วันที่ 19 กันยายน 2024

เชิญเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาล กิจกรรมเพียบ

People unity news online : ทำเนียบรัฐบาลเชิญชวนเด็กและเยาวชนร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติปี 2561 ภายใต้แนวคิด เด็กไทยก้าวไกล ด้วยเทคโนโลยี

วันนี้ (8 มกราคม 2561) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรี คณะผู้บริหาร คณะกรรมการจัดงานฯ ร่วมในพิธีเปิดงาน ด้วยการตัดริบบิ้นปล่อยป้ายผ้าแพร และการแสดงของนักเรียนโรงเรียนวัดนวลนรดิศ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีนำเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ และเด็กจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีความซื่อสัตย์หรือเด็กกตัญญู รวมถึงเด็กพิเศษหรือเด็กด้อยโอกาส จำนวน 20 คน ไปเยี่ยมชมห้องทำงานของนายกรัฐมนตรีเพื่อถ่ายภาพหมู่ร่วม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะให้โอวาทและถ่ายภาพร่วมกับเด็กและเยาวชน ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) และร่วมรับชมการแสดงประเภทเต้น Classical Troupe การชมวิดีทัศน์นำเสนอผลงานเด็กไทยที่ได้รับรางวัล ฯลฯ และจะเดินเยี่ยมชมกิจกรรมรอบๆบริเวณภายในและบริเวณสนามด้านหน้าของตึกสันติไมตรี ซึ่งกระทรวงและหน่วยงานต่างๆได้จัดเตรียมไว้ให้เด็กและเยาวชนได้รับความรู้และความสนุกสนาน เป็นจำนวนมาก

วันเด็กปีนี้ นอกจากเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้นั่งถ่ายภาพที่โต๊ะทำงานของนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้าเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมานั้น จะมีการเปิดตึกภักดีบดินทร์ (ตึกรับรอง/ประชุมหลังใหม่)  ให้เด็กและเยาวชนได้เข้าเยี่ยมชมเป็นครั้งแรกอีกด้วย

สำหรับกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในทำเนียบรัฐบาลนั้นมีความหลากหลาย อาทิ การจำลองห้องรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ให้เด็กและเยาวชนได้ทดลองอ่านข่าว การแสดงดนตรีของโรงเรียน music for Fun การแสดงระบำกรับ การแสดงเต้น Modern Troupe ของศิลปินไทยทีวีสีช่อง 3 มายากล และคณะตลกที่จะมาให้ความบันเทิง  ตลอดจนกิจกรรมซุ้มเกมเสริมสร้างความรู้ภายใต้แนวคิด “เด็กไทย โตไปไม่โกง” การร่วมสนุกกับศิลปิน AF และ The Voice กิจกรรมต่างๆของไปรษณีย์ เช่น เกมจับคู่ภาพ จับผิดภาพ ต่อจิ๊กซอว์ภาพแสตมป์น่ารู้  เกมส์ออนไลน์  เน็ตประชารัฐ เป็นต้นนอกจากนี้  จะมีกิจกรรมเกี่ยวกับหุ่นยนต์ให้เด็กและเยาวชนได้มีการประกอบหุ่นยนต์ ออกแบบรถยนต์และพิมพ์  กิจกรรมหุ่นยนต์อัตโนมัติ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอย  พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง ระบบคลังข้อมูลดิจิทัล  เกมรามเกียรติ์  กิจกรรมชวนเล่น ชวนลอง สมองหุ่นยนต์  กิจกรรมเครื่องฝึกจำลองการเดินเรือแบบเคลื่อนย้ายได้

พร้อมกันนี้ จะมีการให้บริการตัดผมฟรี  ตรวจสุขภาพช่องปาก/ทันตบริการ การสอนปฐมพยาบาลและช่วยชีวิตเบื้องต้น  กิจกรรมแป้งปั้นเสริมสร้างพัฒนาเด็ก กิจกรรมการเรียน การสอน เล่านิทาน วาดภาพ ระบายสี  กิจกรรมจิตอาสา เล่นเกมส์ ตอบคำถาม ตลอดจนการแจกของขวัญ ของรางวัล อาหาร ขนม และเครื่องดื่มจากหน่วยงานต่างๆด้วย

People unity news online : post 8 มกราคม 2561 เวลา 22.50 น.

