วันที่ 25 พฤศจิกายน 2024

ศาลยกฟ้อง “ช่อ พรรณิการ์” พาดพิงสถาบัน

People Unity News : 19 พฤษภาคม 2566 ศาลอาญายกฟ้อง “ช่อ พรรณิการ์” โพสต์ข้อความปมพาดพิงสถาบันฯ พร้อมเผยร่างคำพิพากษาอธิบายเหตุหลุดคดี

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทนายความ พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า วันนี้ (19 พ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาในคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.พรรณิการ์ ในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(2) โดยคดีนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้เเจ้งความร้องทุกข์ไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตั้งเเต่ช่วงปี 2564 กรณีที่น.ส.พรรณิการ์โพสต์ข้อความสมัยเรียนหนังสือที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในช่วง ปี 2556-2557 โดยระบุว่าข้อความดังกล่าวโดยการนำเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบทกวีมีลักษณะพาดพิงสถาบันฯ

สำหรับข้อความที่ 1 ระบุว่าประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปัตย์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นอาวุธ ส่วนข้อความที่สอง เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา ศาลพิเคราะห์ว่า แม้ข้อความที่ 1 จะมีคำว่าพระมหากษัตริย์ แต่เป็นเพียงการเปรียบเทียบโดยเล่นคำ วิญญูชนพึงทราบว่าประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ถือเป็นความเท็จ ส่วนการมีคำว่าพระมหากษัตริย์ อาจทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกไปได้หลายทางตามอัตวิสัยของแต่ละบุคคล แต่การตัดสินคดีความพึงใช้ตัวบทกฎหมาย พิจารณาองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย ไม่สามารถขึ้นอยู่กับทัศนคติหรือความรู้สึกของคนใดคนหนึ่งได้ จึงเห็นว่าข้อความดังกล่าวไม่เข้าข่ายความผิดพ.ร.บ .คอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14 (2)

ทั้งนี้ ร่างคำพิพากษาอธิบายด้วยว่า สำหรับข้อความแรกนั้นเป็นการเปรียบเปรยถึงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้น และข้อความที่สอง เป็นคำทำนายเพลงยาวพยากรณ์ซึ่งสาธารณชนทั่วไปรับรู้อยู่แล้ว มีการเผยแพร่และตีพิมพ์ทั่วไป เมื่อศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามความผิดพ.ร.บ.คอมฯ ที่โจทก์ฟ้อง เนื่องจากข้อความทั้งสองข้อความที่โจทก์ฟ้องมานั้น เมื่อพิจารณาแล้วพบว่า ไม่เป็นความผิดตามพ.ร.บ.คอมฯ ตามที่โจทก์ฟ้อง เพราะทั้งสองข้อความไม่ได้เป็นกรณีที่จำเลยเจตนาจะนำความเท็จมาเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจผิด หรือก่อความเสียหายหรือสร้างตื่นตระหนกต่อสังคม

Advertisement

ขยายเวลาใช้ กม.อุ้มหายขัด รธน.

People Unity News : 18 พฤษภาคม 2566 ศาลรัฐธรรมนูญชี้ออก พ.ร.ก.ขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหาย ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี ส.ส. 99 คน ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร เข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ตราขึ้นเพื่อขยายกำหนดเวลาการมีผลใช้บังคับของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 มาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 25

จากเดิมที่ให้ใช้บังคับเมื่อครบกำหนด 120 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป คือวันที่ 22 ก.พ. 66 แก้ไขเป็นให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 66 เป็นต้นไป โดยอ้างเหตุผลความไม่พร้อมด้านงบประมาณการจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์และขั้นตอนการปฏิบัติงานในการบังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ 2 มาตรา 172 วรรคหนึ่ง จึงส่งความเห็นดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 วินิจฉัยว่า พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่ง และให้ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ไม่มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. 66 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 วรรคสาม

