยกในสังคม ข่าวที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม ตลอดจนข่าวที่ทําลายภาพลักษณ์ต่อประเทศ หลัก ๆ จะมี 4 กลุ่ม ดังนี้ 1. ข่าวกลุ่มภัยพิบัติ (น้ําท่วม แผ่นดินไหว เขื่อนแตก สึนามิ ไฟไหม้) 2. ข่าวกลุ่มเศรษฐกิจ การเงินการธนาคาร/หุ้น 3. ข่าวกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสําอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายอื่น และ 4. ข่าวกลุ่มนโยบายรัฐบาล /ข่าวสารทางราชการ/ ความสงบเรียบร้อยของสังคม/ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ” นายพุทธิพงษ์กล่าว

เป้าหมายหลักคือ เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน มีช่องทางเพื่อให้ ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ป้องกันการแชร์เนื้อหาข่าวที่ไม่เหมาะสม ตลอดจนสามารถรู้เท่าทันข่าวปลอม โดยกระทรวงดิจิทัลฯ เตรียมพิจารณาจัดทําเครื่องมือเพื่ออํานวยความสะดวก อาทิ web application เว็บไซต์ Anti-Fake News Center มีการทํางานในลักษณะ Online และ Offline เป็นไปตามมาตรฐานสากลของ International Fact Checking Network หรือ IFCN วิธีการแจ้งก็จะแบ่งหมวดการแจ้งตาม 4 กลุ่มหลักตามที่กล่าว ข้างต้น ศูนย์ทําหน้าที่รับแจ้งข้อมูลที่ต้องการตรวจสอบ และส่งต่อเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งจะมีกระบวนการ ตรวจสอบข้อเท็จจริง แล้วแจ้งผลการตรวจสอบกลับมา ประชาชนจะสามารถตรวจเช็คข่าวปลอมได้ทันที เบื้องต้นคาด ว่าภายใน 2 ชั่วโมง และได้เน้นการมีส่วนร่วมให้กับประชาชน จึงพัฒนาเว็บไซต์ (www.antifakenewscenter.com) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการตรวจสอบข่าวสาร หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ ข้อมูลหรือข่าวที่มีการตัดต่อข้อมูล เนื้อหา การนําเสนอข้อมูลข่าวสารโดยปราศจากข้อเท็จจริง พร้อมทั้ง ชี้แจงเสนอข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและสนับสนุนการ ดําเนินงานร่วมกับภาคประชารัฐ (หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สมาคม เครือข่ายต่าง ๆ และภาค ประชาชน) สามารถตรวจสอบ สอบถาม และร่วมมือในแก้ไขการเผยแพร่ข่าวสาร หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ

“นอกจากนี้กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ประสานความร่วมมือในการปฏิบัติงาน กับเครือข่ายสังคมออนไลน์ราย หลักๆ และจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นร่วมกับหน่วยงาน ทุกกระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสากิจ หน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ ง สร้างความเข้าใจร่วมกัน อีกทั้งจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ภายในเดือนพฤศจิกายน 2562 นี้ เพื่อสร้างแนว ปฏิบัติร่วมกัน และเป็นการสร้างเครือข่ายอีกทาง ปัจจุบัน หน่วยงานต่าง ๆ ได้มีการแต่งตั้งผู้แทนประสานงานกับศูนย์ ต่อต้านข่าวปลอม เพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลร่วมกับศูนย์ฯ และต้องได้คําตอบที่ถูกต้อง ชัดเจน และจะดําเนินการ เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

มท.3ประชุมเตรียมประชุม ครม.สัญจรกาญจนบุรี

People Unity News : “ทรงศักดิ์ ทองศรี”มท.3 ประชุมเตรียมความพร้อมคณะทำงาน ก่อนลงพื้นที่ ร่วมประชุม ครม.สัญจร จ.กาญจนบุรี เร่งแก้ไขปัญหาประชาชนในพื้นที่ ยกระดับความเป็นอยู่ อย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมคณะทำงาน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 ระหว่างวันที่ 11 – 12 พ.ย. 2562 ณ จังหวัดกาญจนบุรี

โดยในวันจันทร์ที่ 11 พ.ย. 2562 รมช.มท. (มท.3) มีกำหนดการพอสังเขป ดังนี้

– ภาคเช้า : จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม “โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำแม่กลอง (ช่วงที่ 2)” อ.ท่ามะกา – ตรวจเยี่ยม รับฟังปัญหาความต้องการพี่น้องประชาชน “ชุมชนริมน้ำ” หลังวัดท่าเรือ – ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการ OTOP , กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จ.กาญจนบุรี

– ภาคบ่าย : ตรวจเยี่ยมสถานีผลิตน้ำท่าม่วง ในพื้นที่ อ.ท่าม่วง ดำเนินการโดย กปภ. – ลงพื้นที่ อบต.หนองโรง อ.พนมทวน เพื่อรับฟังปัญหาความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เยี่ยมชมสินค้่า OTOP ของ อ.พนมทวน

