วันที่ 24 พฤศจิกายน 2024

พบคนไทยที่หายตัวไปที่ย่านอิแทวอนแล้ว ปลอดภัยดี

Onlookers, police and paramedics gather where dozens of people suffered cardiac arrest, in the popular nightlife district of Itaewon in Seoul on October 30, 2022. - Dozens of people suffered from cardiac arrest in the South Korean capital Seoul, after thousands of people crowded into narrow streets in the city's Itaewon neighbourhood to celebrate Halloween, local officials said. (Photo by JUNG YEON-JE / AFP)

People Unity News : 31 ตุลาคม 2565 โฆษก ก.ต่างประเทศ เผยพบแล้ว อีก 1 คนไทยร่วมงานฮาโลวีนอิแทวอน ที่เพื่อนแจ้งหายตัว ปลอดภัยดี ส่วนผู้เสียชีวิตยังคง 1 รายเท่าเดิม

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าเหตุโศกนาฏกรรมในเทศกาลคืนวันฮาโลวีน ที่ย่านอิแทวอน กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้รายงานข้อมูลเมื่อคืนที่ผ่านมา (30 ต.ค.) ยืนยันว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างน้อย 153 คน บาดเจ็บ 133 คน ผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวไทย 1 ราย

“ส่วนคนไทยอีก 1 รายที่เพื่อนแจ้งต่อสถานทูตไทยว่าหายตัวไปหลังจากร่วมงานดังกล่าว ล่าสุดทราบว่าคนไทยรายนี้ปลอดภัยดี อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ขอแนะนำให้คนไทยในเกาหลีใต้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปท่องเที่ยวในงานเฉลิมฉลองที่อาจจะมีความหนาแน่นในช่วงนี้” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว

นายธานี กล่าวว่าสามารถติดต่อสอบถาม หรือตรวจสอบเกี่ยวกับคนสูญหายได้ที่ช่องทางของทางการเกาหลีใต้ หมายเลขโทรศัพท์ 02 2199 8660 ส่วนคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ สามารถติดต่อมายังเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน 010-6747-0095, 010-3099-2955 ได้ตลอดเวลา

Advertisement

ด่วน!! ทูตไทยแจ้งมีคนไทยเสียชีวิต 1 ราย อีก 1 รายยังหาไม่พบ

People Unity News : 30 ตุลาคม 2565 นายบัญชา ยืนยงจงเจริญ อัครราชทูต สถานทูตไทย ณ กรุงโซล ให้สัมภาษณ์ได้รับแจ้งมีคนไทยเสียชีวิตจากเหตุเหยียบกันตาย เป็นผู้หญิง อายุ 27 ปี กำลังตรวจสอบกับตำรวจเกาหลีใต้ และ รพ. เพื่อประสานครอบครัวและญาติทราบ ส่วนผู้บาดเจ็บยังไม่มีรายงานเพิ่มเติม ได้รับรายงานมีคนไทยอีกคนยังหาไม่พบ เร่งประสานตามตัว

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิต ล่าสุดอยู่ที่ 151 ราย บาดเจ็บ 82 ราย ทางการเกาหลีเร่งตรวจสอบสาเหตุ จากรายงานข่าวไม่ได้เกิดจากเพลิงไหม้ แต่เนื่องจากผู้คนจำนวนมากเบียดเสียดกันไปฉลองฮาโลวีน ประกอบกับถนนแคบ ทำให้เกิดเหตุสลด ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น

หากต้องการความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตฯ ติดต่อเบอร์ฮอตไลน์ 010 6747 0095 หรือ 010 3099 2995 ตลอด 24 ชม.

Advertisement

เกาหลีใต้ไว้อาลัยทั่วประเทศโศกนาฏกรรมอิแทวอน

People Unity News : 30 ตุลาคม 2565 ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้ ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศและลดธงครึ่งเสา หลังเกิดเหตุเบียดและเหยียบกันเสียชีวิตที่ย่านอิแทวอน ขณะที่ผู้คนไปฉลองเทศกาลฮาโลวีนเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตแล้ว 151 คน เป็นชาวต่างชาติ 19 คน

