วันที่ 19 กันยายน 2024

“มนัญญา”วอน! สหรัฐฯเคารพกม.ไทย ปมแบน 3 สารพิษเกษตร

People Unity : “มนัญญา”ออกโรงวอน! สหรัฐฯอย่ายัดเยียดในสิ่งที่เราไม่ต้องการ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น ยืนยันสารเคมีพิษทำลายสุขภาพคนไทย เดินเครื่อง อุทัยธานีโมเดล เมืองปลอดสารพิษ สะอาดทั้ง ดิน น้ำ ลม ไฟ

วันที่ 25 ต.ค.2562 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตร ณ ศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี เพื่อรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน ภายหลังการแบน 3 สารเคมี พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ให้ทุกหน่วยงาน ช่วยเหลือ ดูแล เกษตรกรในช่วงระยะเปลี่ยนผ่าน ซึ่งจะนำร่องที่จังหวัดอุทัยธานี โดยมีเกษตรกร สมาชิกสหกรณ์การเกษตรในจังหวัดอุทัยธานี รวมไปถึงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล มาชูป้ายสนับสนุนนโยบายการแบนสารเคมีพิษภาคการเกษตร และ มอบดอกกุหลายสีแดง เพื่อให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก พร้อมตะโกนว่า “มนัญญา สู้สู้”

นางสาวมนัญญา กล่าวว่า ต้องการทราบความต้องการของเกษตรกรหลังจากที่เราละ ลด เลิก ใช้สารเคมีต่างๆ ไปแล้ว ซึ่งประเทศไทยเราไม่ต้องการให้มีสารเคมี หรือสารพิษที่ทำลายพี่น้องประชาชน แต่ทุกวันนี้เราต้องอยู่กับมัน เพื่ออะไร แล้วเราจะต้องทำอย่างไรต่อไป อากาศ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นของพี่น้องประชาชน ชาวไทยทุกคน ไม่มีใครมาบั่นทอนสุขภาพเราได้

ส่วนที่สถานทูตอเมริกาจะไม่ยอมให้แบนสารพิษนั้น นางมนัญญา กล่าวว่า “สถานทูตอเมริกา ต้องการให้เราใช้ต่อใช่ไหม เราต้องถามพี่น้องประชาชนคนไทย ว่าเราต้องการใช้หรือไม่ เพราะที่จริงแล้ว ระบบกฎหมายใครกฎหมายมันความต้องการของใครก็ความต้องการของมันอยู่แล้ว ถ้าเราต้องการจะให้อะไรกับใครสักคน เราต้องถามประเทศนั้น ๆ ว่าเขายอมรับหรือไม่ การยัดเยียดในสิ่งที่เราไม่ต้องการ มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น”

ส่วนที่สหรัฐอเมริกากดดันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมติของ คณะกรรมการวัตถุอันตรายหรือไม่นางสาวมนัญญา กล่าวว่า “มันอยู่ที่เรา ว่าเราจะยอมรับตรงนั้น หรือ ปฏิเสธตรงนั้น เราเดินหน้าในการแบนสาร 3 ตัว เราทำมานานแล้ว ต้องเข้าใจว่าเราทำมาหลายปีแล้ว และเมื่อหลายปีที่ผ่านมาต้องเข้าใจว่าทำไมถึงไม่ประสบความสำเร็จ และตัวดิฉันเอง ใช้เวลาทำ 3 เดือน ณ วันนี้ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ ว่าตัวดิฉันเจออะไรบ้าง ณ วันนี้ ทุกอย่างจะเริ่มเปิดเผยออกมาว่าที่ผ่านมาตัวดิฉันเอง ต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนชาวไทย แต่ตัวดิฉันเองต้องสู้กับอะไร”

ส่วนที่ว่าจะมีการพิจารณาสารทดแทน หรือไม่นั้น นางสาวมนัญญา กล่าวว่า “คือมันเป็นการพูดเฉย ๆ นะคะ ว่าสารทางเลือกหรือสารทดแทน หรือสารอะไรก็แล้วแต่ เป็นราคาที่สูง จริงๆ แล้วสารพวกนี้อยู่ในท้องตลาดที่เกษตรกรจับต้องได้อยู่แล้ว แต่ทางเลือกของเราต้องการให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ สรรพสิ่งในประเทศไทย สามารถนำมาทำปุ๋ยได้มากมาย นะคะ”

ส่วนจะทำหนังสือชี้แจงทางสหรัฐฯ หรือไม่นั้น นางสาวมนัญญา กล่าวว่า “ถ้าทางสหรัฐอเมริกา ทำหนังสือมาที่กระทรวงเกษตร เราจะทำหนังสือตอบกลับไป แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นหนังสืออะไรมา เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือตามไลน์ต่างๆ แต่ที่ส่งหนังสือเป็นทางการ ที่จะส่งมาที่กระทรวงเกษตร ยังไม่เห็น เรามีเหตุผลอยู่แล้วว่าทำไมต้องแบน”

เป็นที่คาดหมายหรือไม่ที่สหรัฐอเมริกา อาจจะลดการนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศไทย นางสาวมนัญญา กล่าวว่า “อันนี้ก็ต้องดูต่อไปว่าหลังจากนี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น การจะไปคาดการณ์ล่วงหน้าในสิ่งที่ยังไม่เกิด จะกลายเป็นการสร้างให้เกษตรกรตื่นกลัว หรือจะเป็นการเข้าทาง คือทุกวันนี้เราไม่ได้สู้กับเกษตรกร เกษตรกรทุกคนพร้อมแล้วที่จะ ลด ละ เลิก สารเคมี ซึ่งสารพวกนี้ไม่ได้เป็นผลดีทั้งผู้บริโภค และผู้ที่ฉีดหรือเกษตรกรอยู่แล้ว จริงๆ เรามุ่งหวังจะรักษาสุขภาพชาวไทย เราต้องการมีเกษตรกรที่น่ารักและมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ในประเทศไทยเรามากกว่า เราจะใช้การตลาดนำผลผลิตอยู่แล้ว”

