วันที่ 17 กันยายน 2024

“เทพไท”โวย! 22ธ.ค.ขึ้นค่าทางด่วนโทลเวย์ดอนเมืองชาวกรุงเดือดร้อน

People Unity : “เทพไท”สวมบทส.ส.กทม.โวย! 22ธ.ค.ขึ้นค่าทางด่วนโทลเวย์ดอนเมืองชาวกรุงเดือดร้อน

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2562 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ทางด่วนโทลเวย์ดอนเมือง ประกาศขึ้นราคาค่าผ่านทาง เริ่มใช้ในวันที่ 22 ธันวาคม นี้ ว่า ไม่ทราบว่าในสัญญาระหว่างบริษัทดอนเมืองโทลเวย์กับรัฐบาล มีรายละเอียดอย่างไร แต่ด้วยสามัญสำนึกของคนที่เป็นตัวแทนของประชาชนนั้น ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะอัตราค่าผ่านทางในปัจจุบันยังไม่เป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนที่ใช้บริการดอนเมืองโทลเวย์เลย โดยเฉพาะอัตราค่าผ่านทางด่านดินแดง สุทธิสาร และลาดพร้าว เก็บในอัตราราคาเดียวกัน คือ70บาท ทั้งๆที่ระยะทางแตกต่างกัน ดังนั้นควรจะปรับอัตราค่าผ่านทางให้สอดคล้องกับระยะทางที่เป็นจริง เช่น ด่านดินแดง 70 บาท ด่านสุทธิสาร 60 บาท ด่านลาดพร้าว 50 ฯลฯ จะเป็นธรรมกับผู้ใช้บริการทางดอนเมืองโทลเวย์ อย่างสมเหตุสมผล

ดังนั้นการเพิ่มอัตราค่าผ่านทางของดอนเมืองโทลเวย์ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขตามสัญญาหรือไม่ก็ตาม แต่เป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชนในยามที่ภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ ให้ได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้น อยากให้รัฐบาลหรือผู้เกี่ยวในเรื่องนี้ ออกมาชี้แจง อธิบายเหตุผลกับสังคม เพราะในความรู้สึกของคนกรุงเทพเห็นว่าอัตราค่าผ่านทางในปัจจุบัน มีอัตราราคาสูงมากเพียงพอแล้ว ไม่ควรซ้ำเติมความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนลงไปอีก

อยากจะเรียนในวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่มี ส.ส.ในกรุงเทพแม้แต่คนเดียว ผมจึงจำเป็นออกมาเรียกร้องสิทธิ์ และปกป้องผลประโยชน์ของคนกรุงเทพในนามพรรคประชาธิปัตย์ และถ้าไม่มีคำตอบใดๆจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ผมจะใช้สิทธิ์ความเป็น ส.ส. ยื่นเรื่องนี้ต่อ คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้พิจารณา ทวงคืนความเป็นธรรมให้แก่พี่น้องประชาชน โดยการเรียกสัญญาสัมปทานทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ทั้งหมดมาตรวจสอบดู และเชิญผู้รับผิดชอบจากกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารดอนเมืองโทลเวย์มาชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป

“ธนาธร”โดนกันเข้าสภาฯนั่งกมธ.งบฯปี63อีก! “สุชาติ”ชง”ชวน”ชี้ขาด

People Unity : “ธนาธร”โดนกันเข้าสภาฯนั่งกมธ.งบฯปี63อีก “สุชาติ”ลงความเห็นไม่ได้ โยน”ชวน”วินิจฉัย ก่อนประชุมนักแรก 24 ต.ค.นี้

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ฐานะผู้รับผิดชอบส่วนงานร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทำหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ใช้อำนาจประธานสภาฯ วินิจฉัยต่อกรณีคุณสมบัติของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างต้องคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ชั่วคราว จะสามารถดำรงตำแหน่ง กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ได้หรือไม่ ทั้งนี้ในหนังสือที่ส่งถึงนายชวน นั้นมีสาระที่เป็นความเห็นทางข้อกฎหมายและความเห็นส่วนตัว

โดยความเห็นทางกฎหมายของฝ่ายกฎหมายสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรฯ ระบุว่า สามารถดำรงตำแหน่งเป็น กมธ. ได้ เพราะก่อนหน้านั้นมี ส.ส.ที่เคยถูกคำสั่งศาลให้พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.สามารถแต่งตั้งให้เป็น กมธ.วิสามัญ สัดส่วนบุคคลภายนอกได้ ขณะที่ความเห็นส่วนตัวของนายสุชาติซึ่งระบุว่า นายธนาธร ไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็น กมธ.ฯ พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯได้ เพราะไม่เหมาะสม อีกทั้งมีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน โดยคุณสมบัติที่ไม่ชัดเจน มีสาระสำคัญ ตอนหนึ่งว่า นายธนาธร ยังถือเป็น ส.ส. แม้จะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวก็ตาม อีกทั้งการได้ตำแหน่ง กมธ.ฯ แม้จะได้จากสัดส่วนพรรคอนาคตใหม่