เผยรายละเอียดมติ ครม. โครงการบ้านฅนไทย เพื่อผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

People unity news online : ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการบ้านฅนไทย เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนที่ดินราชพัสดุ

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2561 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งที่ประชุม ครม. ได้มีการพิจารณา “โครงการบ้านฅนไทย” โดยมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ดังนี้

  1. กรอบการดำเนินโครงการบ้านฅนไทย
  2. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน แยกบัญชีโครงการบ้านฅนไทย เป็นบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) โดยไม่ขอรับการชดเชยจากรัฐบาลและขอนำผลกระทบรายได้และค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการบ้านฅนไทยมาปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ และขอไม่นับรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs) ที่เกิดจากการดำเนินโครงการฯ เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน (กรณี % NPLs ที่เกิดขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ย NPLs  ของธนาคารในภาพรวม) และขอนำผลกระทบต่อรายได้และค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการบวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงาน (การคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายของธนาคาร คือ ต้นทุนเงินฝากบวก 0.25% (เงินนำส่งกองทุนฯ) บวกต้นทุนดำเนินงาน)

สาระสำคัญของเรื่อง

โครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุระยะที่ 2 (บ้านฅนไทย)

กระทรวงการคลังได้สำรวจที่ดินราชพัสดุทั่วประเทศเพื่อนำมารองรับการดำเนินโครงการ “บ้านฅนไทย” โดยในเบื้องต้น กระทรวงการคลังได้คัดเลือกที่ดินราชพัสดุที่มีความเหมาะสม และไม่เป็นที่ดินที่ได้มาจากการเวนคืน จำนวน 8 แปลง ครอบคลุม 4 ภาค เพื่อนำมาดำเนินโครงการฯ  โดยมีวัตถุประสงค์  เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนที่ดินราชพัสดุ

ประเภทที่อยู่อาศัย : กระทรวงการคลังได้กำหนดรูปแบบการก่อสร้างโครงการบ้านฅนไทยเป็นประเภทที่อยู่อาศัย 3 รูปแบบ ประกอบด้วย (1) บ้านแฝด พื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร (2) บ้านแถว พื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร  และ (3) อาคารชุดพักอาศัย พื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร ในระดับราคา 350,000 – 700,000 บาทต่อหน่วย

กลุ่มเป้าหมาย : 1) ประชาชนที่อยู่ในทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกับกระทรวงการคลัง 2) ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน 3) ประชาชนทั่วไป (ธนาคารไม่ต้องสนับสนุนดอกเบี้ย) โดยพิจารณากลุ่มเป้าหมายลำดับที่ 1 ก่อน เมื่อ Supply เหลือจึงพิจารณากลุ่มเป้าหมายที่ 2 และ 3 ตามลำดับต่อไป

คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ : ผู้มีสัญชาติไทย

มาตรการสินเชื่อ : กรอบวงเงินโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท

(1) สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย  (Pre Finance) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนปีที่ 1 ถึงปีที่ 3 ร้อยละ 3 ต่อไป หลังจากนั้น MLR – ไม่เกินร้อยละ 1 ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 5 ปี  เพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้ผู้ประกอบการและหรือบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด  ที่เข้าร่วมพัฒนาโครงการ

(2) สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนปีที่ 1 ถึงปีที่ 4      ร้อยละ 2.75 ต่อปี หลังจากนั้น กรณีรายย่อย MRR – ร้อยละ 0.75 ต่อปี หรือกรณีสวัสดิการหักเงินเดือน MRR – ร้อยละ1.00 ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี และผ่อนปรนการกำหนดอัตราส่วนรายจ่ายในการชำระหนี้ต่อรายได้ต่อเดือน (Debt Service Ratio : DSR) หรืออัตราส่วนภาระผ่อนชำระหนี้รวมต่อรายได้สุทธิรวม (Debt to Income Ratio : DTI) ตามที่ธนาคารกำหนด โดยมีวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุในระดับราคา 350,000-700,000 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้  ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสินพิจารณาขยายวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม

รูปแบบ : โครงการการผ่อนชำระสู่การเช่าระยะยาว (Rent to Lease) กรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเป็นของผู้ได้รับสิทธิอยู่อาศัย และผู้ได้รับสิทธิพัฒนาโครงการ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1) พื้นที่โครงการ ที่ราชพัสดุครอบคลุมทุกภาคทั่วประเทศ

2) ราคาที่อยู่อาศัยในระดับราคา 350,000 – 700,000 บาท ต่อหน่วย

3) บ้านแฝด/บ้านแถว/อาคารชุดพักอาศัยมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตรต่อหน่วย

4) กำหนดให้มีการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางไม่เกินร้อยละ 30 ของพื้นที่โครงการฯ เพื่อรองรับกิจกรรมต่างๆที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของท้องถิ่น  และ/หรือเป็นประโยชน์ต่อโครงการฯ

5) การคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิพัฒนาโครงการจะพิจารณาผู้ที่เสนอเงื่อนไขที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทางราชการมากที่สุด

ทั้งนี้  การดำเนินโครงการในแต่ละพื้นที่จะมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมพัฒนาโครงการฯ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และจัดทำแผนบริหารโครงการฯตลอดอายุโครงการ  ส่วนกระทรวงการคลังจะพิจารณาผ่อนปรนอัตราค่าเช่า ค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขต่างๆในการดำเนินโครงการ “บ้านฅนไทย” โดยพิจารณาความเป็นไปได้ภายใต้หลักกฎหมายและระเบียบกระทรวงการคลังที่กำหนด

People unity news online : post 5 มกราคม 2561 เวลา 10.40 น.

 

สธ.ห่วง “ตูน” ส่งทีมแพทย์ รถพยาบาลติดตามตลอดเส้นทาง

People unity news online : เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2560 ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีที่สังคมออนไลน์สงสัยว่า เงินที่ร่วมบริจาคโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 รพ.ทั่วประเทศ ให้กับ คุณอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม เป็นเงินงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขนั้น ขอเรียนว่า เงินทั้งหมดเป็นเงินที่มาจากการบริจาคเงินส่วนตัวของบุคลากรชาวสาธารณสุขที่ชื่นชมและขอบคุณคุณตูน ต้องการมีส่วนร่วมในโครงการนี้ด้วย เช่นเดียวกับประชาชนทั้งประเทศ และจากกิจกรรมที่หน่วยงานสาธารณสุขจัดขึ้น เช่น การประมูลเสื้อ หมวก รวมกันนำไปมอบให้คุณตูน

แพทย์หญิงพรรณพิมลกล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขขอส่งกำลังใจให้คุณตูนมีสุขภาพแข็งแรง และทำตามปณิธานที่ตั้งไว้ให้สำเร็จ ในส่วนกระทรวงสาธารณสุขนั้นได้จัดทีมแพทย์ เจ้าหน้าที่ และรถพยาบาล ตามไปกับขบวนวิ่งคุณตูนตลอดเส้นทาง แม้ว่าทีมงานจะมีการเตรียมพร้อมมาอย่างดีแล้วก็ตาม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยังคงมีความห่วงใยสุขภาพคุณตูน ที่วิ่งหนักมากและหาวันพักได้ยาก ต้องดูแลตัวเองให้ดี รู้สภาพร่างกายของตัวเอง อย่าฝืน เพราะคุณตูนยังมีชีวิตที่สามารถทำสิ่งดีๆ เพื่อประเทศและประชาชนได้อีกมาก การดูแลสุขภาพตนเองเป็นเรื่องที่สำคัญ

People unity news online : post 8 ธันวาคม 2560 เวลา 02.20 น.