ประธานาธิบดียุนแถลงจากทำเนียบประธานาธิบดีในวันนี้โดยมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศว่า เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างแท้จริง โศกนาฏกรรมและภัยพิบัติเมื่อวันเสาร์เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก รัฐบาลจะกำหนดให้ช่วงเวลาตั้งแต่วันนี้ไปจนกว่าเหตุการณ์จะเรียบร้อย เป็นช่วงเวลาไว้อาลัยระดับประเทศ และจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกต่อมาตรการฟื้นฟูและเยียวยา รัฐบาลจะสนับสนุนการตระเตรียมพิธีศพและให้บริการทางการแพทย์อย่างเต็มที่ในการรักษาผู้บาดเจ็บ สิ่งสำคัญที่สุดคือการหาสาเหตุและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก เขาจะสั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องเร่งทบทวนการจัดงานฉลองเทศกาลฮาโลวีนและเทศกาลอื่นๆ ให้มีระเบียบและปลอดภัย และได้สั่งการให้หน่วยงานราชการทุกแห่งลดธงครึ่งเสา ผู้นำเกาหลีใต้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุทันทีที่เสร็จสิ้นการแถลง ก่อนเดินทางไปประชุมหามาตรการรับมือต่อไป

หน่วยดับเพลิงเขตยงซาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของย่านอิแทวอน แหล่งบันเทิงยามค่ำคืนชื่อดังของกรุงโซล แถลงว่า ยอดผู้เสียชีวิตนับจนถึงเวลา 09:00 น.วันนี้ตามเวลาเกาหลีใต้ ตรงกับเวลา 07:00 น.วันนี้ตามเวลาไทยเพิ่มเป็น 151 คนแล้ว เป็นชาย 54 คน หญิง 97 คน ในจำนวนนี้ 19 คนเป็นชาวต่างชาติ เช่น อิหร่าน อุซเบกิสถาน จีน นอร์เวย์ และมีผู้บาดเจ็บ 82 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 19 คน ผู้ประสบเหตุส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นตอนปลายและคนวัย 20 ปีเศษ เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับระบุว่า โศกนาฏกรรมเบียดและเหยียบกันตายครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ที่ตรอกทางลาดใกล้โรงแรมแฮมิลตัน ขณะที่ผู้คนจำนวนมากกำลังฉลองเทศกาลฮาโลวีนที่จัดขึ้นในกรุงโซลเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังจากเกาหลีใต้ยกเลิกมาตรการจำกัดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

Advertisement

ไทยครองอันดับ 5 เอเชีย “ประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2022”

People Unity News : 16 ตุลาคม 2565 โฆษกรัฐบาล เผยไทยเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชีย และอันดับที่ 2 ของอาเซียนในการจัดอันดับ “ประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2022” โดย usnews.com

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไทยได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชีย และอันดับที่ 2 ของอาเซียน และอันดับที่ 28 ของโลกสำหรับประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2022 (U.S. News & World Report Best Countries Rankings) ของ usnews.com เว็บไซต์ที่จัดอันดับความนิยมด้านต่างๆ (https://www.usnews.com/news/best-countries/rankings) ซึ่งพบว่า จากผลสำรวจทั้งหมด 85 ประเทศทั่วโลกในปี 2022 ประเทศที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลกคือ สวิตเซอร์แลนด์ และอันดับ 2 ถึง 5 เรียงตามลำดับ คือ เยอรมนี แคนาดา สหรัฐอเมริกา และสวีเดน สำหรับ 5 อันดับสูงสุดของ ทวีปเอเชียได้แก่ ญี่ปุ่น อันดับ 6, จีน อันดับ 17, สิงคโปร์ อันดับ 19, เกาหลีใต้ อันดับ 20 และประเทศไทย อันดับที่ 28

การจัดอันดับประเทศที่ดีที่สุดในโลกโดยรวมจะวัดประสิทธิภาพด้วยตัวชี้วัดที่หลากหลาย การสำรวจนี้แบ่งเป็น 10 หัวข้อ ได้แก่ ความสามารถในการปรับตัวของประเทศ สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อผู้ประกอบการ คุณภาพชีวิต ความมีเอกลักษณ์ สิทธิทางสังคม อิทธิพลทางวัฒนธรรม การเปิดกว้างต่อธุรกิจ สถานะของประเทศในเวทีโลก การท่องเที่ยว และมรดกทางวัฒนธรรม

“ต่างชาติมีมุมมองและมีทัศนคติที่ดีต่อประเทศไทย มีจุดสนใจที่เป็นบวก ซึ่งเป็นที่นิยมชมชื่นของชาวโลก เป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเชื่อมั่นว่าปัจจัยที่จะทำให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จ นอกเหนือจากความมีชื่อเสียงของไทย ทั้งความเป็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรม และศักยภาพทางเศรษฐกิจที่เป็นศูนย์กลางสำคัญของภูมิภาคแล้ว สิ่งที่สำคัญคือทรัพยากรมนุษย์ของไทยที่มีความสามารถไม่แพ้ชาติใด รวมถึงมิตรไมตรีของคนไทย ความมีน้ำใจของทุกคน นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าหากคนไทยร่วมใจกัน จะสามารถพัฒนาชาติก้าวข้ามผ่านทุกวิกฤตได้อย่างแน่นอน” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