แต่มีคำถามว่า จะใช้สิทธิใดในการเข้าทำหน้าที่ ระหว่าง ส.ส. หรือ บุคคลภายนอกกที่ไม่ได้เป็นส.ส.จึงต้องการให้นายชวนวินิจฉัยเพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานการทำงาน อีกทั้งกรณีการร่วมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯถือเป็นกฎหมายฉบับสำคัญ จึงควรพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบโดยไม่เกิดปัญหาในอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการวินิจฉัยของนายชวน ต่อเรื่องดังกล่าว คาดว่าจะไม่ทันต่อการประชุมกมธ.ฯ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯนัดแรกที่จะเริ่มเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ตุลาคม และนายธนาธรอาจได้สิทธิร่วมประชุมนัดแรกด้วย ทั้งนี้นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม.พรรคพลังประชารัฐ จะยื่นหนังสือถึง กมธ.ฯเพื่อคัดค้านการดำรงตำแหน่งของนายธนาธร ด้วย แต่อาจจะมีประเด็นที่ต้องพิจารณารายละเอียดก่อนจะเข้าเนื้อหาตามวาระ เพราะรายชื่อของนายธนาธรนั้น ถูกรับรองโดยที่ประชุมเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม แล้ว โดยไม่มีผู้ใดคัดค้านการเสนอชื่อดังกล่าวระหว่างการประชุมสภาฯ

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯขอบคุณกก.วัตถุอันตราย”แบน 3 สารพิษ”

People Unity : องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ขอบคุณคณะกรรมการวัตถุอันตรายและรัฐมนตรีทั้ง 3 กระทรวง ที่มีมติแบน 3 สารพิษ ชื่นชมการปฎิบัติหน้าที่โดยมิเพิกเฉยต่อสุขภาพ ชีวิต หวังเห็นความร่วมมือจัดการปัญหาการใช้สารพิษในการเกษตรอย่างเหมาะสม และ ยั่งยืน อย่างแท้จริง

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2562 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ACT ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 เรื่องขอขอบคุณคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่มีมติยกเลิกการใช้พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซตเพื่อคุณภาพชีวิตของเกษตรกร และคนไทยทุกคน โดยในแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีการประชุมและได้ลงมติอย่างเปิดเผยให้มีการยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีอันตราย พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซตนั้น องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ขอขอบคุณแทนคนไทยทั้งประเทศที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายได้ปฎิบัติหน้าที่อย่างดำรงไว้ซึ่งจริยธรรมและมนุษยธรรม มิเพิกเฉยต่อสุขภาพ ชีวิต ทั้งในส่วนของเกษตรกรผู้รับผลกระทบโดยตรงและผู้บริโภคผู้ได้รับผลกระทบในภายหลัง และที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง คือ การดำเนินการให้มีการลงมติอย่างเปิดเผย ตามที่องค์กรฯ และหลายภาคส่วนเรียกร้อง ช่วยสร้างความมั่นใจในเรื่องความโปร่งใสในการพิจารณา

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ขอขอบคุณไปยังท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (คุณอนุทิน ชาญวีรกูล) รวมทั้งรัฐมนตรี (คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน) และรัฐมนตรีช่วย (คุณมนัญญา ไทยเศรษฐ์) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ซึ่งได้แสดงจุดยืนชัดเจน ให้ยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีดังกล่าว และร่วมรณรงค์ผลักดันจนทำให้มีการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย จนนำมาซึ่งการลงมติดังกล่าวในที่สุด

“องค์กรฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การมีมติยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีในครั้งนี้ จะนำมาซึ่งความร่วมมือกันในการจัดการปัญหาการใช้สารพิษในการเกษตรอย่างเหมาะสม ยั่งยืน และเป็นจุดเริ่มต้นแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดต่อทั้งชีวิตของ’เกษตรกรผู้ใช้ ระบบนิเวศทางธรรมชาติและชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง โดยทางองค์กรฯและเครือข่าย พร้อมจะทำหน้าที่ในการสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้ปฎิบัติงานอย่างซื่อตรงต่อหน้าที่และความรับผิดชอบ เพื่อยังประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนคนไทยในทุกระดับ”

“บิ๊กตู่”หารือทวิภาคีกับนายกฯญี่ปุ่นพัฒนาคนรับ EEC

People Unity : “บิ๊กตู่”หารือทวิภาคีกับ”ชินโซ อาเบะ”นายกฯญี่ปุ่น พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ส่งเสริมการลงทุน ยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมายใน EEC รวมถึงเมืองอัจฉริยะ

เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2562 เวลา 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พบหารือทวิภาคีกับนายชินโซ อาเบะ (H.E. Mr. Shinzo Abe) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในห้วงการเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญ่ีปุ่น ณ ทำเนียบรับรองของรัฐบาลญี่ปุ่น (State Guesthouse) สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวในนามของรัฐบาลและประชาชนไทยแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสพระราชพิธี บรมราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญ่ีปุ่น โดยนายกรัฐมนตรีชื่นชมรัฐบาลญี่ปุ่นที่จัด พระราชพิธีได้อย่างสมพระเกียรติ ปีนี้ถือเป็นปีมหามงคลของทั้งไทยและญี่ปุ่น โดยไทยได้จัดพระราชพิธี พระบรมราชาภิเษกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความเชื่อมั่นว่า ภายใต้การนำและกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรีอาเบะ และการบริหารจัดการภัยพิบัติที่เป็นเลิศของรัฐบาลญี่ปุ่น จะทำให้ญี่ปุ่นจะสามารถฟื้นตัวจากเหตุการณ์ไต้ฝุ่นฮากิบิสได้อย่างรวดเร็ว

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาร่วมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของของสมเด็จพระจักรพรรดิ แห่งญี่ปุ่น และหวังว่าจะพบกันในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 (ASEAN Summit) ในต้นเดือน พฤศจิกายนนี้

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือเพื่อผลักดันประเด็นความร่วมมือ ทั้งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การส่งเสริม การลงทุน และการยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมายใน EEC การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการค้าเสรี และความร่วมมือในการพัฒนาประเทศที่สาม รวมทั้งเห็นพ้องจะเร่งผลักดันการเจรจา RCEP ให้สำเร็จ รวมทั้งขยายผลความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น และการเข้าร่วม TPP

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความพร้อมของไทย ในการจัดการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือ ลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครังที่ 11 ในฐานะประธานร่วมกับญี่ปุ่น ในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ที่กรุงเทพฯ โดย ไทยมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับญี่ปุ่นในการขับเคลื่อนการดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์กรุงโตเกียว ค.ศ. 2018 และข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030

จากนั้นในเวลา 18.00 น. นายกรัฐมนตรีและภริยาเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรี ญี่ปุ่น และภริยา เป็นเจ้าภาพเลี้ยง เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จ พระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น ณ โรงแรมนิวโอตานิ โตเกียว

ในเวลา 00.20 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม 2562 นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยคณะ จะเดินทางออกจากท่าอากาศยานฮาเนดะ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น โดยจะเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการในเวลา 04.50 น. ในวันเดียวกัน

“เพื่อไทย”ยังอารมณ์ค้าง! อัดรัฐทำงบฯไม่โปร่งใส

People Unity : “เพื่อไทย”ยังอารมณ์ค้าง! อัดรัฐทำงบฯไม่โปร่งใส แนะประชาชนจับตารัฐใช้เงินนอกงบประมาณ

วันที่ 23 ตุลาคม 2562 นายสงวน พงษ์มณี สส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมการอภิปรายงบประมาณปี 2563 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีหลายประเด็นที่สังคมยังคงสงสัยในการจัดทำงบประมาณของรัฐบาล ผลโดยรวมของการอภิปรายพบว่ารัฐบาลตอบไม่ตรงคำถามและในหลายประเด็นเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามหรืออธิบายถึงการใช้จ่ายงบประมาณว่าจะก่อให้เกิดความคุ้มค่าได้อย่างไร

การใช้เงินงบประมาณกว่า 3.2 ล้านล้านบาทที่เป็นภาษีของประชาชน เป็นเพียงส่วนเดียวที่รัฐเปิดเผยตัวเลข ยังคงมีเงินที่รัฐเก็บไว้ ที่เรียกว่าเป็นเงินนอกงบประมาณที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการ นอกจากเงินงบประมาณรายจ่ายเงินรายได้แผ่นดิน เงินเหล่านี้ คือ เงินเบิกเกินส่งคืน และเงินเหลือจ่ายปีเก่าส่งคืน แต่ไม่มีการส่งคืนให้กระทรวงคลังยังคงค้างอยู่ที่หน่วยราชการ ที่ผ่านมารัฐไม่มีการแจงตัวเลขว่าเงินนอกงบประมาณมีจำนวนเท่าไหร่นำไปใช้ในโครงการอะไรบ้าง