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 โดยวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่ง และให้ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ไม่มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. 66 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 วรรคสาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญชี้แจงเพิ่มเติมกรณีวินิจฉัยว่าพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่ง และให้พระราชกำหนดฉบับดังกล่าวไม่มีผลใช้บังคับมาแต่ต้นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 วรรคสาม โดยที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 173 วรรคสาม บัญญัติว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพระราชกำหนดใดไม่เป็นไปตามมาตรา 172 วรรคหนึ่ง ให้พระราชกำหนดนั้นไม่มีผลใช้บังคับมาแต่ต้น อย่างไรก็ตาม การที่พระราชกำหนดนี้ไม่มีผลใช้บังคับมาแต่ต้น ย่อมไม่กระทบต่อกิจการที่ได้เป็นไปในระหว่างที่ใช้พระราชกำหนดนั้น ซึ่งสอดคล้องกับที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคสาม บัญญัติไว้ในกรณีที่รัฐสภาไม่อนุมัติพระราชกำหนดให้พระราชกำหนดนั้นตกไป แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบต่อกิจการที่เป็นไประหว่างที่ใช้พระราชกำหนดนั้น

สำหรับการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สมควรกำหนดแนวทางปฏิบัติให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบ เพื่อแก้ไขข้อจำกัดของหน่วยงานในการปฏิบัติให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565

ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้งและประธานยุทธศาสตร์ฯ พรรคเสรีรวมไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8:1 เห็นว่าการออก พ.ร.ก.เลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันทรมานอุ้มหายนั้น ขัดกับรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นไปตามมาตรา 172 วรรคหนึ่ง แห่งรัฐธรรมนูญ กล่าวง่ายๆ คือ พ.ร.ก.ดังกล่าว ครม. ไม่สมควรออก เพราะไม่เข้าข่ายเป็นประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของประเทศ สาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือปัองปัดภัยพิบัติสาธารณะ

“นอกจากทำให้ พ.ร.ก. ไม่มีผลบังคับใช้แล้ว ยังมีผลว่า ครม.ประยุทธ์ ที่ร่วมลงมติวันนั้น ทำผิดรัฐธรรมนูญด้วย ใครสนใจร้อง ป.ป.ช. ถอดถอน ครม.ทั้งคณะบ้าง” นายสมชัย ระบุ

Advertisement

รีบไปแจ้งเหตุไม่ไปเลือกตั้ง 15-21 พ.ค.นี้ ไม่งั้นเสียสิทธิ 5 อย่าง

People Unity News : 15 พฤษภาคม 2566 รัฐบาลแนะคนพลาดเข้าคูหา แจ้งเหตุไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อนายทะเบียนอำเภอ ท้องถิ่น หรือช่องทางออนไลน์ ระหว่าง 15-21 พ.ค.นี้ ป้องกันถูกจำกัดสิทธิสำคัญ 5 ประการ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง แต่อาจติดภารกิจเร่งด่วนทำให้ไม่สามารถไปเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 66 ที่ผ่านมาได้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีข้อแนะนำให้ดำเนินการแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปเลือกตั้งได้ในช่วง 7 วันหลังเลือกตั้ง คือ 15-21 พ.ค. 66 เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจำกัดสิทธิสำคัญ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับสิทธิทางการเมือง สิทธิในการดำรงตำแหน่งทางข้าราชการการเมือง รวมถึงตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

“สำหรับขั้นตอนการแจ้งนั้นสามารถกรอกข้อมูลในแบบ ส.ส.1/8 หรือทำเป็นหนังสือชี้แจงเหตุที่ทำให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้ พร้อมระบุเลขบัตรประจำตัวประชาชน และ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านให้ชัดเจน แล้วยื่นหนังสือต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่น สามารถยื่นด้วยตัวเอง หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน นอกจากนี้ ยังสามารถแจ้งผ่านระบบออนไลน์ ทางแอปพลิเคชัน Smart Vote หรือเว็บไซต์ www.bora.dopa.go.th/all-election” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การไม่ไปเลือกตั้งแล้วไม่แจ้งเหตุ ไม่ถือเป็นกรณีที่ผิดกฎหมาย แต่จะถูกจำกัดสิทธิสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ 1.ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. 2.ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมัครรับเลือกเป็น ส.ว. 3.ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นกำนัน และผู้ใหญ่บ้าน 4.ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง 5.ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

“การจำกัดสิทธิทั้ง 5 ประการ จะมีกําหนดเวลา 2 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง เมื่อผ่านพ้น 2 ปีแล้ว สิทธิทั้งหมดจะกลับมาดังเดิม แต่หากระหว่างนั้นมีการเลือกตั้งอีกไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งระดับประเทศ หรือระดับท้องถิ่น หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอีก การจำกัดสิทธิ 2 ปี ก็จะเริ่มนับใหม่ตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งหลังสุด” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