ก่อนที่จะประชุมคณะทำงาน สรุปปัญหาความต้องการ เรียงลำดับความสำคัญ เพื่อนำเรียนในที่ประชุม ครม. ต่อไป

สำหรับวันอังคารที่ 12 พ.ย. 2562 รมช.มท. (มท.3) จะเข้าร่วมประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 (กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี) และเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ต่อไป

“อองซาน ซูจี”มาแล้ว! “อนุทิน”ต้อนรับร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน

People Unity News : “อนุทิน”ให้การต้อนรับ “อองซาน ซูจี” เยือนไทย ก่อนเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ผูกสร้อยลูกประคำของพระครูบาบุญชุ่มขึ้นเครื่อง

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้การต้อนรับนางอองซาน ซูจีที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ ไปจนถึงวันที่ 1-4 พ.ย.

เป็นที่น่าสังเกตว่าที่ข้อมือนางอองซาน ซูจีได้ผูกสร้อยลูกประคำของพระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร แห่งวัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง รัฐฉาน ประเทศเมียนมา เกจิดังล้านนา ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธหลายประเทศ ทั้งไทย ลาว พม่า จีน และภูฏานด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงายงานว่า ในที่ประชุมจะมีการหารือในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเมืองในภูมิภาค หรือ ASEAN Political-Security Community (APSC) รวมไปถึงประเด็นด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ หรือ ASEAN Economic Community (AEC) และ ความร่วมมือทางวัฒนธรรม หรือ ASEAN Socio-Cultural Community

“นิพนธ์”ชวน อบจ. ร่วมทำบุญช่วยชิวิตคนลดตายจากอุบัติ

People Unity News : “นิพนธ์”ชวน อบจ.ทั่วประเทศ ร่วมทำบุญช่วยชิวิตคน ลดตายจากอุบัติเหตุกว่า 2 หมื่น คนต่อปี

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานเปิดการสัมมนาวิชาการ”บริบทของท้องถิ่นกับการพัฒนาประเทศในปัจจุบัน” โดยมีนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย พร้อมผู้บริหารและผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)อาทิ นายก อบจ.จาก 76 จังหวัด และตัวแทน อทป. ระดับต่างๆกว่า 2,600 คนเข้าร่วม

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้เป็นการส่งเสริมการพัฒนาองค์การบริหารส่วนจังหวัดให้เกิดความเจริญก้าวหน้า เชื่อมโยงองค์การบริหารส่วนจังหวัดกับทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติงาน สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นตามนโยบายรัฐบาลให้มีการพัฒนาองค์ความรู้ให้เท่าทันบริบทสังคม ถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ภายใต้หลักการกระจายอำนาจและได้มีกระบวนทัศน์ที่ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถจัดบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้อุบัติเหตุทางถนนในประเทษไทยมีสถิติที่น่าตกใจและจัดเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความสูญเสียชีวิตทรัพยากรบุคคลและทรัพย์สินต่างๆของประชาชน อันก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศเป็นจำนวนมาก โดยแต่ละปีมีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนกว่า 22,000 คน หากรวมยอดสะสม15 ปี ยอดสูญเสียมากถึง 400,000 คน

ถ้า อปท.ร่วมจับมือกันในทุกระดับ ทั้งองค์การบริหารส่วนตังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ให้ทั้งหมดเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโยบายตำบล ขับขี่ปลอดภัยไปด้วยกัน  เพื่อร่วมกันลดความสูญเสียชีวิตพี่น้องคนไทยบนท้องถนน  เท่ากับเป็นการรักษาทรัพยากรบุคคลและทรัพย์สินอื่นๆได้ โดยเริ่มเข้มงวดสกัด “การเมาแล้วขับ” และ “การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด” ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่ท้องถิ่น ชุมชน ตำบล ก็จะสามารถลดอุบัติเหตุลงได้ วันนี้่จึงอยากเพิ่มบทบาทของ อปท. ให้เข้ามาดูแลคุณภาพของพี่น้องประชาชนคนไทยในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศที่พวกท่านบริหารอยู่ให้มากขึ้นเพื่อสร้างภาคีเครือข่ายตำบลขับขี่ปลอดภัยให้เป็นผลปฏิบัติทางรูปธรรมจับต้องได้ โดยตั้งเป้าการเกิดอุบัติเหตุและเข้มงวดในการใช้รถใช้ถนนต่อไป

“สิระ”พร้อมนั่งกมธ.ป.ป.ช.แทน”พยม”ชน”เสรีพิสุทธิ์”