นายสงวน กล่าวด้วยว่า การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลขาดความโปร่งใส และไม่เปิดเผยต่อประชาชน อยากให้ประชาชน จับตาดูการใช้เงินนอกงบประมาณที่รัฐจัดเก็บไว้ เพราะเงินทั้งหมดนี้เป็นภาษีของประชาชน ดังนั้นประชาชนควรจับตาดูการใช้จ่ายงบประมาณว่ารัฐใช้เงินอย่างไร เกิดประโยชน์กับประชาชนหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เงินนอกงบประมาณมีจำนวนเท่าไหร่ ประชาชนไม่เคยทราบ แม้กฎหมายกำหนดให้หน่วยงานรัฐต้องมีการแจ้งว่าแต่ละหน่วยงานมีเงินเหลือเท่าไหร่ ถึงจะต้องจัดเงินงบประมาณไปเพิ่ม การจัดทำงบประมาณต้องนำเงินส่วนนี้มาร่วมด้วยหากนำเงินคงเหลืออยู่การจัดทำงบประมาณก็อาจจะไม่ถึง 3.2 ล้านล้านบาท ดังนั้นการจัดทำงบประมาณครั้งนี้จึงขาดความโปร่งใสและไร้การตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ

โฆษกพรรคเพื่อชาติค้านติด “GPS”รถส่วนบุคคล

People Unity : โฆษกพรรคเพื่อชาติค้านติด “GPS”รถส่วนบุคคล ชี้รัฐบาลไม่มีความเคารพประชาชนผู้จ่ายภาษีเงินเดือน ต้องการเพียงควบคุมพร้อมเพิ่มภาระและส่อแสวงหาผลประโยชน์

เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2562 นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติชี้ว่า รัฐบาลนี้เสนอโครงการใดๆ ไม่มีความเคารพประชาชนผู้จ่ายภาษีเงินเดือนให้ ต้องการเพียงอยากรู้ความเคลื่อนไหวเพื่อควบคุมประชาชน โดยไม่คำนึงถึงว่าจะเพิ่มภาระให้ประชาชนหรือไม่ แต่ละโครงการที่เสนอเพื่อโยนหินถามทาง มีพื้นฐานวิธีคิดมาจากการสอดส่องความคลื่อนไหวของประชาชนเพื่อรักษาอำนาจรัฐบาล และอาจมีแนวโน้มที่จะแสวงหาผลประโยชน์เข้าผู้เสนอและผู้ดำเนินการโครงการ โดยเบียดบังประชาชนเป็นการฉ้อราษฎร์แฝงรูปแบบหนึ่ง โครงการล่าสุดในการเสนอจะบังคับติด GPS รถส่วนบุคคลเพื่อลดอุบัติเหตุ ซึ่งรถตู้สาธารณะบังคับติดทุกคันอยู่แล้วอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในรถตู้ก็ยังมีอยู่ ตนคิดว่าเบื้องลึกการนำเสนอไม่น่าจะใช่วัตถุประสงค์การลดอุบัติเหตุ การลดอุบัติเหตุเป็นวัตถุประสงค์รองที่ถูกนำมาเป็นวัตถุประสงค์สร้างภาพ วัตถุประสงค์หลักน่าจะมาจากรายได้ผูกพันที่รถทุกคันต้องจ่ายเดือนละ 300 บาท ซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าผู้ที่รับสัมปทานจากรัฐบาลจะมีค่าคอมมิชชั่นขั้นต่ำร้อยละ 10 ให้ผู้ดำเนินการโครงการ กรณีนี้รถหนึ่งคัน หนึ่งเดือนจะมีประโยชน์ถึงผู้ดำเนินการโครงการ 30 บาทต่อคันต่อเดือน โดยปริมาณรถที่จดทะเบียนตามกฏหมายสะสมถึงสิ้นปี 2561 มีจำนวน ประมาณ 30 ล้านคัน ในทุกเดือนจะมีประโยชน์ถึงผู้ดำเนินการโครงการคร่าวๆ 900 ล้านบาท อีกทั้งการติดตั้งระบบครั้งแรก ผู้ดำเนินโครงการก็จะได้รับผลประโยชน์จากรถคันละ 300 บาท ประมาณการคร่าวๆ ก็มีรายได้ 9,000 ล้านบาท และยังมีประโยชน์แฝงเพื่อรักษาอำนาจรัฐบาลที่คอยติดตามผู้ที่มีความคิดเห็นต่างซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชนอีกด้วย

“อยากฝากถึงคณะรัฐบาลรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีช่วยคิดถึงประชาชนให้มากๆ ก่อนที่จะเสนอโครงการอะไรหรือทวงบุญคุณจากประชาชน เพราะตอนนี้ประชาชนอยู่ในยุคค่าใช้จ่ายสูงรายได้ต่ำ ชักหน้าไม่ถึงหลังอย่าคิดเพิ่มหรือผลักภาระให้ประชาชน ในขณะที่ชอบอ้างว่าอาสามาทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน แต่กลับเสนอโครงการเบียดบังประชาชนแบบฉ้อราษฎร์แฝง อีกทั้งละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชนออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่การลงทะเบียนไวไฟร้านกาแฟ มายังโครงการบังคับติด GPS รถยนต์ มีแต่เพิ่มภาระประชาชนและทำให้เศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้นอีก” โฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าว