 

กรมอุตุฯ เตือน ฉ.4 พายุดีเปรสชันจ่อทวีกำลังเป็นโซนร้อน

People Unity News : 14 ตุลาคม 2565 กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือน พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน ส่งผลให้ไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้นบริเวณภาคอีสาน ตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.-ปริมณฑล

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา “พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง” ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2565

เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (14 ต.ค. 65) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 527 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 14.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้มีแนวโน้มจะมีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในระยะต่อไป คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ในวันที่ 14-15 ต.ค. 65 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับอย่างรวดเร็ว

ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 14-15 ต.ค. 65 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ประกาศ ณ วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 05.00 น

Advertisement

อุตุฯ เตือนรับมือฝนถล่ม-อุณหภูมิลด 1-5 องศาฯ

People Unity News : 10 ตุลาคม 2565 อุตุฯ เตือนฉบับ 4 รับมือฝนถล่ม-อุณหภูมิลด 1-5 องศาฯ

กรมอุตุฯ เตือนฉบับที่ 4 อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน ภาคอีสาน อุณหภูมิจะลดลง 3-5  องศาฯ ขณะที่ภาคเหนือ กลาง และตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาฯ ขณะที่ภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมาก

Advertisement

ปลัด มท.สั่งทุกพื้นที่ทำสงครามกับยาเสพติด พบเบาะเเสโทร.1567

People Unity News : วันนี้ (9 ต.ค.65) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย ได้เเจ้งให้ทุกจังหวัดเร่งขยายผลและเพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันเเละเเก้ไขปัญหายาเสพติด พร้อมขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนร่วมเป็นพันธมิตรของฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าระวังเเละช่วยเป็นหูเป็นตาในการแจ้งเบาะเเส โดยสามารถเเจ้งเบาะเเส หรือร้องเรียนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือโทรศัพท์สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ทันทีที่พบเห็น หรือทราบเบาะเเส

ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทุกพื้นที่เฝ้าระวังการกระทำความผิดทุกรูปแบบ หากสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ให้เร่งทำการขยายผล รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อระดมสรรพกำลังในการดำเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในทุกพื้นที่ นอกจากนี้ ขอให้ทุกจังหวัดและอำเภอ รวมถึงภาคีเครือข่าย ช่วยประชาสัมพันธ์ช่องทางการเเจ้งเบาะเเส หรือการร้องเรียนที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 โทรฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง หากพบเห็นการกระทำความผิด หรือบุคคลที่มีพฤติกรรมอาจก่อให้เกิดภัยแก่สังคม ให้รีบเเจ้งทันที เพื่อจะได้ดำเนินการตามข้อร้องเรียนอย่างเร่งด่วนต่อไป

Advertisement

นายกฯ สั่งย้ำเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ทุกด้าน

People Unity News : 8 ตุลาคม 2565 โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ย้ำจังหวัด-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เฝ้าระวังระดับน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ในทุกด้าน แจ้งเตือนประชาชนให้ทราบอย่างทันท่วงที

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์น้ำทั่วประเทศอย่างใกล้ชิดรวมถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งขณะนี้มีน้ำหลากจากทางตอนเหนือไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งล่าสุด สถานการณ์ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ +17.64 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับเก็บกัก 1.14 (+16.50 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง) ทั้งนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพความมั่นคงของบานระบายน้ำและตัวเขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทานจำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ +17.60 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งจะส่งผลทำให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอยู่ในอัตรามากกว่า 2,900-3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2565 รวมทั้งกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้คาดการณ์ระดับน้ำทะเลหนุน ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณกองบัญชาการกองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร ป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ จังหวัดสมุทรปราการ และพื้นที่ใกล้เคียง จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติด้วย โดยระดับน้ำจะมีความสูงประมาณ 1.90-2.20 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ในช่วงวันที่ 8-13 ตุลาคม 2565

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่อาจได้รับผลกระทบจากระดับน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่บริเวณพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี และอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอป่าโมก และอำเภอไชโย คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล อำเภอเสนา และอำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.10-0.15 เมตร รวมทั้งบริเวณตั้งแต่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 0.15-0.30 เมตร