กองทุนพัฒนาสื่อฯร่วมหนุน ททท.ใช้โซเชียลมีเดียส่งเสริมการท่องเที่ยว

People unity news online : กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ หนุนเสริมภาคีเครือข่ายผู้ผลิตสื่อโซเชียลมีเดีย และสื่อมวลชน 20 จังหวัดภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในงานการประชุมแลกเปลี่ยนสร้างเครือข่าย “เสริมสร้างศักยภาพตลาดการท่องเที่ยวสมัยใหม่ (Modern Marketing) และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจการท่องเที่ยวผ่านโซเชียลมีเดีย โดยใช้โทรศัพท์มือถือ”

นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ รับเชิญเป็นวิทยากรให้ความรู้ความเข้าใจในหัวข้อ “ภารกิจขององค์กร กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” มีสื่อมวลชน เน็ตไอดอล ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงาน ททท. ในภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ความสนใจและเข้าร่วมฟังจำนวนกว่า 150 คน ในงานการประชุมแลกเปลี่ยนสร้างเครือข่าย “เสริมสร้างศักยภาพตลาดการท่องเที่ยวสมัยใหม่ (Modern Marketing) และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจการท่องเที่ยวผ่านโซเชียลมีเดีย โดยใช้โทรศัพท์มือถือ” และการทำโซเชียลมีเดียเพื่อการประชาสัมพันธ์ โดยมี นายสมชาย ชมพูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นผู้ริเริ่มจัดกิจกรรม และได้รับเกียรติจาก นายชีพธรรม (ไตร) คำวิเศษณ์ เป็นผู้จัดหลักสูตรการอบรม ณ โรงแรม เดอะ พรรณราย จังหวัดอุดรธานี เมื่อเร็วๆนี้

People unity news online : post 27 พฤศจิกายน 2560 เวลา 23.20 น.

คลอดแล้ว!งบกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัย-สร้างสรรค์ปี 61 เปิดรับขอทุนรอบแรก ม.ค.61

People unity news online : พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ครั้งที่ 7/2560 ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนงบประมาณประจำปี 2561 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

แผนงบประมาณประจำปี 2561 จำนวน 1,048,738,000 บาท ได้กำหนดกรอบการจัดสรรเพื่อการขับเคลื่อนการทำงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 การสนับสนุนและการให้ทุนจากกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกองทุน จำนวน 917,440,000 บาท ส่วนที่ 2 การดำเนินโครงการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ โดยสำนักงานกองทุน (ภายใต้แผนงาน/โครงการ ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสทช. ในปี พ.ศ.2560 จำนวน 3 แผนงาน 7 โครงการ) จำนวน 26,500,000 บาท และส่วนที่ 3 การดำเนินงานตามภารกิจปกติ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของกองทุน สร้างระบบและความเข้มแข็งขององค์กร (การสื่อสารเพื่อขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์สู่สังคม และการสนับสนุนดำเนินตามภารกิจปกติของกองทุน) จำนวน 104,798,000 บาท

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า การสนับสนุนและการให้ทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 จะดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนกองทุนฯทั้งสามด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การส่งเสริมและสนับสนุนภาคีเครือข่ายในการผลิต พัฒนาและเผยแพร่สื่อปลอดภัยและและสร้างสรรค์ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างองค์ความรู้ให้ประชาชนใช้สื่ออย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ และยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาและส่งเสริมกลไกให้เกิดการรู้เท่าทัน และเฝ้าระวังสื่อไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์ รวมจำนวน 885,000,000 บาท

ในปีงบประมาณ พ.ศ.2561 จำแนกการให้ทุนเป็น 2 ประเภทคือ แบบเปิดทั่วไป (Open Grant) และแบบให้ทุนสนับสนุนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Grant) โดยจะมีการเปิดให้ทุนจำนวน 2 รอบ รอบที่ 1 จะเปิดให้ทุนประมาณเดือนมกราคม 2561 ส่วนรอบที่ 2 จะเปิดให้ทุนประมาณเดือนมิถุนายน 2561

People unity news online : post 22 พฤศจิกายน 2560 เวลา 17.15 น.

“ศรีสะเกษ” ไปให้แรงบันดาลใจนักมวยนักเรียนจากจังหวัดชายแดนใต้

People unity news online : พล.ต.พงษ์ศักดิ์ มาอินทร์ ฝ่ายอำนวยการ รองหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์) ได้นำนักเรียนกีฬามวย ซึ่งเป็นเยาวชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษา “โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้” ซึ่งเป็นนักเรียนในโครงการประเภทกีฬามวย 20 คน เข้าโครงการคลินิกมวยไทย-สากล หวังพัฒนาต่อยอดสู่ความเป็นเลิศทางด้านกีฬามวย เรียนรู้ทักษะชีวิต สร้างความรักความสามัคคี และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ระหว่างวันที่ 28 กันยายน-18 ตุลาคม 2560 ณ สนามฝึกซ้อมกีฬามวย กรมสวัสดิการทหารบก กรุงเทพมหานคร โดยได้รับเกียรติจากแชมป์โลก WBC ชื่อดังของโลก “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” มาให้กำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจให้มุ่งมั่นพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นเลิศ พร้อมทั้งมอบผลไม้ให้แก่นักเรียนในโครงการ เมื่อวันที่14 ตุลาคม 2560 เวลา 14.00 น.

“ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” กล่าวว่า จากการที่ได้มาพูดคุยกับนักเรียนในวันนี้ น้องๆมีความมุ่งมั่นตั้งใจ และขยันฝึกซ้อมมากๆ เชื่อมั่นว่านักเรียนในโครงการจะเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ และขอเป็นกำลังใจให้กับน้องๆนักเรียนในโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคนด้วย

ทั้งนี้ โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ เป็นโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างโอกาสให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความสามารถด้านกีฬา ให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพในโรงเรียนของรัฐ จำนวน 8 โรงเรียน มีนักเรียนในโครงการทั้งหมด 908 คน ใน 10 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล วอลเลย์บอล ฟุตซอล ตะกร้อ มวยไทย ปันจักสีลัต ฮอกกี้ กรีฑา เทควันโด และบาสเกตบอล

ทั้งนี้ นักเรียนสามารถเลือกเรียนในแผนการเรียนวิทย์-กีฬา หรือศิลป์-กีฬา โดยนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาจากรัฐบาลปีละ 40,000 บาท ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนถึงปริญญาตรี และปีละ 55,000 บาท ในระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา

People unity news online : post 16 ตุลาคม 2560 เวลา 10.50 น.

“ประวิตร” ควง “อดุลย์” ส่งมอบบ้านให้ประชาชนโครงการ “ปทุมธานีโมเดล”

People unity news online : พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พร้อมด้วย รมว.พม. ลงพื้นที่ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี ส่งมอบบ้านให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ “ปทุมธานีโมเดล” จำนวน 98 ครัวเรือน เพื่อแก้ปัญหาชุมชนบุกรุกคลองและป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืน

วันนี้ (28 กันยายน 2560) เวลา 10.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. ลงพื้นที่ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อทำพิธีส่งมอบบ้านให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ “ปทุมธานีโมเดล” จำนวน 98 ครัวเรือน เพื่อแก้ปัญหาชุมชนบุกรุกคลองและป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืน โดยมี นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายสมชาติ ภาระสุวรรณ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ โดยมีผู้ร่วมงานประมาณ 300 คน ณ ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาประชาชนปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำลำน้ำสาธารณะในจังหวัดปทุมธานี โดยเฉพาะที่บริเวณคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีชาวบ้านปลูกบ้านเรือนรุกล้ำลำคลองและกีดขวางทางเดินน้ำมานานหลายสิบปี เป็นจำนวน 16 ชุมชน รวม 1,084 ครัวเรือน ทั้งนี้ กระทรวง พม. จึงมอบหมายให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) จัดทำแผนงานรองรับที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากพื้นที่ริมคลอง โดยการจัดหาที่ดินและสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ชุมชนแก้วนิมิต (ชื่อเดิม) หรือชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี เป็นชุมชนแรกที่ชาวชุมชนได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์ ด้วยการออมเงินร่วมกันเป็นรายเดือน เพื่อซื้อที่ดินจำนวน 5 ไร่ โดยชาวชุมชนได้ร่วมกับสถาปนิกชุมชน ร่วมกันออกแบบบ้าน และบริหารโครงการเอง จนขณะนี้ การก่อสร้างบ้านใหม่จำนวน 98 หลังคาเรือน เสร็จสมบูรณ์ ทำให้ชาวชุมชนมีบ้านใหม่ที่มั่นคง สวยงาม และมีสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งที่ดินใหม่แห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากที่เดิมเพียง 5 กิโลเมตร นอกจากนี้ กระทรวง พม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้การสนับสนุนชาวชุมชนพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นในระยะยาวต่อไป