“วิษณุ”ชี้เป็นสิทธิ! เกษตรกรยื่นศาลค้านแบน 3 สารพิษเกษตร

People Unity :  “วิษณุ”ชี้เป็นสิทธิ! เกษตรกรยื่นศาลค้านแบน 3 สารพิษเกษตร ผลออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณา

เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2562 ที่ท้องสนามหลวง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ระงับการใช้ 3 สารเคมีที่ใช้กำจัดศัตรูพืช โดยกลุ่มเกษตรกรที่ใช้สารเคมีดังกล่าวจะยื่นเรื่องให้ศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว ว่า เป็นสิทธิของกลุ่มเกษตรกร เพื่อให้มีการคุ้มครองชั่วคราว หลังจากนี้ แล้วแต่ศาลจะสั่ง ซึ่งตามมติจะระงับใช้ในวันที่ 1 ธ.ค.แต่อย่างไรก็ตาม และถ้าศาลรับคำร้องและมีคำสั่งอย่างไรก็ต้องดำเนินการตามนั้น ส่วนการรองรับความเดือดร้อนของเกษตรกร คงจะมีการรองรับ แต่ตนไม่ทราบในรายละเอียด เป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงไม่ทราบถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับรัฐบาลในการทำงานต่อไป เนื่องจากต้องให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปประเมินสถานการณ์ และหาทางแก้ไข และป้องกันเอง

เมื่อถามถึงกรณีที่เกษตรกร จะเดินทางมาร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบในรายละเอียด แต่นายกรัฐมนตรีจะใช้อำนาจใดในการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ได้

“ธนาธร”อารมณ์ยังค้างอัดงบฯปี63ที่เวทีมช. ชู”3Dโมเดล”ประเทศไทยไปต่อได้

People Unity : “ธนาธร”ขึ้นเวทีเสวนา “ปฏิสังขรณ์ประเทศไทย” คณะนิติ มช.จัด อัดงบฯปี 63 ไม่ตอบสนองประชาชน-เลี้ยงระบบราชการเทอะทะ ชี้เหตุที่มาอำนาจไร้ประชาชนในสมการ ชู”3Dโมเดล”ประเทศไทยไปต่อได้

วันที่ 22 ตุลาคม 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมวงเสวนา “ปฏิสังขรณ์ประเทศไทย” ซึ่งจัดขึ้นที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยประสบการณ์หาเสียงเจอแต่คนบ่นปัญหาปากท้อง สวนทางงบประมาณปี 63 ไม่ตอบโจทย์ ชี้เหตุรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากประชาชนย่อมไม่แคร์ประชาชน ย้ำต้องแก้รัฐธรรมนูญพร้อมลดอำนาจกองทัพ กระจายอำนาจ นำประชาธิปไตยกลับมา

นายธนาธรระบุว่าในรอบ 7 วันที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ตนหดหู่มาก ตนได้รับมอบหมายจากพรรคให้ทำหน้าที่ในเรื่องการช่วยผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดนครปฐม กับการคุมทีมอภิปราย พ.ร.บ.รายจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ตอนช่วงเช้าเวลาตนได้ออกไปเคาะประตูเจอกับผู้คน สิ่งที่ได้ฟังจากชาวบ้านมันเจ็บปวดมาก ทุกคนต่างมาระบายให้ตนได้ฟังถึงปัญหาเศรษฐกิจ หลายคนสิ้นหวัง บางคนไม่มีงานทำ ค้าขายในตลาดยอดลดลง คนทำงานโรงงานไม่มีโอที และเมื่อตนได้กลับจากหาเสียงมาเจอกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ตนก็ยิ่งหดหู่เข้าไปใหญ่

นี่เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นประเทศ ตนไปเดินเคาะประตูเสร็จตอนเย็นกลับมาทำการบ้านเรื่องงบประมาณ ว่างบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาทจะทำให้ชีวิตของคนที่ตนไปเจอมาดีขึ้นได้อย่างไร ข้อสรุปที่เรามีก็คือใช้งบประมาณแบบนี้ทำให้ชีวิตคนส่วนใหญ่ดีขึ้นไม่ได้เลย มันเจ็บปวดและเราเจ็บใจ เรามีงบประมาณเพียงพอ แต่งบประมาณไม่ตอบสนองชีวิตและความต้องการของชีวิตประชาชน เราเห็นเลยว่าเรามีเงินพอที่จะเลี้ยงดูผู้ป่วย ที่จะทำให้การศึกษาของเด็กและเยาวชนดีกว่านี้ ทำให้ปัญหาท้องถิ่น การจัดการน้ำ ที่ดิน ฝุ่น PM2.5 ปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนฯลฯ ดีกว่านี้ แต่เราไม่เห็นการจัดการงบประมาณเหล่านี้