“นายกรัฐมนตรีขอให้จังหวัดในพื้นที่ดังกล่าว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมรับมือในทุกด้าน เพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ รวมทั้งเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที ขณะเดียวกันให้มีการปรับแผนบริหารจัดการน้ำ อ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ รวมทั้งใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเป็นแก้มลิงหน่วงน้ำและรองรับน้ำหลาก เพื่อบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ สำหรับเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ขอให้บริหารจัดการน้ำโดยใช้ระบบชลประทานในการนำน้ำเข้าคลองต่างๆ ทั้งด้านฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้ได้มากที่สุด ตามศักยภาพคลองชลประทานในแต่ละช่วงเวลาที่สามารถรองรับได้ ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาในเขตจังหวัดชัยนาทและอุทัยธานี ให้เตรียมป้องกันระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ และสิ่งสำคัญคือ การประชาสัมพันธ์ข้อมูลเพื่อแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ แนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร และพื้นที่จุดเสี่ยงบริเวณที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำให้รับทราบล่วงหน้า เพื่อประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวสามารถเตรียมความพร้อมรับมือได้กับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

อย่าเชื่อ! เฟคนิวส์ ข่าวลือ พายุเนสาท จ่อเคลื่อนเข้าไทย 12 ต.ค.นี้

People Unity News : 7 ตุลาคม 2565 จากกรณีการแชร์ภาพและข้อความต่อๆกันในโลกออนไลน์ ระบุว่าพายุลูกถัดไปจะก่อตัวในวันที่ 12 ต.ค.นี้ คาดว่าน่าจะใช้ชื่อว่า “เนสาท” ซึ่งจะกระทบทุกภาคของประเทศ โดยภาคอีสานจะได้รับผลกระทบหนักสุด

กรมอุตุนิยมวิทยา ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่ได้มีที่มาจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา หากมีแนวโน้มว่าจะเกิดสภาพอากาศร้ายแรง หรือมีพายุหมุนเขตร้อนเกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก หรือทะเลจีนใต้ และมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย จะประกาศเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน

พร้อมคาดการณ์ว่าช่วงวันที่ 9 -12 ต.ค. 65 มวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้มีฝนตกหนัก กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งเกิดขึ้นได้

จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1 – 3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งอากาศเย็นดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตัวของพายุ หรือหากมีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุ อาจจะอ่อนกำลังลงและสลายตัวก่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม โอกาสที่จะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยและมีผลกระทบนั้นมีน้อยมาก

Advertisement

ทบ.เร่งช่วย ปชช.รับมือพายุโนรู ช่วยชาวนาเก็บเกี่ยวผลผลิตหนีน้ำ เปิดค่ายทหารให้ตากข้าว

People Unity News : 27 กันยายน 2565 ทบ.เร่งช่วยประชาชนรับมือพายุโนรู เปิดค่ายทหารตากข้าวช่วยชาวนา พร้อมช่วยเก็บเกี่ยวผลผลิตหนีน้ำ

พ.อ. หญิง ศิริจันทร์ งาทอง  รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก  ได้ขอบคุณกำลังพลในทุกพื้นที่ที่เข้าช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์อุทกภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ปัจจุบันยังคงต้องเฝ้าระวังอิทธิพลของพายุโนรู ที่จะส่งผลกระทบกับพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ทำให้มีฝนตกหนักในสัปดาห์นี้ โดยกำชับให้เน้นเรื่องการลดผลกระทบ และรักษาทรัพย์สินของประชาชนมิให้เสียหายจากอุทกภัย พร้อมดูแลช่วยเหลือให้อยู่บนพื้นฐานเกี่ยวกับปัจจัย 4  คือ ที่อยู่อาศัย อาหาร การแพทย์ รวมทั้งเครื่องมือในการประกอบอาชีพ เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างปกติ

ส่วนเกษตรกรโดยเฉพาะชาวนาที่เดือดร้อนจากอุทกภัย ให้หน่วยทหารทุกพื้นที่เข้าดูแลช่วยเหลือตามแนวทางที่กองทัพบกเคยดำเนินการ ได้แก่ การช่วยเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนเกิดอุทกภัย หรือการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ถูกน้ำท่วมเพื่อลดความเสียหาย รวมทั้ง “เปิดค่ายตากข้าวช่วยชาวนา” โดยใช้พื้นที่ว่าง อาคาร โรงรถ ถนนในค่ายทหารเป็นพื้นที่ตากข้าวลดความชื้นรักษาคุณภาพข้าวให้กับเกษตรกร

Advertisement

Verified by ExactMetrics