สำหรับการมาประชุมที่ จ.อุทัยธานี หลังจากการแบน 3 สารเคมี นี้จะดำเนินการอะไรบ้าง นางสาวมนัญญา กล่าวว่า “เราจะให้จังหวัดอุทัยธานี เป็นเมืองปลอดสารพิษ เป็นจังหวัดแรก ๆ ที่ปลอดภัย และปลอดสารเคมี เราจะทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใครมาอุทัยธานี ดิน น้ำ ลม ไฟ ต้องดี ต้องสะอาด ไม่ใช่แค่จังหวัดอุทัยธานี ตัวดิฉันเองจะไปให้ทุกจังหวัดเพื่อจะสร้างโมเดลแบบนี้ให้กับทุกจังหวัด เพียงแต่ว่าจังหวัดนี้เป็นจังหวัดบ้านเกิด เราก็อยากทำอะไรให้กับบ้านเกิดเมืองนอนของเรา เราเติบโตมาจากที่นี่ และเราก็เติบโตมาจากประเทศไทย เพราะเราก็นเป็นคนไทย”

“วิสาร”ลั่นตรวจเข้มงบมหาดไทย แจกงบซื้อใจส.ส.พรรคร่วม

People Unity : “วิสาร”กรรมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย ลั่นตรวจเข้มงบมหาดไทย แจกงบซื้อใจส.ส.พรรคร่วม กมธ.จ่อเรียก”บิ๊กป๊อก”พร้อมปลัดเข้าแจง

วันที่ 25 ตุลาคม 2562 นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านให้ความสำคัญมาก ล่าสุดคณะกรรมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย มีมติเชิญ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวง และผู้ว่าราชการบางจังหวัดมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีการใช้งบประมาณ จำนวน 15,800 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ว่าทำอะไรไปบ้างและได้ผลสัมฤทธิ์แค่ไหน เพราะคณะกรรมาธิการได้รับการร้องเรียนมาหลายจังหวัดว่าอาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้น

นอกจากนี้ ทราบว่าที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยมีการจัดสรรงบประมาณในการแก้ปัญหาภัยธรรมชาติ ทั้งน้ำท่วมและภัยแล้งอย่างไม่เป็นธรรม และเน้นจังหวัดที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลจะได้มากกว่าจังหวัดที่มีส.ส.ฝ่ายค้าน อาทิ จังหวัดระนองได้รับงบประมาณแก้ปัญหาภัยธรรมชาติ 200 ล้านบาท เท่ากับจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่กว่ามาก ในขณะที่จังหวัดศรีษะเกษ กับ สุรินทร์ได้ไปจังหวัดละ 500 ล้านบาท

นอกจากนี้พบว่ามีความไม่ชอบพากลมากในการใช้งบประมาณ หลายพื้นที่ใช้วิธีพิเศษในการอนุมัติงบประมาณให้กับผู้รับเหมา จึงอยากให้รัฐมนตรีตอบคำถามของคณะกรรมาธิการว่าเหตุผลในการใช้จ่ายงบประมาณมาจากอะไรทำไมจังหวัดเล็กได้มากกว่าจังหวัดใหญ่และทำไมต้องวิธีพิเศษในการอนุมัติ งบประมาณ

นายวิสาร กล่าวด้วยว่า ในขณะนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลในการใช้จ่ายเงินงบประมาณของกระทรวงมหาดไทยมีข้อร้องเรียนมาก โดยจะเก็บเป็นข้อมูลและสืบหาข้อเท็จจริงเพื่อเตรียมไว้ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะในงบประมาณปี 2562 ทีผ่านมาจากการตรวจสอบพบปัญหาที่เชื่อได้ว่ามีการใช้งบประมาณที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายและอาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้นได้

นอกจากนี้ตนจะตรวจสอบการใช้งบประมาเกี่ยวกับการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม จากการตรวจสอบโครงการในหลายจังหวัดที่ประสบปัญหาและได้รับงบประมาณไปพบว่ามีขบวนการกินหัวคิวกับงบประมาณในโครงการขุดลอกคูคลองจนผู้รับเหมาทิ้งงานหรือไม่กล้ารับงานเป็นจำนวนมาก ผู้รับเหมาเรียกงบประมาณนี้ว่างบไม้ไอติม ซึ่งมีการกินจนไม่เหลือแม้กระไม้ไอติม ซึ่งตนจะตรวจหลักฐานไว้อภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างแน่นอน

“เทพไท”ฟันธง!”ธนาธร”เป็นกมธ.งบฯ63ได้ แนะตั้งสติสัมปชัญญะไร้อคติ 4 ต่อกัน

People Unity : “เทพไท”ฟันธง!”ธนาธร”เป็นกมธ.งบฯ63ได้ ยื่นตีความรกศาล แนะตั้งสติสัมปชัญญะไร้อคติ 4 ต่อกัน