“นี่เป็นเรื่องการเมืองและเรื่องรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของอำนาจ หลังการเลือกตั้งองค์กรที่ชื่อ คสช.หายไปแล้วก็จริง แต่ระบอบ คสช.ยังอยู่กับเราในรูปแบบรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มาของอำนาจของกลุ่มชนชั้นนำ คือกลุ่มทุน ระบบราชการ รถถัง ปืน กองทัพ กฎหมาย ตุลาการ แสดงออกผ่าน ส.ว.250 คน ไม่ได้มาจากประชาชน ดังนั้นการจัดสรรงบประมาณของเขาจึงไม่ต้องเอาไปจัดสรรเพื่อประชาชน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกล้าถวายสัตย์เช่นนั้น เพราะเขาไม่แคร์ประชาชน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกล้าตั้งรัฐมนตรีที่มีข้อครหาเรื่องยาเสพติด เพราะเขาไม่ต้องแคร์ประชาชน ประชาชนไม่ได้อยู่ในสมการของเขา” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรกล่าวต่อว่าในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา การใช้งบประมาณเพื่อไปหล่อเลี้ยงระบบราชการที่ใหญ่เทอะทะ เต็มไปด้วยงบดำเนินการ ค่าสัมมนา ค่าเบี้ยเลี้ยง เบี้ยประชุม ค่าที่พัก ฯลฯ จากการทำการบ้านเรื่องงบประมาณที่ผ่านมา เราเห็นงบแบบนี้เยอะไปหมด ถูกเอาไปหล่อเลี้ยงกองทัพ ไปเอื้อกลุ่มทุน นี่คือสิ่งที่เราเห้นแล้วเรารู้สึกเจ็บปวด ชีวิตของประชาชนมันยากเย็นและต้องต่อสู้ดิ้นรน แต่เราไม่มีอำนาจที่จะไปช่วยเหลือเขาได้เลย ทั้งๆที่เรารู้ว่าประเทศไทยมีทรัพยากรเพียงพอที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาดีขึ้นได้มากกว่านี้

ทั้งๆที่งบประมาณประเทศ 3.2 ล้านล้านบาท มีหน้าที่ตอบโจทย์ปัญหาของประเทศที่ผ่านมา และพาประเทศก้าวไปข้างหน้า แต่ด้วยงบประมาณแบนี้ตนว่าล้มเหลวทั้งสองด้าน แต่พวกเขาไม่แคร์ เพราะพวกเขาไม่ได้มาจากประชาชน นี่คือกลไกที่วางเอาไว้หมดแล้ว นี่คือความเจ็บปวด เมื่อเราเห็นความเป็นจริงกับงบประมาณปี 63

ช่องว่างระหว่างความเป็นจริงกับงบประมาณปี 63 คือความอ่อนแอของประชาธิปไตย ดังนั้นเวลาเราพูดถึงประชาชนมันมีความหมาย ความแข็งแกร่งของประชาชนและประชาธิปไตยต้องดูว่าความต้องการของประชาชนมันได้รับการตอบสนองหรือไม่ เราจะปฏิสังขรณ์และพาประเทศไทยไปข้างหน้าอย่างไร แน่นอนที่สุดรัฐธรรมนูญ 2560 ต้องได้รับการแก้ไข แต่จะพาไปข้างหน้ามากกว่านี้ต้องจัดการสิ่งที่ตนเรียกว่า “3D” คือ Demilitarization – ลดบทบาทกองทัพทางการเมือง, Decentralization – ลดอำนาจระบบราชการรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง, และ Democratization – พาประเทศไทยกลับสู่การเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง

ถ้าไม่จัดการ 3D นี้ประเทศไทยไปต่อไม่ได้ จะทำสามอย่างนี้ได้ต้องเริ่มต้นที่รัฐธรรมนูญ และต่อให้ทำ 3D นี้สำเร็จ นี่ก็จะยังไม่ใช่จุดจบของการเดินทาง ถ้าแก้รัฐธรรมนูญได้แต่ลดบทบาทกองทัพไม่ได้ก็กลับไปเท่าเดิม อย่างคนที่ต่อสู้ในพฤษภาคมปี 2535 มา ลืมทำในสิ่งหนึ่งไปคือการปฏิรูปกองทัพ สุดท้ายก็เกิดรัฐประหารปี 2549 ถ้าไม่ลดบทบาทของกองทัพการรัฐประหารก็จะกลับมา