People Unity News : “ส.ส.สงขลา พปชร.”เตรียมลาออก “กมธ. การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ”เผย อึดอัดใจที่ต้องทำงานร่วมกับ “เสรีพิสุทธิ์”แถมยังกินภาษีประชาชนแบบไร้ประโยชน์ หวังแค่ดิสเครดิต “บื๊กตู่-รบ.”จ่อดัน “สิระ” นั่งแทน

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์หน้าตนจะยื่นหนังสือขอลาออกจากกรรมาธิการชุดดังกล่าว เนื่องจากว่า มีความรู้สึกอึดอัดใจในการทำหน้า โดยเฉพาะการที่ต้องทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ในฐานะประธานกรรมาธิการ ซึ่งตนยังมีฐานะเป็นโฆษกกรรมาธิการ ที่จะต้องรับผิดชอบในการลงมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ซึ่งก็ก่อให้เกิดความรู้สึกอึดอัดใจ เพราะต้องยอมรับว่าตนคือ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มีวางเชื่อมั่นในการเสนอพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่มาวันนี้จะให้ตนแถลงข่าวเพื่อดิสเครดิตพลเอกประยุทธ์และรัฐบาล ตรทำไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นก็คงเสียคน

นายพยม กล่าวต่อว่า ตนได้พูดคุยกับทางพรรคพลังประชารัฐ แล้วซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะให้ผู้ที่มีความเหมาะสมเข้าไปนั่งในกรรมาธิการชุดนี้แทนตน เพราะตนระบุเหตุผลไปว่า ไม่สามารถทำงานร่วมกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้จริงๆ

นายพยม ยังกล่าวต่อว่า การเข้าร่วมประชุมในแต่ละครั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่เคยคุมการประชุมให้อยู่ในวาระประชุมเลย โดยที่ไม่สนใจในประเด็นใหม่ใหม่ หรือเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชนเลยมุ่งเน้นเพียงแต่ต้องการหาประเด็นจากพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างเช่นล่าสุดก็ จะรื้อคดีนาฬิกาหรูขึ้นมาพิจารณาใหม่ ซึ่งตนมองว่า เรื่องดังกล่าวจบสิ้นกระบวนการพิจารณาไปแล้ว ตนจึงไม่เห็นถึงประโยชน์ที่ต้องรื้อเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เพราะเป็นการทำงานที่ถอยหลังลงคลอง สิ้นเปลืองเบี้ยประชุมที่มาจากภาษีประชาชน

“ผมไม่เคยมีปัญหากับการทำหน้าที่กรรมาธิการในฐานะ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล หากเรื่องที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์หยิบยกขึ้นมาพิจารณาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ผมพร้อมที่จะทำ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ใช้กรรมาธิการเป็นเครื่องมือเพื่อจะดิสเครดิตพลเอกประยุทธ์และรัฐบาล”นายพยม กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐจะให้ใครมาทำหน้าที่ในกรรมาธิการชุดนี้แทน นายพยม กล่าวว่า จากการพูดคุยเบื้องต้นน่าจะเป็น นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากนายสิระเป็นคนกล้าสู้ กล้าชน น่าจะมีความเหมาะสมมากกว่าตน

ทางด้านนายสิระกล่าวว่า ตนได้มีการพูดคุยกับนายพยม ซึ่งนายพยมได้เปรยกับตนหลายครั้งแล้วว่า อึดอัดใจที่ต้องเข้าร่วมประชุมกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่เป็นประธานกรรมาธิการ ซึ่งตนก็เข้าใจความรู้สึกของนายพยมดี จึงได้มรการแจ้งให้ทราบพรรคทราบ ทั้งนี้ก็คงต้องรอให้พรรคมีมติออกมาก่อนว่า จะให้ตนไปทำหน้าที่แทนหรือไม่

“การไปทำหน้าที่แทนนายพยม ผมไม่ได้หวังที่จะเข้าไปเป็นศัตรูหรือขวางการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ผมหวังเพียงที่จะให้กรรมาธิการชุดนี้ใช้เวทีของสภาฯไปในทางที่ถูกที่ควร ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ให้คุ้มกับภาษีของประชาชนที่ต้องจ่ายเป็นเบี้ยประชุม ไม่ใช่ใช้ตำแหน่งประธานกรรมาธิการมาทำเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง”นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวต่อว่า ตนอยากฝากไปถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หากยังใช้กรรมาธิการชุดนี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนกับที่ผ่านมา โดยไม่คิดจะไปทำเรื่องอื่นที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ คอยจ้องแต่จะทำลายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัชฐมนตรีตนเชื่อว่าคงมี ส.ส.ในกรรมาธิการชุดนี้อีกหลายท่านที่ไม่อยากทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ย่อมกลัวการติดคุกติดตะรางจากการทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องด้วยกันทั้งนั้น และตนก็จะไม่ยอมปล่อยผ่านในเรื่องที่ไม่ถูกต้องเช่นกัน

Verified by ExactMetrics