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวง พม. โดย พอช. ได้ดำเนินการสนับสนุนให้ชาวชุมชนรวมกลุ่มกัน เพื่อบริหารจัดการซื้อที่ดินและที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่ง พอช. ได้สนับสนุนงบประมาณการสร้างบ้านใหม่ แบ่งออกเป็น 1) งบพัฒนาระบบสาธารณูปโภค 5 ล้านบาท 2) งบอุดหนุนที่อยู่อาศัย 2.5 ล้านบาท 3) งบบริหารจัดการ 125,000 บาท และ 4) สินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัยรวม 32.4 ล้านบาทเศษ กำหนดระยะผ่อนชำระคืน 15 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อปี เมื่อผ่อนส่งหมด จะเป็นกรรมสิทธิ์ให้ลูกหลานได้อยู่อาศัยต่อไป สำหรับแบบบ้าน มีทั้งสิ้น 3 แบบ คือ 1) บ้านแฝดสองชั้น ขนาด 56 ตารางเมตร 2) บ้านแฝดสองชั้น ขนาด 63 ตารางเมตร และ 3) บ้านแฝดสองชั้น ขนาด 77 ตารางเมตร โดยมีราคาก่อสร้างพร้อมที่ดิน ต่อหลังประมาณ 272,000 – 295,000 บาท กำหนดระยะเวลาผ่อนส่ง 15 ปี ด้วนอัตราผ่อนส่งเดือนละ 2,500-3,000 บาท

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ชาวชุมชนเข้าอยู่อาศัยในชุมชนใหม่แล้ว ทางจังหวัดปทุมธานี จะมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อถอนบ้านเรือนที่ปลูกสร้างอยู่ริมคลอง เพื่อไม่ให้กีดขวางทางระบายน้ำ รวมทั้งขุดลอกคลอง พร้อมกำจัดขยะและผักตบชวา เพื่อให้น้ำสามารถไหลได้สะดวก เป็นการป้องกันน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม ที่ผ่านมา จังหวัดปทุมธานี ได้จัดทำโครงการ “บ้านประชารัฐร่วมใจ เดินหน้าคืนคลองน้ำใสให้แผ่นดิน” โดยได้รื้อบ้านออกจากริมคลองหนึ่งไปแล้วกว่า 100 หลังคาเรือน จากทั้งหมด 13 ชุมชน รวม 922 ครัวเรือน ส่วนที่เหลือจะทยอยดำเนินการต่อไป สำหรับประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนบุกรุกพื้นที่ริมคลองและยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ ทางจังหวัดจะชี้แจงและเชิญชวนให้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้ชาวบ้านได้มีที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคงและถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการสร้างบ้านใหม่ที่ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคีแล้ว กระทรวง พม. โดย พอช. ยังไห้การสนับสนุนการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่บนที่ดินราชพัสดุเนื้อที่ 30 ไร่ บริเวณคลองเชียงรากใหญ่ (ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต) ซึ่งเดิมที่ดินแปลงนี้เป็นพื้นที่สาธารณะที่พลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน หากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 ให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินราชพัสดุ (กรมธนารักษ์ เป็นผู้ดูแล) เพื่อใช้สร้างที่อยู่อาศัยรองรับชาวบ้านที่ต้องรื้อย้ายออกจากพื้นที่ริมคลองหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างก่อสร้างเฟสแรก 1 อาคาร จำนวน 23 ครัวเรือน ในรูปแบบเป็นอาคารสูง 3 ชั้น รวมทั้งหมด 12 อาคาร สามารถรองรับชาวบ้านได้รวม 463 ครัวเรือน

People unity news online : post 28 กันยายน 2560 เวลา 20.30 น.

“ประวิตร” สั่งเหล่าทัพให้พร้อมช่วยเหลือประชาชนน้ำท่วมภาคใต้-อีสานได้ทันที

People unity news online : 18 สิงหาคม 2560 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. และ รมว.กห. ได้กำชับทุกเหล่าทัพ ให้ติดตามรายงานสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้อย่างใกล้ชิด และเตรียมการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงที่มีฝนตกต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้น จนอาจทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตก ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ทั้งนี้ให้ประสานการทำงานร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถเข้าถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทุกพื้นที่ทันที

ขณะเดียวกัน พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือใน 4 จังหวัดที่ยังคงมีระดับน้ำเพิ่มสูง ได้แก่ ยโสธร สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้คงความต่อเนื่องในการสนับสนุนส่วนราชการในพื้นที่ ให้การช่วยเหลือประชาชนต่อไป จนกว่าสถานการณ์น้ำในแต่ละพื้นที่จะคลี่คลาย

People unity news online : post 22 สิงหาคม 2560 เวลา 13.20 น.