วันที่ 25 ต.ค.2562 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเป็นกรรมาธิการงบประมาณของนายธนาธร จึงรุงเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ว่า เรื่องนี้มีความชัดเจนอยู่ตัวข้อบังคับการประชุมสภา และกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ไม่เห็นว่าจะต้องมีประเด็นใดนำมาโต้เถียงกันอีก และไม่ควรจะนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง ที่จะดิสเครดิตกันอีก ถ้าจะยึดเอาความถูกต้องมากกว่าความถูกใจ

“นายธนาธรมีสิทธิ์เป็นกรรมาธิการได้ในสัดส่วนของบุคคลภายนอกโดยปราศจากข้อสงสัย แต่ถ้าจะเอาความถูกใจของใครบางคน หรือจะอ้างเอาความเหมาะสม ก็ไม่มาตรฐานใดมาวัดได้ บ้านเมืองของเรา ต้องใช้หลักกฎหมายในการปกครองประเทศ ต้องยึดหลักการมากกว่าหลักกู บ้านเมืองถึงจะเดินหน้าไปได้” นายเทพไท กล่าและว่า

การยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความขัดแย้งในประเด็นนี้ จะเป็นการสร้างคดีให้รกโรงรกศาลหรือไม่ อยากให้ทุกฝ่ายตั้งสติ ทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมาโดยปราศจากอคติใดๆ บ้านเมืองก็เดินไปด้วยความเรียบร้อย มีความสงบสุข ไม่มีความขัดแย้งใดๆในสังคม แต่ถ้ามัวแต่จะแบ่งฝักแบ่งฝ่าย คอยจับผิดกัน ถ้าไม่ใช่พวกของตัวเองทำอะไรก็ผิดทั้งหมด บ้านเมืองก็จะเดินหน้าไปไม่ได้ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ไม่มีอคติใดๆต่อกัน จะทำให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน

 

“ชวน”ชี้คุณสมบัติ “ธนาธร” เป็นสิทธิ์ 64 กมธ.งบฯ63ยื่น

People Unity : “ชวน”ชี้คุณสมบัติ “ธนาธร” เป็นสิทธิ์ 64 กมธ.งบฯ63ยื่น พร้อมชงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้ขาด ชี้สามารถสงวนคำแปรญัติติในวาระ 2-3ได้ “ช่อ”ปลื้มจากนี้ได้เห็น”ธนาธร”ในสภาฯเข้มข้นขึ้น

วันที่ 25 ต.ค.2562 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ให้วินิจฉัยคุณสมบัติของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกศาลสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว สามารถนั่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ได้หรือไม่ ว่า นายสุชาติสามารถทำหนังสือมายังตนได้ แต่กรณีดังกล่าวตนมองว่าฝ่ายที่ดูจะมีปัญหา คือ กมธ.ฯ งบประมาณ ทั้ง 64 คน หากพบว่าคุณสมบัติของนายธนาธรขัดต่อการดำรงตำแหน่งต้องยื่นมายังตนเพื่อพิจารณาตามกระบวนการคือส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวินิจฉัย

“กรณีการตั้งกมธ.ผมไม่ใช่ผู้แต่งตั้ง ประธานสภาฯ จึงไม่มีอำนาจวินิจฉัย รวมถึงการลาออกจากส.ส. ของคุณธนาธร เพื่อคงโควต้ากมธ.บุคคลภายนอก ซึ่งกมธ.งบประมาณจะต้องเป็นคนร้องหรือทำเรื่องเข้ามา”นายชวน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าบทบาทของนายธนาธรต่อกมธ.งบประมาณ จะแปรญัตติ และใช้สิทธิอภิปรายวาระ 2-3 ในการประชุมสภาฯ ได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ปรากฎบทบาทของนายธนาธร ว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้าง ดังนั้นหากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญระบุให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส. นายธนาธรจึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ได้ยกเว้นแต่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการสงวนความเห็นและอภิปรายทำได้ฐานะกมธ.ฯเท่านั้น

“ช่อ”ปลื้มจากนี้ได้เห็น”ธนาธร”ในสภาฯเข้มข้นขึ้น

น.ส.พรรณิการ์ วาณิชโฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ทวิตเตอร์ @Pannika_FEP ระบุว่า “ชัดเจนนะคะ จากนี้ไปได้เห็นบทบาทธนาธรในสภาเข้มข้นต่อเนื่องแน่นอนในฐานะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณฯ ภาษีประชาชนทุกบาทจะต้องถูกจัดสรรเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเต็มเม็ดเต็มหน่วยที่สุด อนาคตใหม่”

พล.อ.ประวิตรชื่นชมผลการประเมินความโปร่งใส กกท.ระดับ AA

People Unity :  พล.อ.ประวิตรชื่นชมผลการประเมินความโปร่งใส กกท.ระดับ AA สั่งขับเคลื่อนต่อเนื่อง เน้นประสิทธิภาพ

เมื่อ 25 ต.ค.62 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า เวลา 10.00น.วันนี้(25ต.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่9/2562 ณ ห้องประชุม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการก่อสร้างสนามกีฬาประจำจังหวัดได้แก่จ.มหาสารคาม(รับมอบบางส่วน) จ.สกลนคร(รับมอบแล้ว) จ.อำนาจเจริญ(รับมอบบางส่วน) จ.สมุทรปราการ(รับมอบบางส่วน) จ.สระแก้ว(รับมอบแล้ว) จ.เพชรบูรณ์(รอการรับมอบ) และจ.นราธิวาส (ยกเลิกสัญญาจ้าง) พร้อมทั้งรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 2,997,790,700 บาท,งบรายจ่ายประจำ(เงินอุดหนุน)วงเงิน 2,435,953,900 บาทและ งบลงทุนวงเงิน 561,836,800 บาท