กกต.ไฟเขียวให้ ครม.ใช้งบกลางแก้ไฟแพงได้

People Unity News : 15 พฤษภาคม 2566 กกต. เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงาน ขอใช้งบกลางแก้ค่าไฟแพง เดือน พ.ค.-ส.ค. วงเงินกว่าหมื่นล้านบาท ลดภาระประชาชนเดือดร้อน

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งกรณีสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีหนังสือขอความเห็นชอบจาก กกต. กรณีการใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมาตรา 169(3) ของรัฐธรรมนูญ ของกระทรวงพลังงาน เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปตามมาตรา 169(3) นั้น

วันนี้ (15 พ.ค.) ที่ประชุม กกต. มีมติเห็นชอบให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน จากสถานการณ์ราคาพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากราคาไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ในลักษณะการให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที เดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2566 ภายในกรอบวงเงินทั้งสิ้น 10,464,000,000 บาท ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ

Advertisement

“พีระพันธุ์” ขอบคุณทุกคะแนนเสียง ยันทำเต็มที่แล้ว

People Unity News : 14 พฤษภาคม 2566 “พีระพันธุ์” ขอบคุณทุกคะแนนเสียง ยืนยันทำเต็มที่แล้ว ส่วนเรื่องตั้งรัฐบาล ให้เป็นไปตามกระบวนการ รอผลชัดเจนก่อน ย้ำเงื่อนไขร่วมรัฐบาลเดิมยึดชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และปชช.

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่พี่น้องประชาชนมอบให้กับพรรค ซึ่งไม่ว่าคะแนนออกมาเท่าไหร่ ก็ต้องถือว่าเป็นความสำเร็จของพรรค เพราะเป็นครั้งแรก ที่เข้าสู่สนามเลือกตั้ง และพรรคตั้งมาได้เพียงไม่กี่เดือน ดังนั้นถือว่าทุกคะแนนคือความสำเร็จของเรา ผลเป็นอย่างไรก็ต้องทำตามนั้นแต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าผลจริงๆจะเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ตนไม่ได้ตั้งเป้าอะไรตั้งเป้า เพียงว่าทุกเขตทำงานได้เต็มที่ ถ้าทำเต็มที่แล้ว ผลเป็นอย่างไรก็ถือว่าเป็นผลของการทำงาน แต่ถ้าทำงานไม่เต็มที่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียใจ ทั้งนี้ในส่วนของพรรคและผู้บริหารพรรค รวมทั้งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกของพรรค เรามั่นใจว่าได้ทำงานได้เต็มที่แล้ว ซึ่งตนประทับใจในพลเอกประยุทธ์มากไม่คิดว่าเข้าสู่สนามการเมืองเช่นนี้จะสามารถทนกับความร้อน ความเหนื่อย สามารถร่วมเป็นร่วมตายในสนามเลือกตั้งกับพวกเราเกือบทุกวัน ได้คุยกับเลขาธิการพรรคมั่นใจว่าทุกส่วนได้ทำที่ดีที่สุดแล้ว ในระยะเวลาที่มีอยู่

ส่วนจะตั้งรัฐบาลแข่งหรือไม่นั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การตั้งรัฐบาลเป็นไปตามกระบวนการและวิถีทางที่มีอยู่ พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ทำอะไรที่ผิดแบบแผนหรือผิดรูปแบบที่ทำกันอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่กับพรรคและยังเป็นประธานคณะกรรมการแนวทางยุทธศาสตร์เหมือนเดิม

เมื่อถามว่าพักร่วมรัฐบาลติดต่อมาหรือยังนั้น นายพีระพันธุ์ ยืนยันว่า ยังไม่มีใครติดต่อ เพราะความจริงแล้วคะแนนตอนจบยังไม่จบ ขอให้ใจเย็นๆ การจัดดำเนินการทางการเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไปผลคะแนนเลือกตั้งจะต้องชัดเจนก่อน ดังนั้น การดำเนินการทางการเมืองของพรรคหลังจากนี้ อย่างไร ก็ต้องรอความชัดเจนของผลคะแนนก่อน และต้องรอ กกต. รับรอง

นายพีระพันธุ์ ยืนยันด้วยว่าพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้เครียดยังยิ้มและยังหัวเราะเชื่อว่ากำลังใจยังดีอยู่เพราะเป็นคนให้กำลังใจพวกตน