“ดังนั้นผมฝากไว้ ประเทศเราไม่มีทางไปต่อข้างหน้าได้เลย ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่เขายังเอาระบอบ คสช.ไว้อยู่ และอย่าฝากความหวังไว้กับคน แต่จงลุกชึ้นมาทำและเปลี่ยนแปลงด้วยมือของเราเอง” นายธนาธรกล่าว

“มนัญญา”ลั่นเดินหน้าดูแลเยียวยาเกษตรกรได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม

People Unity : “มนัญญา” น้อมคารวะ คกก.วัตถุอันตราย แบน 3 สารพิษเกษตร มีผลทันที 1 ธ.ค.นี้ ขอบคุณมอบสิ่งที่ดีที่สุดกับคนไทย ลั่นเดินหน้าดูแลเยียวยาเกษตรกรได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม”

วันที่ 22 ตุลาคม 2562 น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังรับทราบมติยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีทางการเกษตร ให้มีผลวันที่ 1 ธ.ค.2562ว่า ขอน้อมคารวะ คณะกรรมการวัตถุอันตรายที่มีมติตามความเห็นของ 3 กระทรวงให้แบน 3 สารเคมี ขอขอบคุณที่มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนไทย ซึ่งเรื่องนี้ไม่อยากให้พูดว่าเป็นชัยชนะของใคร มองว่าทุกฝ่ายเป็นคนไทยด้วย ต้องทำให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุดกับประเทศไทยและปลอดภัยทุกกลุ่ม ทั้งเกษตรกร และผู้บริโภค

หลังจากนี้กระทรวงเกษตรฯจะเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ว่าต้องการให้ช่วยเหลืออย่างไร จะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาดูว่า ปุ๋ยอินทรีย สารชีวะภัณฑ์ ที่ปัจจุบันยังมีปัญหาการขึ้นทะเบียนไม่ได้ จะมีแนวทางอย่างไรที่จะทำให้มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฏหมายได้ รวมถึงมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และเกษตรกร เช่นควรมีการเก็บตัวอย่าง พืชสมุนไพรไทย ที่มีฤทธิ์จำกัดศัตรูพืช ในแต่ละช่วงของพืชสมุนไพร ดูว่าช่วงไหนให้ประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อนำมากำหนดเงื่อนเวลา มาตรฐานการผลิต มาตรฐานการใช้ได้ ซึ่งจะเป็นการเปิดกว้างให้เกษตรกร ได้มีทางเลือกใช้ทำเกษตรอินทรีย์ ทั้งนี้แม้จะไม่มีสาร3ตัว แต่ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตร ได้อนุญาตให้นำเข้าตามกฏหมาย อยู่แล้วหลายร้อยชนิด ซึ่งเกษตรกรใช้อยู่กันเป็นประจำ

“ใครต้องการเสนอสิ่งที่ดีในการทำเกษตร มาหาพี่ได้ ให้มาร่วมมือกันทุกอย่างเพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ประเทศ พร้อมดูแลเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าชนิดพืชใด จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปดูแลเกษตรกร เพื่อให้ตรงกับความต้องการ ส่งไปตรวจสอบความเป็นอยู่เกษตรกร ให้ตรงตามข้อเท็จจริงที่เกษตรกรต้องการให้ช่วยเหลือ นอกจากนี้จะเปิดกว้างให้ขึ้นทะเบียน ปุ๋ยอินทรีย์ สารทดแทน สารชีวภาพ ยังมีหลายตัวให้มาขึ้นทะเบียน จากที่ไม่เคยผ่านการอนุญาตให้จดทะเบียน โดยจะมาหารือกันทำอย่างไรให้สูตรต่างๆถึงเกษตรกร สามารถนำไปทำเองใช้ได้แพร่หลายด้วย” น.ส.มนัญญา กล่าว

รมช.เกษตรฯกล่าวว่าถ้าถามความรุ้สึกวันนี้ ไม่เป็นชัยชนะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ซึ่งจะให้บอกความรู้สึกบอกไม่ถูก จริงๆแล้วพี่เป็นคนของพี่น้องประชาชน จะดีใจ หรือเสียใจ คงไม่ได้ ถ้าถามว่ามาตรการเดินหน้าต่อไปคือดูแลผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด

“วันนี้พี่ชาดา ไทยเศรษฐ์ ห่วงสถานการณ์ไม่ค่อยปกติ ได้เรียกตัวให้กลับบ้าน จ.อุทัยธานี ท่านอยากดูแล” น.ส.มนัญญา กล่าวและว่า