เอาจริง!! “บิ๊กแดง”ส่งทหาร-ตำรวจลุยตรวจสอบ”รวมสลาก-รวมชุด”ที่ สนง.ใหญ่ สนามบินน้ำ

พลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์

People unity news online : สำนักงานสลาก ฯ ประสานกำลังทหาร-ตำรวจ เข้าตรวจสอบการจำหน่ายสลาก เตรียมตัดโควตา-ยกเลิกสัญญา 20 ราย

เมื่อวานนี้ วันหวยออก (1 สิงหาคม 2560) เวลาประมาณ 12.00 น. ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล  พลตรีฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า ในวันนี้ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 1 ร่วมกับกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าดำเนินตรวจสอบการเบิกสลากของตัวแทนจำหน่าย ภายในบริเวณอาคารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ถนนสนามบินน้ำ ตามนโยบายและข้อสั่งการของ พลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค 1 ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล

จากการตรวจสอบ พบผู้ที่มีพฤติกรรมรับซื้อรวบรวมสลากจากตัวแทนจำหน่าย จำนวนไม่น้อยกว่า 180 ราย คิดเป็นจำนวนสลาก 918 เล่ม ซึ่งสลากที่ตรวจพบในครั้งนี้ จะนำไปตรวจสอบว่าเป็นสลากของตัวแทนจำหน่ายรายใด เพื่อนำไปสู่กระบวนการยกเลิกสัญญาทั้งหมดต่อไป

ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้กล่าวเตือนตัวแทนจำหน่ายว่า เมื่อได้รับสลากไปแล้ว ขอให้ปฏิบัติตามสัญญาอย่างเคร่งครัด  โดยจะต้องนำสลากไปจำหน่ายด้วยตนเองทุกงวดตลอดอายุสัญญา และต้องขายในลักษณะขายปลีกให้แก่ผู้บริโภคโดยตรงเท่านั้น ห้ามนำไปขายส่งหรือขายให้แก่ผู้ซื้อสลากเพื่อนำไปขายต่อเป็นอันขาด  หากตรวจสอบพบเช่นพฤติกรรมในวันนี้ จะถือว่าผิดสัญญาและถูกยกเลิกโควตา ไม่ได้รับสลากไปจำหน่ายตลอดชีพ นอกจากนี้ ผู้ขายจะต้องไม่นำสลากของตนไปรวมชุดกับผู้อื่น หรือนำสลากของตนไปขายให้แก่ผู้อื่นเพื่อรวมชุด หรือแลกเปลี่ยนสลากกับผู้อื่น หากพบพฤติกรรมดังกล่าว จะสันนิษฐานว่าไม่ได้ขายสลากด้วยตนเองและถือว่าผิดสัญญาเช่นกัน ทั้งนี้ รวมถึงผู้ที่ซื้อสลากจากโครงการซื้อ-จองล่วงหน้าด้วย หากตรวจสอบพบว่าเป็นสลากจากโครงการดังกล่าว ผู้ที่เป็นเจ้าของสลากจะถูกยกเลิกการลงทะเบียนในการทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าฯทันที

People unity news online : post 2 สิงหาคม 2560 เวลา 11.20 น.