ที่ประชุมได้เห็นชอบการต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกรายการโมโตจีพีประจำปี 2564-2568(5ปี) เห็นชอบการโอนเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับจังหวัดที่ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติรุ่นอายุ 13ปี,15ปี,17ปีและ 19ปีรอบแชมเปี้ยนส์ชิพ 2018-2019 (เพิ่มเติม)และเห็นชอบประกาศกำหนดชนิดกีฬาที่สามารถจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมกีฬาเพิ่มเติมได้แก่กีฬาเคอร์ลิ่ง(Curling)และพาวเวอร์ลิฟติ้ง(Powerlifting)

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณคณะกรรมการฯและการกีฬาแห่งประเทศไทยที่ช่วยกันทำงานอย่างเต็มกำลังเพื่อขับเคลื่อนงานของการกีฬาแห่งประเทศไทยจนได้รับผลการประเมินระดับดีเยี่ยม อย่างน่าพอใจ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการยังคงต้องช่วยกัน กำกับดูแลและติดตามการดำเนินงานที่เหลือให้เป็นไปตามแผนงาน จะต้องมีการประเมินผลตามตัวชี้วัดพร้อมกำชับ กกท. จะต้องบริหารงานและงบประมาณ ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ โดยมุ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อนักกีฬาและการกีฬาของประเทศชาติในภาพรวม

พิษAI! “สมคิด” เรียกอธิการบดีถกรับมือคนตกงาน 28 ต.ค.นี้

People Unity : ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผย พิษAI! “สมคิด” เรียกอธิการบดีถกรับมือคนตกงาน 28 ต.ค.นี้

วันที่ 25 ต.ค.2562 ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เชิญอธิการบดีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ รวมถึงบริษัทเอกชนรายใหญ่มาประชุมเรื่องการผลิตและพัฒนากำลังคน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ การตอบโจทย์กำลังคนในวัยทำงานในระบบ รวมถึงคนที่ต้องการจะเปลี่ยนงาน

ทั้งนี้เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการว่างงานจำนวนมาก ซึ่งเพื่อที่จะหารือร่วมกันถึงการปรับปรุงและพัฒนาทักษะ การเพิ่มทักษะ และการสร้างทักษะใหม่ โดยภาคเอกชนอาจจะมาร่วมจัดทำหลักสูตรในอนาคต เพื่อให้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน เช่น ภาคเอกชนอาจจะทำหลักสูตรเอง แต่ให้ อว. เข้าไปส่งเสริมสนับสนุน หรือถ้าภาคเอกชนทำไม่ได้ก็ให้มหาวิทยาลัยเข้าช่วยทำ หรือมหาวิทยาลัยทำหลักสูตรเอง ซึ่งหลักสูตรที่จะทำให้จะทั้งแบบที่มีปริญญากับไม่มีปริญญาก็ได้ ดร.สุวิทย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะมีการสำรวจความต้องการทักษะอาชีพ เพื่อจัดทำหลักสูตรให้สอดคล้อง โดยเฉพาะหลักสูตรที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ

1. กลุ่มสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มที่ไม่จำเป็นต้องมีปริญญา แต่ต้องพัฒนาไปสู่เกษตร 4.0 ให้ได้ 2. กลุ่มอุตสาหกรรม ที่จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปใช้ในกลุ่มคนทำงาน เช่น วิศวกร ช่างฝีมือ เป็นต้น และ 3. กลุ่มภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยวแบบสร้างสรรค์ โดยในการทำงาน 3 กลุ่มนี้จะให้มหาวิทยาลัยเข้ามาจับคู่กัน เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) จะเน้นเรื่องภาคบริการ และความโดดเด่นของท้องถิ่น ที่จะมายกระดับความสามารถ ด้านภาษา การท่องเที่ยว การเกษตร ส่วนมหา วิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.)

และอีก 3 พระจอมเกล้าจะเน้นเรื่องของปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เป็นต้น ขณะที่มหาวิทยาลัยกลุ่มใหญ่จะเน้นเรื่องการรับมือต่อกระแสดิสรัปชั่น ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาทักษะ การเพิ่มทักษะ และการสร้างทักษะใหม่ อย่างไรก็ตามการดำเนินการทั้งหมด เพื่อตอบโจทย์การ แก้ปัญหาแรงงานว่างงานในระบบ แรงงานที่ต้องการเปลี่ยนงาน และอาชีพในอนาคต ซึ่งตนได้ประสานกับ 10 บริษัทรายใหญ่ เพื่อให้มาทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในการพัฒนาคนใน ยุคดิสรัปชั่นด้วย

“บิ๊กตู่”โยน! “อนุทิน”ลั่นไม่ชี้แจงสหรัฐฯ ยันมติเดิมแบน 3 สารพิษตาม กม.ไทย

People Unity : “บิ๊กตู่”โยนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจงปมทูตสหรัฐฯ ส่งหนังสือค้านแบนไกลโฟเซต อ้างไทยไร้หลักฐานวิทย์พิสูจน์สารอันตราย “อนุทิน” ลั่นไม่ชี้แจงบอกพิจารณาตาม กม.ไทย ยันตามมติเดิม

เมื่อเวลา 09.35 น.วันที่ 24 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ปี 2562 โดยก่อนการประชุมผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดค้านการห้ามใช้สารไกลโฟเชต ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สารเคมีทางการเกษตร ที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกเลิกใช้ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป โดยพล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบถึงกรณีดังกล่าว พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ชี้แจง”