วันนี้ประชุมครม. ไม่ได้ไปนั่งเฝ้าหน้าห้องประชุมคก.วัถตุอันตราย ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้ คงไม่ใช่ตัวเราคนเดียว มาจากพี่น้องประชาชนทุกคนทุกฝ่าย ใครๆก็อยากทานอาหารปลอดสารปลอดภัย ไม่ใช่ชัยชนะของใคร ขอบคุณทุกฝ่ายอีกครั้ง ทุกหน่วยงานร่วมกันสนับสนุนการแบนสาร

แหล่งข่าวในกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่าที่ผ่านมาในการขึ้นทะเบียนให้เกษตรกรมาเข้ารับอบรมการใช้สารเคมี ตามมาตรการจำกัดการใช้ มีเพียง 4-5 แสนคนเท่านั้น หากเทียบเคียงกับเกษตรกร ผู้ปลูกสวนยาง 1.4 ล้านราย มีพื้นที่ปลูกยาง 17ล้านไร่ ผู้ปลูกอ้อย 8แสนราย พื้นที่ปลูก8ล้านไร่ และเกษตรกรปลูกมันสำปะหลัง 1.8 ล้านไร่ ปลูกข้าวโพด 4 ล้านไร่ ปาล์มน้ำมัน7ล้านไร่ แต่การที่มีเกษตรกรมาขอขึ้นทะเบียนอบรมใช้สาร เพียงเท่านี้ หมายถึงว่าเกษตรกรส่วนใหญ่กว่า 30 ล้านราย ไม่จำเป็นต้องใช้สาร 3 ตัวนี้ นอกจากนั้นในการใช้พาราควอต จำกัดหญ้า จะใช้เริ่มปลูกต้นยางในช่วงอายุต้นยาง 1-4 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นจะไม่ใช่ เมื่อเปิดกรีดได้ และผู้ปลูกยางรายใหม่ ถ้าพิจารณาจากโครงการส่งเสริมของรัฐปลูกยางใหม่ ทดแทนสวนยางเก่า มีพื้นที่ปีละ 4 แสนไร่ ทำให้เห็นว่าปริมาณนำเข้าสารเคมีที่ผ่านมามากเกินกว่าจำนวนพืชไร่ พืชสวน ที่จะใช้สาร ที่มีความจำเป็นต้องใช้

“พท.”อารมณ์ค้าง! ชี้รัฐจัดงบฯปี63 เห็นความมั่นคงดีกว่าปากท้อง

People Unity : “พท.”อารมณ์ค้าง! ชี้รัฐจัดงบฯปี63 เห็นความมั่นคงดีกว่าปากท้อง ทำผิดหลักการไม่เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ

วันที่ 22 ตุลาคม 2562 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า กรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านงดออกเสียงในการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในชั้นรับหลักการนั้น เพราะทางพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นถึงความสำคัญของกระบวนการจัดทำงบประมาณ เพราะงบประมาณเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจ การนำงบประมาณไปช่วยเหลือประชาชน ดังนั้นทางพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงยอมให้หลักการของการจัดทำงบประมาณครั้งนี้ผ่าน

นอกจากนี้ในรายละเอียดของงบประมาณ ต่างๆที่อยู่ตามกระทรวง ทางคณะกรรมาธิการงบประมาณจะมีการลงลึกในรายละเอียดถึงการใช้จ่าย รวมไปถึงการปรับลดและแก้ไขในกรอบงบประมาณ และจะติดตามดูว่ารัฐบาลมีการนำข้อท้วงติงที่พรรคร่วมฝ่ายค้านที่นำเสนอไปแก้ไขหรือไม่ หากรัฐบาลไม่รับฟังหรือเกลี่ยงบประมาณใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด พร้อมดึงดันเอาตามใจรัฐบาล ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านคงรับไม่ได้คงต้องโหวตคว่ำงบประมาณในวาระ 2 และวาระ 3 อย่างแน่นอน

นายจุลพันธ์ กล่าวด้วยว่า การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลครั้งนี้มีข้อสังเกตว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาปากท้องประชาชนในลำดับท้ายๆ แต่ให้ความสำคัญกับด้านความมั่นคงมาเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งผิดหลักการจัดทำงบประมาณ กลไกงบประมาณเป็นเพียงแค่กลไกหนึ่ง ต่อมาคือนโยบายที่จะนำไปปรับใช้ คืองบลงทุนที่จะลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งประเทศภาพของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันคือเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยดับไปหมดแล้ว ทั้งการค้า การบริโภค การส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุน ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย พร้อมที่จะสนับสนุนและรองรับการลงทุนต่างๆได้ ทั้งหมดนี้รัฐบาลต้องปรับแนวคิดและเร่งให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจทำงาน พร้อมการนำงบประมาณลงไปใช้เชื่อว่าเศรษฐกิจคงจะดีขึ้น หากไม่ปรับแนวคิดเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะมีปัญหาไปอีกหลายปี

Verified by ExactMetrics