2 กระทรวงจับมือสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยผ่านทางแอพ “คนไทยมีบ้าน : Home for All”

People unity news online : 16 พฤษภาคม 2560 กระทรวงการคลัง โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) สำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยผ่านแอพพลิเคชั่น “คนไทยมีบ้าน : Home for All” รวมทั้งเว็บไซต์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้แล้วตั้งแต่วันนี้ (16 พฤษภาคม 2560) เป็นต้นไป หวังนำผลสำรวจไปจัดทำฐานข้อมูลในการวางแผนพัฒนาปริมาณที่อยู่อาศัยใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน พร้อมเตรียมแคมเปญสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยพิเศษมอบให้ผู้ที่ร่วมตอบแบบสำรวจ

พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการและบริการของรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และผู้ด้อยโอกาส เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญประการหนึ่งในการสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับประชาชนให้มีที่อยู่อาศัย มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และเพื่อเป็นการนำนโยบายมาสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยของประเทศ จึงได้จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) เพื่อใช้เป็นกรอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะยาวโดยบูรณาการความร่วมมือในการดำเนินงานกับภาคีทุกภาคส่วน ภายใต้วิสัยทัศน์ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579 : Smart Housing” ซึ่งการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกระทรวงการคลัง โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  โดยการเคหะแห่งชาติ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดทำ “โครงการแอพพลิเคชั่นคนไทยมีบ้าน : Home for All” เพื่อสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “คนไทยมีบ้าน : Home for All” ที่ App Store (ระบบปฏิบัติการ iOS) และ Play Store (ระบบปฏิบัติการ Android) เพื่อกรอกแบบสำรวจผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ท หรือกรอกแบบสำรวจผ่านระบบอินเตอร์เน็ทบนคอมพิวเตอร์ได้ที่เว็บไซต์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ www.ghbank.co.th และเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ www.reic.or.th ขณะเดียวกัน การเคหะแห่งชาติ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ซึ่งมีพันธกิจเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือและส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย จะนำผลสำรวจที่ได้ไปจัดทำเป็นฐานข้อมูลในการศึกษาวิเคราะห์ วางแผนในการพัฒนาปริมาณที่อยู่อาศัยใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในแต่ละกลุ่ม มีความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ช่วยให้คนไทยได้มีบ้านอย่างทั่วถึงต่อไป

ด้าน นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานดำเนินการสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างเป็นรูปธรรมจากประชาชนทั่วประเทศผ่านแอพพลิเคชั่น “คนไทยมีบ้าน : Home for All” ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่น และความพยายามของรัฐบาลในการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนทุกกลุ่มในสังคมอย่างเท่าเทียม โดย ธอส.เป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นรวมทั้งดำเนินการด้านเทคนิคเพื่อให้สามารถใช้แอพพลิเคชั่นสำรวจและจัดเก็บข้อมูล จากนั้นศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์จะสรุปภาพรวมรายงานต่อกระทรวงการคลัง และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นรายสัปดาห์ และรายเดือน พร้อมนำมาวิเคราะห์เชื่อมโยงกับข้อมูลด้านอุปทานที่มีอยู่ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำผลเข้าเสนอต่อคณะกรรมการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน และนำไปจัดทำเป็นข้อเสนอในการจัดหาอุปทานที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่อผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาตามแนวทางประชารัฐได้อย่างสมบูรณ์อีกทางหนึ่งด้วย

ขณะที่ นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า เมื่อประชาชนดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “คนไทยมีบ้าน : Home for All” แล้วจะสามารถเข้าไปตอบแบบสำรวจผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ทได้ทันที ซึ่งผู้ที่ตอบแบบสำรวจจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ อาชีพ รายได้ต่อเดือน วงเงินสินเชื่อที่ต้องการ ความสามารถในการผ่อนชำระสินเชื่อ วัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อ ช่วงเวลา(ปี)ที่ต้องการมีบ้าน รวมถึงทำเลที่อยู่อาศัยที่ต้องการ และเมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนจะได้รับรหัส หรือ QR Code สำหรับนำมาติดต่อกับธนาคารเพื่อขอรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสม สิทธิพิเศษเพื่อการมีบ้านในอนาคต หรือคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ธอส. ยังสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการวางแผนทางการเงินและพัฒนานวัตกรรมด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้นต่อไป

ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดและกรอกแบบสำรวจในแอพพลิเคชั่น “คนไทยมีบ้าน : Home for All” รวมถึงที่เว็บไซต์  www.ghbank.co.th และ www.reic.or.th ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ (16 พฤษภาคม 2560) เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์

People unity news online : post 16 พฤษภาคม 2560 เวลา 21.23 น.

Verified by ExactMetrics