ลั่นไม่ชี้แจงสถานทูตสหรัฐฯขอไทยทบทวนมติแบนสารพิษ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จริงๆ แล้วสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา ลงนามตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 2562 แต่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีการประชุมพิจารณาแบนสารเคมีเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำไมมีการออกหนังสือล่วงหน้ามาถึง 11 วัน เช่นนี้แสดงว่า เป็นการกดดันหรือไม่ จะมาบอกว่าจะมีปัญหาเรื่องการนำเข้า ตนคงไปว่าเขาไม่ได้ เพราะเขาห่วงเรื่องกระเป๋าของเขา ไม่ได้ห่วงสุขภาพของคนไทย เพราะฉะนั้นเราต้องมีมาตรการ ถ้ากังวลว่าจะมีสารตกค้างก็ต้องมาพิสูจน์ว่าจะนำเข้ามาโดยไม่มีสารตกค้าง แต่นี่กลัวขายของไม่ได้เลยมาบอกให้รัฐบาลยกเลิกการห้ามสารพิษเพื่อให้ใช้ได้ แล้วเราจะยอมหรือไม่

นายอนุทิน กล่าวว่า คณะกรรมการวัตถุอันตรายประชุมภายใต้กฎหมายของประเทศไทยใช่หรือไม่ หรือประชุมภายใต้กฎหมายต่างชาติ เพราะฉะนั้นกฎหมายไทยให้อำนาจคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาการใช้หรือห้ามใช้ ซึ่งคณะกรรมการวัตถุอันตรายจำนวน 29 คน เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีความรู้ทั้งนั้น ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะมาเรียกประชุมในวันเดียว แต่มีการเตรียมมาเป็นปี และมีมติการห้ามใช้สารเคมีเหล่านี้ ไม่ได้มีการกดดันใดๆ ทางการเมืองแม้แต่น้อย มติที่ออกมาให้มีการยกเลิกการใช้สารเคมีเหล่านี้ก็เป็นไปตามสำนึกความห่วงใยต่อพี่น้องและสุขภาพประชาชน

เมื่อถามว่า สถานทูตสหรัฐฯ ส่งหนังสือโดยแนบท้ายหนังสือของสภาหอการค้าสหรัฐฯ ขอให้ไทยมีการทบทวนมติแบนสารเคมี โดยเฉพาะไกลโฟเซต ไทยจะยืนยันตามมติเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนของกระทรวงสาธารณสุขยืนยันตามมติเดิม ส่วนกระทรวงอื่นก็ต้องแล้วแต่เจ้ากระทรวง เราก้าวก่ายกันไม่ได้ จริงๆ ก็ไม่ควรก้าวก่ายกัน กฎหมายใครกฎหมายมัน เมื่อถามต่อว่าจะต้องชี้แจงปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็แล้วแต่ เพราะไม่ได้ส่งหนังสือมาถึงตน และตนก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องไปชี้แจง แต่หน้าที่ของ สธ.คือรับผิดชอบสุขภาพประชาชน อะไรก็ตามที่บริโภคเข้าไปแล้วเป้นอันตรายต่อร่างกาย สัมผัสแล้วเกิดแผลพุพอง สูญเสียอวัยวะ ตรงนี้เป็นคนละเรื่องกับการค้า ซึ่ง สธ.เกี่ยวข้องกับสุขภาพชีวิตคน เรื่องการค้าไม่ใช่เรื่องที่ สธ.จะให้ความเห็นอะไรได้ หรือจะมาเปลี่ยนแปลงจุดยืนของ สธ.ได้

“ชวลิต”จี้รัฐรีบตั้งห้องแล็บด่านเชียงของตรวจผักผลไม้จีนอาจปนเปื้อสารเคมี

People Unity : “ชวลิต”จี้รัฐรีบตั้งห้องแล็บที่ด่านเชียงของใน 1 ธ.ค.62 หรือระงับการนำเข้าผัก ผลไม้จากจีนไว้ก่อน

วันที่ 25 ต.ค.2562 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม ในฐานะประธานคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฏร ให้ความเห็นภายหลังคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติแบน 3 สารพิษร้ายแรงในภาคเกษตรกรรม คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ว่า ยังมีผัก ผลไม้ ที่ไทยนำเข้าจากจีนผ่านด่านเชียงของ จ.เชียงราย ป้อนผู้บริโภคชาวกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยในปี 2561 ผัก ที่นำเข้าจากจีนผ่านด่านเชียงของ มีมูลค่า ปีละกว่า 2,600 ล้านบาท ผลไม้ มีมูลค่าปีละ 2,450 ล้านบาท สำหรับในปี 2562 แม้ยังไม่สิ้นปี ผัก มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น 23% คิดเป็นมูลค่า 3,200 ล้านบาท และผลไม้มีมูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ด่านเชียงของไม่มีห้องแล็บสำหรับสุ่มตรวจผัก ผลไม้ จากจีนว่ามีสารเคมีปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ อย่างไร นับว่าเป็นความบกพร่องของส่วนราชการในการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคอย่างยิ่ง ดังนั้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย เมื่อมีมาตรการควบคุมการใช้สารเคมีในประเทศดังที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายได้มีมติดังกล่าวแล้ว นั้น ผัก ผลไม้ ที่นำเข้าจากต่างประเทศ รัฐบาลก็ควรมีมาตรการที่จะคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากสารเคมีที่อาจปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานด้วยเช่นกัน

“จึงขอเสนอให้รัฐบาลเร่งจัดตั้งห้องแล็บที่ด่านเชียงของ จะเป็นห้องแล็บถาวร หรือเคลื่อนที่ หรือจะใช้บริการห้องแล็บจากภาคเอกชน ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้เริ่มดำเนินการสุ่มตรวจได้ในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 เช่นกัน หากไม่สามารถดำเนินการได้ภายในเวลาดังกล่าว ก็ควรระงับการนำเข้าผัก ผลไม้ จากจีนไว้ชั่วคราวจนกว่าการจัดตั้งห้องแล็บจะเรียบร้อย ทั้งนี้ เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุด” นายชวลิต กล่าว

“ธนกร”ป้อง”บิ๊กตู่” ยัน”ชิม ช้อป ใช้”ช่วยพยุงเศรษฐกิจ

People Unity : “ธนกร”ป้อง”บิ๊กตู่” ยัน”ชิม ช้อป ใช้”ช่วยพยุงเศรษฐกิจ จวก”พิชัย”ดีแต่พูด ประชาชนจำไม่ได้ด้วยซำ้เคยสร้างผลงานอะไรเอาไว้ ชูใช้เงินกระเป๋า 2 ถึง 5 หมื่น รับแคชแบ็กกลับถึง 8,500 บาท

วันที่ 25 ต.ค.2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นายพิชัย นริพทะพันธ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่าโครงการชิม ช้อป ใช้ เฟส2 ไม่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อ้างว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน แต่คิดได้แค่แจกเงินว่า ต้องทำความเข้าใจกับนายพิชัยก่อนว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลออกมามีหลายมาตรการ ชิม ช้อป ใช้ เป็นมาตรการหนึ่งเท่านั้น เป็นการทำงานเชิงรุกของภาครัฐที่ประเมินสถานการณ์และเตรียมการรับมือเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง จึงมีการวางแผนและออกแบบมาตรการพยุงเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที โดยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศผ่านการให้แรงจูงใจ ดึงผู้มีกำลังซื้อออกมาใช้จ่ายในพื้นที่ต่างๆ เกิดความคึกคักในการจับจ่าย กระจายเม็ดเงินไปยังเศรษฐกิจฐานราก และการจ้างงานต่อเนื่อง ไม่เพียงใช้แล้วหมดไป ซึ่งการใช้จ่ายงบประมาณในการสร้างแรงจูงใจจะคุ้มค่าเพราะก่อให้เกิด Multiplier Effect จากการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเศรษฐกิจไทยโดยในช่วงที่ผ่านมา

นายธนกร กล่าวอีกว่า นายพิชัยเป็นอดีตรัฐมนตรีที่ไม่เคยมีผลงานอะไรเลย เมื่อเทียบกับพล.อ.ประยุทธ์แล้วประชาชนนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่านายพิชัยเป็นใคร แต่ประชาชนทั่วประเทศรับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของพล.อ.ประยุทธ์ในการทำงานให้กับบ้านเมือง ที่ผ่านมามีผลงานมากมาย แต่นายพิชัยทำได้เพียงรับใช้นายทุนเท่านั้น อย่างอื่นตนนึกไม่ออกเลย อย่างไรก็ตาม มาตรการชิม ช้อป ใช้ เฟส2ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ซึ่งในส่วนกระเป๋า2นั้น หากใช้ 30,000 บาทจะได้แคชแบ็กถึง 15 เปอร์เซนต์ แต่หากใช้300,00บาทขึ้นไป จะได้แคชแบ็กถึง 20 เปอร์เซนต์ พูดง่ายๆ คือ หากใช้ถึง 50,000 บาทจะได้เงินแคชแบ็กคืนมาถึง 8,500 บาท ทั้งนี้ สามารถใช้ได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ทวิตเตอร์ Pichai Naripthaphan/พิชัย นริพทะพันธุ์ ระบุว่า การแจกเงินชิมช้อปใช้ ซึ่งประชาชนนำไปใช้แล้วก็หมดไป ไม่ได้สร้างความยั่งยืนทางการพัฒนา หรือ ความยั่งยืนทางรายได้ และที่สำคัญไม่ได้แก้ปัญหาการว่างงานที่จะเกิดขึ้นรวมกว่า 5 แสนคนในปีหน้าได้ นักศึกษาที่จบใหม่จะตกงานกันอย่างมาก ทั้งนี้มาจากการลงทุนที่หดหายมากว่า 5 ปี

เดินหน้าปลูกกัญชา 6 ต้น! “อนุทิน”ปลื้ม! 3 เดือนปิดจ็อบรถไฟฟ้า-แบน 3 สารพิษ

People Unity : “อนุทิน”มั่นใจโครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินไปลิ่ว ไร้อุปสรรค เผย สธ.ไม่ยุ่งเรื่องสารทดแทนแต่หากพบมีอันตรายก็ต้องแบน โชว์ความคืบหน้า 3 เดือน นโยบายกัญชาย้ำพอใจ หลาย รพ.ใช้รักษาโรค ยันไม่ทิ้งนโยบาย 6 ต้น เผยกฎหมายถึงสภาฯแล้ว ลั่นภูมิใจไทยพร้อมผลักดันสุดกำลัง

วันที่ 25 ต.ค.2562 จากการลงนามสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. มูลค่าโครงการ 224,544.36 ล้านบาท ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ที่เพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะ กล่าวว่า เป็นนิมิตหมายอันดี ที่แสดงให้เห็นว่าโครงการ EEC ไม่ใช่การขายฝัน แต่เรากำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ และมีความพร้อมในการรับการลงทุนจากทั่วโลก ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน มีความสำคัญ เพราะเป็นตัวจุดประกายความสำเร็จให้กับโครงการ EEC หลังจากการเซ็นสัญญาจะมีการจ้างงาน จะเกิดการใช้จ่ายมหาศาล เศรษฐกิจจะขยายตัว มีเงินอัดฉีดเข้าไปในระบบ และจะเกิดโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามมา

“การเจรจาจบแล้ว ถึงได้มีการลงนาม การลงนามที่มีนายกฯ เป็นประธาน มันต้องเอาจริง ต้องทำให้เสร็จ จะมาเล่นๆไม่ได้ โครงการไปได้แน่นอน และคิดว่าน่าจะเปิดใช้งานได้ตามกำหนดเวลา อย่างที่ผมเคยบอก อะไรที่ช่วยกันได้ ไม่ผิดกฎหมาย ก็ให้ช่วยเหลือกัน การตีความกฎหมาย อย่าไปตีหาอุปสรรค แต่ให้หาทางออก เพราะยิ่งทำได้เร็ว ยิ่งเกิดประโยชน์กับคนไทย”

รองนายกฯ กล่าวอีกว่า การสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โครงการกรุงเทพฯขึ้นเชียงใหม่ และกรุงเทพ ลงไปสุราษฎร์ธานีล้วนอยู่ในแผนการพัฒนา แต่ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม อย่างไรก็ตามตอนนี้ ต้องจัดการเรื่องท่าเรือ และสนามบินอู่ตะเภา เพื่อผลักดันโครงการ EEC ก่อน

เผย สธ.ไม่ยุ่งเรื่องสารทดแทนแต่หากพบมีอันตรายก็ต้องแบน

นายอนุทิน กล่าวถึงข้อสงสัยเรื่องสารทดแทน ที่จะให้ใช้แทน 3 สารที่ถูกแบน หรือ พาราควอต ไกรโฟเซต คลอร์ไพริฟอส โดยคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่า หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้หาทางรับมือไว้แล้ว แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้มีหน้าที่ตรงนี้ ต้องเรียนให้เข้าใจก่อน เราต้องดูแลสุขภาพของประชาชน ซึ่งถ้าสารทดแทน มีอันตรายต่อชีวิตประชาชน ก็ปล่อยให้ใช้ไม่ได้

ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขร่วมแรงร่วมใจในการแบนสารพิษ แสดงพลังขึ้นป้ายต่อต้านการใช้ โดยไม่ได้นัดหมาย คิดว่าบุคลากรทางการแพทย์ น่าจะเคยเห็น เคยรักษาผู้ที่ป่วยจากสารพิษ ซึ่งบางคนเนื้อเน่า ไปถึงเป็นมะเร็ง และตระหนักว่าจะปล่อยให้ใช้ต่อไปไม่ได้ นี่เป็นหลักการ ดังนั้น สารที่มาใช้แทน ถ้าเกิดมีผลกระทบกับสุขภาพคนไทย เราเดินหน้าลุยแน่ มันเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำ

เมื่อถามถึงความกังวลเรื่องกลุ่มต้านการแบนสารพิษ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกฝ่ายมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง แต่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติออกมาแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ยกเว้นศาลจะมีคำสั่งเป็นอื่น พร้อมยอมรับ ส่วนกระทรวงสาธารณสุข หน้าที่ของเรายังไม่จบ ต้องดูแลคนไทยต่อไป ให้ประชาชนได้รับการบริการด้านสุขภาพที่ดีที่สุด

ลั่นไม่ชี้แจงสถานทูตสหรัฐฯขอไทยทบทวนมติแบนสารพิษ

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่กรณีสถานทูตสหรัฐอเมริกา ทำหนังสือถึงรัฐบาลไทยเพื่อขอให้ทบทวนการแบนสารเคมีอันตราย โดยเฉพาะสารไกลโฟเซต โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า จริงๆ แล้วสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา ลงนามตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 2562 แต่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีการประชุมพิจารณาแบนสารเคมีเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำไมมีการออกหนังสือล่วงหน้ามาถึง 11 วัน เช่นนี้แสดงว่า เป็นการกดดันหรือไม่ จะมาบอกว่าจะมีปัญหาเรื่องการนำเข้า ตนคงไปว่าเขาไม่ได้ เพราะเขาห่วงเรื่องกระเป๋าของเขา ไม่ได้ห่วงสุขภาพของคนไทย เพราะฉะนั้นเราต้องมีมาตรการ ถ้ากังวลว่าจะมีสารตกค้างก็ต้องมาพิสูจน์ว่าจะนำเข้ามาโดยไม่มีสารตกค้าง แต่นี่กลัวขายของไม่ได้เลยมาบอกให้รัฐบาลยกเลิกการห้ามสารพิษเพื่อให้ใช้ได้ แล้วเราจะยอมหรือไม่

นายอนุทิน กล่าวว่า คณะกรรมการวัตถุอันตรายประชุมภายใต้กฎหมายของประเทศไทยใช่หรือไม่ หรือประชุมภายใต้กฎหมายต่างชาติ เพราะฉะนั้นกฎหมายไทยให้อำนาจคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาการใช้หรือห้ามใช้ ซึ่งคณะกรรมการวัตถุอันตรายจำนวน 29 คน เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีความรู้ทั้งนั้น ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะมาเรียกประชุมในวันเดียว แต่มีการเตรียมมาเป็นปี และมีมติการห้ามใช้สารเคมีเหล่านี้ ไม่ได้มีการกดดันใดๆ ทางการเมืองแม้แต่น้อย มติที่ออกมาให้มีการยกเลิกการใช้สารเคมีเหล่านี้ก็เป็นไปตามสำนึกความห่วงใยต่อพี่น้องและสุขภาพประชาชน