สำหรับที่ชนะการเลือกตั้ง มีอะไรจะบอกนั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่าก็ต้องแสดงความยินดีกับเขาไม่เกี่ยวกับเรา และขอแสดงความยินดีกับทุกพรรคซึ่งเห็นว่าทุกพรรคก็คงตั้งใจทำงานได้กี่คะแนนก็ถือเป็นความสำเร็จ

ส่วนเงื่อนไขในการทำงานร่วมรัฐบาลนั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า พูดมาเสมอว่าหลักการทำงานของพรรคคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน หากมีหลักการเดียวกัน อุดมการณ์เดียวกันก็ทำงานกันได้ ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน หากตรงนี้ไม่ตรงกันก็ทำงานไม่ได้ ส่วนจะจับมือกับเพื่อไทยได้หรือไม่ ตนไม่ทราบยังไม่ถึงเวลา วันนี้ผลคะแนนยังไม่สุดท้าย คะแนนเท่าไหร่ยังไม่รู้เราเห็นแค่คร่าวๆ ยังไม่สามารถประมาณการตัวเลขนิ่งๆ เมื่อตัวเลขไม่นิ่ง ก็ไม่มีใครคุยกัน แต่หากถึงเวลาก็คุยกันตามขั้นตอนกระบวนการ

Advertisement

กกต.คาดเลือกตั้ง 66 มีเรื่องร้องเรียนกว่า 2,000 เรื่อง

People Unity News : 12 พฤษภาคม 2566 “ฐิติเชฎฐ์” เผยเลือกตั้ง 66 แข่งขันรุนแรงกว่าปี 62 คาดมีเรื่องร้องเรียนมากกว่า 2,000 เรื่อง เชื่อมี “ใบเหลือง-ใบแดง” แน่นอน แต่ขอให้เข้าใจกระบวนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของ กกต.ต้องใช้เวลา ไม่ใช่สูตรสำเร็จ เน้นให้ความเป็นธรรม หลักฐานชัดเจน

นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงเรื่องร้องเรียนการทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง ส.ส. ว่าเรื่องร้องเรียนขณะนี้ที่มีการแจ้งข้อมูล เบาะแส ทั้งหมด 127 เรื่อง และมีคำร้องที่วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว 33 เรื่อง สั่งไม่รับเป็นคำร้อง และอยู่ระหว่างดำเนินการ 94 เรื่อง ซึ่งเรื่องไหนที่เห็นว่ามีมูล ตรวจข้อเท็จจริงได้เราก็จะดำเนินการ และเมื่อเห็นว่าเข้าข่ายมีความผิดตามกฏหมายก็จะตั้งกรรมการสืบสวนไต่สวนดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

ส่วนเรื่องใบเหลืองใบแดง ในการเลือกตั้งครั้งนี้ นายฐิติเชฏฐ์ กล่าวว่า คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจะดูว่าถ้าเป็นการกระทำความผิด เราจะไม่ละเว้น ใบเหลืองใบแดงก็อาจจะต้องเกิดขึ้น และมากน้อยเท่าไหร่คาดเดาไม่ได้

เมื่อถามถึง การที่ กกต.ในฐานะผู้ควบคุมการเลือกตั้งถูกจับตา เรื่องความโปร่งใสในการทำงาน นายฐิติเชฏฐ์ กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 6 คน และทั้ง 6 คน มีความสุจริตและเที่ยงธรรม  มีภูมิหลัง มีศักดิ์ศรี มีเกียรติยศ เพราะฉะนั้นกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 6 คน ขอยืนยันว่าไม่ฝักใฝ่หรือช่วยเหลือพรรคใดพรรคหนึ่ง เราจะวางตัวเป็นกลาง อันไหนเป็นปัญหาที่ร้องเรียน ก็ต้องกล้ามาเป็นพยาน ถ้าร้องเรียนแล้ว พอเวลาสืบสวนไต่สวนแล้ว เรียกมาเป็นพยานแล้ว ไม่ให้การที่เป็นประโยชน์ มีกระแสหลายกระแสบอกว่าเรื่องร้องเรียน กกต. ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องมีข้อเท็จจริง หรือมีการซื้อเสียง กกต.ไม่เห็นทำอะไรได้เลย กระบวนการของ กกต. ต้องทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ขององค์กร ต้องให้ความเป็นธรรมทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง

นายฐิติเชฏฐ์ กล่าวว่า เราต้องให้ความเป็นธรรมผู้ถูกร้องอย่างเต็มที่ในการแสดงพยานหลักฐาน ว่าเขาไม่ได้กระทำความผิดตามที่ร้องเรียน ผู้ร้องก็ต้องหาพยานหลักฐานมาให้พร้อมมูล เพราะเชื่อจากนี้ไปจะมีเรื่องร้องเรียนมาที่ กกต หลายพันเรื่อง ซึ่งเราจะต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามขั้นตอน เรื่องร้องเรียนทุกเรื่องจะถูกตรวจสอบ โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนและตั้งอนุกรรมการวินิจฉัย เพื่อตรวจสอบว่ามีหลักฐานเพียงพอหรือไม่ ถ้ามีหลักฐานเพียงพอก็ดำเนินคดี ให้ใบเหลืองใบแดง  ถ้ามีหลักฐานไม่เพียงพอก็สั่งไม่รับคำร้องและสั่งยุติเรื่อง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ระยะเวลา

“ท่านร้องเรียนมาไม่ใช่เป็นสูตรสำเร็จรูปว่า ร้องเรียนวันที่ 1 แล้ววันที่ 30 เราพิจารณาให้ท่านเสร็จ ไม่ใช่หรอกครับ แล้วเรื่องที่จะต้องพิจารณาในการเลือกตั้งครั้งนี้ คาดว่าเรื่องร้องเรียนไม่ต่ำกว่า 2,000 เรื่อง ส่วนการแข่งขันในการเลือกตั้งปี 2566 นี้มีการแข่งขันสูง แต่เราจะอาศัยบทเรียนจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 มาเป็นบทเรียนแล้วมีการแก้ไข ถึงแม้ว่าการแข่งขันในการเลือกตั้งปี 2566 นี้จะสูงขนาดไหน แต่ กกต.จะยึดมั่นในความถูกต้อง ถ้าทำความผิดเราจะดำเนินการโดยเคร่งครัด ถ้าไม่ได้กระทำความผิดไม่ต้องกลัว กกต. จะไปกลั่นแกล้ง หรือไปให้ร้าย ถ้าไม่ได้กระทำความผิดเชื่อมั่นใน กกต.ได้ เราไม่ลงโทษ แต่ถ้ากระทำความผิดเราลงโทษแน่”

Advertisement

ผบ.ทบ.ยันลบคำว่า “ปฏิวัติ” จากพจนานุกรมกองทัพ

People Unity News : 11 พฤษภาคม 2566 ผบ.ทบ.ยันลบคำว่า “ปฏิวัติ” ออกจากพจนานุกรมกองทัพ ย้ำหลังเลือกตั้งเป็นศูนย์ ไม่หวั่นก้าวไกลเป็นรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องการเมืองจับขั้ว พร้อมดึงสติประชาชน บ้านเมืองต้องการความสงบ หากวุ่นวายจะเดือดร้อน

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์เชิญชวนให้กำลังพลไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ เพราะเป็นหน้าที่ในการสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กองทัพบกโดยผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นได้เน้นย้ำมาตลอด นอกจากนี้ยังใช้สื่อของกองทัพบกในทุกช่องทาง เพื่อสื่อสารกับกำลังพลและครอบครัวให้ออกไปใช้สิทธิ เพราะหน้าที่ของพลเมืองที่ดีคือการไปเลือกตั้ง ไปใช้สิทธิของตัวเองให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า อยากเตือนกำลังพลถึงแนวทางปฏิบัติในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เรื่องแนวทางการปฏิบัติ ให้ระมัดระวังอย่าทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะในด้านใด ซึ่งในวันที่ 12 พ.ค. ถือเป็นวันราชการวันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ก็จะเน้นย้ำกันอีกครั้ง โดยเฉพาะข้อกฎหมาย เช่น การสวมเสื้อมีชื่อพรรคการเมือง เข้าไปในพื้นที่หน่วยเลือกตั้ง รวมถึงหลังเวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พ.ค. งดการหาเสียง

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ทหารตกเป็นเป้าการยกเลิกเกณฑ์ทหาร และมองว่าทหารไม่จำเป็น มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ใครจะเข้ามา เขาก็มีสิทธิที่จะทำตามนโยบายของเขา ในส่วนของเราที่เป็นทหาร ก็มีสิทธิทำข้อมูลชี้แจงถึงความจำเป็นในการมีทหาร หรือความจำเป็นในการเกณฑ์ทหาร

“เป็นเรื่องที่นายทหารจะต้องพูดคุยกัน มีทั้งเรื่องที่คนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คือเป็นเรื่องปกติและเป็นสิทธิที่ทุกคนจะมีแนวคิดหรือมุมมองด้านใดได้ ถามว่ามีความเป็นห่วงสถานการณ์หลังเลือกตั้ง เพราะมองว่าจะมีความวุ่นวาย จะเดือดร้อนทหารอีกหรือไม่ ผมไม่ห่วง เพราะเชื่อว่าเรามีบทเรียนมามากแล้วในอดีต เพราะฉะนั้นทุกคนมาถึงจุดนี้ การเมืองในระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องเดินไป แต่ทุกคนก็ต้องมีสติ ว่าอะไรควร ไม่ควร สำหรับบ้านเมืองเรา และบ้านเมืองต้องการอะไร ซึ่งต้องการความสงบเรียบร้อย บ้านเมืองจะได้เจริญ เศรษฐกิจจะได้ดี แต่ถ้าเราคิดจะขัดแย้ง ก่อความวุ่นวาย บ้านเมืองและคนส่วนใหญ่ก็จะได้รับความเดือดร้อน จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะต้องกังวล แต่ทุกคนควรมีสติ” พล.อ.รณงค์พันธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงและการคงไว้ของเดิม อันไหนดีกว่ากัน พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เรื่องคงเดิมหรือเปลี่ยนใหม่ เป็นเรื่องของวันเวลา ที่เปลี่ยนใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลง ต้องดูว่าเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ดี ซึ่งมี 2 ทาง เพราะฉะนั้นทุกคน ถ้ามีสติ และมีข้อมูลอย่างรอบด้าน จะพิจารณาได้ว่า ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ตามกาลเวลาและสถานการณ์โลกใบนี้ เช่นเดียวกับชีวิตพวกเราก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงมีอยู่แล้ว เพียงแต่ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี

เมื่อถามว่า 5 เดือนที่เหลือในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ยืนยันได้หรือไม่ว่า สถานการณ์จะเรียบร้อย ไม่มีทหารออกไปทำอะไรให้ประชาชนหวาดวิตก พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า “ผมยืนยันไม่ได้ หมายถึงว่า ในส่วนของบ้านเมืองจะเรียบร้อยหรือไม่ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน แต่สิ่งที่ผมยืนยันได้ในเรื่องของสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ผมบอกแล้วว่ามันติดลบ ติดศูนย์ ผมยืนยันเรื่องนั้นแน่นอน”

เมื่อถามว่า ไม่มีการปฏิวัติหลังการเลือกตั้งใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า คำพวกนี้บอกนักข่าวไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ควรพูด ไม่ควรถาม และไม่ควรเขียน เพราะจะเป็นการปลุกความคิดที่ขัดแย้งต่อเนื่อง ซึ่งมันควรจะไม่มีแล้ว เพราะคำพวกนี้ที่คิดว่าไม่ดี ไม่เหมาะสม กลับประเทศ จึงขอร้องผู้สื่อข่าว ควรลบออกไปจากพจนานุกรมของผู้สื่อข่าว

เมื่อถามย้ำอีกว่า ต้องลบออกจากพจนานุกรมของกองทัพด้วยหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ พยักหน้า พร้อมกล่าวว่า ลบแน่นอนสำหรับผม

เมื่อถามว่า ไม่ควรจะมี แต่ใช่ว่าจะไม่มีใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ยังคงถามอยู่ คือ สิ่งที่เราสื่อสารกันเข้าใจ นักข่าวต้องถามเรื่องพวกนี้ จึงบอกว่าให้เห็นแก่ชาติบ้านเมือง ไม่ควรมีคำพวกนี้

เมื่อถามว่า มีคนไปปลุกกระแส หากมีคนไปเลือกพรรคโน้นแล้วทหารจะออกมา พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของสถานการณ์ในอนาคต ไม่มีใครตอบได้ จนกว่าจะถึงวันที่ 14 พฤษภาคม หรืออะไรก็ว่ากันไป ซึ่งถือเป็นเรื่องของนักการเมืองที่จะไปจับขั้วกันเองว่าจะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ทหารเป็นเพียงข้าราชการประจำ ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง

Advertisement

 

เปิดตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 66 พบเจน X มากสุด 20 ล้านคน