เมื่อถามว่า สถานทูตสหรัฐฯ ส่งหนังสือโดยแนบท้ายหนังสือของสภาหอการค้าสหรัฐฯ ขอให้ไทยมีการทบทวนมติแบนสารเคมี โดยเฉพาะไกลโฟเซต ไทยจะยืนยันตามมติเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนของกระทรวงสาธารณสุขยืนยันตามมติเดิม ส่วนกระทรวงอื่นก็ต้องแล้วแต่เจ้ากระทรวง เราก้าวก่ายกันไม่ได้ จริงๆ ก็ไม่ควรก้าวก่ายกัน กฎหมายใครกฎหมายมัน เมื่อถามต่อว่าจะต้องชี้แจงปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็แล้วแต่ เพราะไม่ได้ส่งหนังสือมาถึงตน และตนก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องไปชี้แจง แต่หน้าที่ของ สธ.คือรับผิดชอบสุขภาพประชาชน อะไรก็ตามที่บริโภคเข้าไปแล้วเป้นอันตรายต่อร่างกาย สัมผัสแล้วเกิดแผลพุพอง สูญเสียอวัยวะ ตรงนี้เป็นคนละเรื่องกับการค้า ซึ่ง สธ.เกี่ยวข้องกับสุขภาพชีวิตคน เรื่องการค้าไม่ใช่เรื่องที่ สธ.จะให้ความเห็นอะไรได้ หรือจะมาเปลี่ยนแปลงจุดยืนของ สธ.ได้

โชว์ความคืบหน้า 3 เดือนนโยบายกัญชายันไม่ทิ้งนโยบาย 6 ต้น

นายอนุทิน กล่าวถึงนโยบายกัญชา ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญในการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า ได้ผลักดันนโยบายนี้มาเป็นเวลา 3 เดือนเต็ม ซึ่งผลงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ จากที่กัญชาต้องอยู่ใต้ดิน ไม่มีโอกาสที่จะขึ้นมาบนดิน วันนี้จะเห็นว่าหลายโรงพยาบาลมีคลีนิคกัญชา ให้บริการใช้กัญชารักษาโรค องค์การเภสัชกรรม มีสารสกัดจากกัญชา ส่งไปยังหลายโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อใช้รักษาประชาชน

สำหรับโรงพยาบาลเอกชน สามารถประสานขอใช้ได้เช่นกัน โดยแพทย์ที่จ่ายยา ต้องผ่านการอบรมอย่างเคร่งครัด นอกจากนั้น หมอพื้นบ้าน มีโอกาสนำสูตรยากัญชามาขึ้นทะเบียน ระหว่างการใช้รักษา ได้มีการจดบันทึกผลการรักษาอยู่ตลอด นี่คือรูปธรรมที่เกิดขึ้น เป็นความพยายามเปลี่ยนกัญชาจากผู้ร้ายให้เป็นพระเอก ส่วนกัญชง ได้ออกประกาศ ให้ขึ้นมาอยู่บนดินแล้ว เราพยายามทำอย่างเต็มที่

นายอนุทิน กล่าวต่อว่าเรื่อง 6 ต้นที่เคยหาเสียงไว้ จำเป็นต้องมีการแก้กฎหมาย เพราะมันไม่เหมือนเรื่องการใช้ทางการแพทย์ ที่สามารถใช้อำนาจของรัฐมนตรีแก้ไขได้เลย แต่นโยบาย 6 ต้น เกี่ยวพันกับหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ต้องแก้กฎหมาย ผ่านสภา ซึ่งได้นำกฎหมายเข้าไปแล้ว 2 ฉบับ นายชวน หลักภัย ประธานสภา มารับเรื่องด้วยตนเอง เท่ากับนับ 1 แล้ว จากนี้ กระบวนการจะเป็นไปตามขั้นตอน เราเดินหน้าอย่าวรัดกุม รอบคอบ มันมีเรื่องต้องพิจารณามากมาย เราลุยแน่ ขอให้ใจเย็น

“สมมุติ ถ้าทำนโยบายกัญชาแบบไม่รอบคอบ ปล่อยให้ประชาชนพกสารสกัดกัญชาไปไหนมาไหน แล้วพกไปต่างประเทศแบบไม่มีความรู้ เผลอนำเข้าไปในประเทศที่ยังให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ หากถูกจับได้ แม้จะอธิบายว่าไม่ตั้งใจ แต่ก็ต้องโดนโทษหนักมาก ถ้าเราไม่อยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้ มันต้องทำนโยบาย และวางมาตรการอย่างรอบคอบที่สุด แต่ขำย้ำว่า ถึงมันจะยาก แต่พรรคภูมิใจไทยต้องพยายาม”

นายอนุทิน กล่าวทิ้งท้ายว่า นโยบายกัญชา หลักใหญ่คือต้องเป็นไปเพื่อการรักษาโรค เมื่อทำสำเร็จ กัญชากลายเป็นพระเอก การดำเนินนโยบายต่อไปจะง่ายทันที ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ นโยบายนี้ ไม่ใช่แค่ฝ่ายการเมืองขยับ แต่ข้าราชการก็ทำงานเต็มที่ ไม่มีเกียร์ว่าง เพราะรัฐมนตรีมาด้วยความวางใจของประชาชน ต้องตอบแทนประชาชน ต้องทำงาน ให้เกิดผลจับต้องได้ โดยอาศัยการขับเคลื่อนของข้าราชการอีกต่อหนึ่ง ดังนั้น จึงไม่มีข้าราชการที่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชามแน่นอน

Verified by ExactMetrics