People Unity News : 10 พฤษภาคม 2566 สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เปิดเผยตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 2566 แยกเจเนอเรชัน พบเจน X มากสุด 20 ล้านคน

วันนี้ (10 พ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เปิดเผยจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 โดยแยกตามช่วงอายุ (Generation) จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง รวม 52,241,808 คน ดังนี้ 1. กลุ่ม Before Baby Boommer เกิดก่อน พ.ศ. 2491 จำนวน 2,956,182 ราย 2. กลุ่ม Generation Baby Boommer เกิดระหว่าง พ.ศ. 2491-2505 จำนวน 9,326,314 ราย 3. กลุ่ม Generation X เกิดระหว่าง พ.ศ. 2506-2526 จำนวน 20,882,235 ราย 4. กลุ่ม Generation Y เกิดระหว่าง พ.ศ. 2527-2546 จำนวน 17,983,355 ราย และ 5. กลุ่ม Generation Z เกิดระหว่าง พ.ศ. 2547 จนถึงก่อนวันที่ 16 พฤษภาคม 2548 จำนวน 1,093,722 ราย

ทั้งนี้ เมื่อแยกรายละเอียดเป็นรายจังหวัด พบว่า กรุงเทพมหานคร มีกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้ง กลุ่ม Generation X มากสุด คือ 1,777,588 ราย รองลงมาคือ กลุ่ม Generation Y จำนวน 1,455,337 ราย กลุ่ม Generation Baby Boommer จำนวน 869,461 ราย กลุ่ม Before Baby Boommer จำนวน 295,302 ราย และกลุ่ม Generation Z จำนวน 81,467 ราย ตามลำดับ

Advertisement

“ทักษิณ” โพสต์ขอกลับไทย ก่อนวันเกิดเดือน ก.ค.

People Unity News : 9 พฤษภาคม 2566 “ทักษิณ” โพสต์ทวิตเตอร์ ตัดสินใจกลับไทยขอเลี้ยงหลาน ภายใน ก.ค.66 ก่อนวันเกิด ยันจะกลับเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุ “ผมขออนุญาตอีกครั้ง ผมตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลานภายในเดือนกรกฎาคมนี้ก่อนวันเกิดผมครับ ขออนุญาตนะครับ เกือบ 17 ปีแล้วที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัว ผมก็แก่แล้วครับ”

จากนั้นเวลา 10.25 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวอีกครั้ง ระบุว่า “ไม่ต้องกังวลว่าผมจะเป็นภาระพรรคเพื่อไทย ผมจะเข้าสู่กระบวนการกฎหมายและวันที่ผมกล่าวยังเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ ทั้งหมดคือการตัดสินใจของผมเอง ด้วยความรักผูกพันกับครอบครัว แผ่นดินเกิดและเจ้านายของเรา”

ทั้งนี้ นายทักษิณ เกิดวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2492 โดย พ.ศ.2566 นี้ นายทักษิณ จะมีอายุครบ 74 ปี อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2566 นายทักษิณ โพสต์ระบุว่า “เช้าวันนี้ ผมดีใจมากที่ได้หลานคนที่ 7 เป็นชาย ชื่อ ธาษิณ จากน้องอิ๊งค์ แพทองธาร หลานทั้ง 7 คน คลอด ในขณะที่ผมต้องอยู่ต่างประเทศ ผมคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะผมอายุจะ 74 ปี กรกฎานี้แล้ว พบกันเร็วๆ นี้ ครับ ขออนุญาตนะครับ”

Advertisement

นายกฯ ห่วง ปชช. ระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน 8-10 พ.ค.

People Unity News : 7 พฤษภาคม 2566 นายกฯ ห่วงใยประชาชน เตือนให้ระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดจากพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบนช่วง 8-10 พ.ค. ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน หลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองช่วง 11-14 พ.ค.

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือน เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 8 – 10 พฤษภาคม 2566 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ นั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน โดยขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ไม่ควรสวมใส่โลหะ และหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

อนึ่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลอันดามันเข้ามาปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 11 – 14 พ.ค. 66 ประเทศไทยจะมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2 – 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

“นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนช่วงวันที่ 8 – 10 พ.ค. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายที่อาจเกิดจากพายุฤดูร้อน รวมทั้งขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 11 – 14 พ.ค. 66 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยจะมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้นตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics