วันที่ 26 ธันวาคม 2024

“อาเซียน-จีน”กระชับความร่วมมืออย่างรอบด้านตามยุทธศาสตร์ ค.ศ. 2030

People Unity News : “บิ๊กตู่”เป็นประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 22 ยัน “อาเซียน-จีน”กระชับความร่วมมืออย่างรอบด้าน ตามวิสัยทัศน์ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ค.ศ. 2030

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 เวลา 09.45 น. ณ ห้อง Sapphire 204 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 22 ภายหลังเสร็จสิ้น ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

การประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 22 มีขึ้นเพื่อร่วมกำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับจีน พร้อมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศที่อยู่ในความสนใจ ร่วมกัน โดยมีประเทศสมาชิก 10 ประเทศอาเซียน และนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าร่วม

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การประชุมในวันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่อาเซียนและจีนจะได้เสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ให้สูงขึ้นอีกระดับ เพื่อประโยชน์ร่วมกันและของภูมิภาค ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับจีนถือว่ามีพลวัตมากที่สุดประเทศหนึ่ง จากพัฒนาการความสัมพันธ์ใน 10 ปีที่ผ่านมา โดยถือเป็นเสาหลักสำคัญที่ค้ำจุนสันติภาพ เสถียรภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และความยั่งยืนของภูมิภาค

ไทยในฐานะประธานอาเซียน หวังที่จะเห็นความสัมพันธ์อาเซียน-จีน เจริญเติบโตยิ่งขึ้นไป เพื่อความผาสุกและผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ อาเซียนชื่นชมจีน สำหรับบทบาทในการส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียนในโครงสร้างสถาปัตยกรรมในภูมิภาคและในการช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือด้านความมั่นคง เศรษฐกิจความเชื่อมโยง และความร่วมมือระหว่างประชาชนอย่างแข็งขัน

ในปี 2561 ที่ผ่านมา ครบรอบ 15 ปี ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อาเซียนและจีน โดยได้รับรอง “วิสัยทัศน์ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อาเซียน-จีน ค.ศ. 2030” ที่ถือเป็นแนวทางความสัมพันธ์อย่างรอบด้านระหว่างกัน โดยที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้กระชับความร่วมมือตามวิสัยทัศน์ดังกล่าว เช่น การที่จีนยังคงตำแหน่งคู่ค้าอันดับหนึ่งของอาเซียน และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกันถึง 1 ล้านล้าน และ 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ ภายในปีหน้า การที่อาเซียนและจีนจะส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยมีแผนการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างแผนแม่บทของอาเซียนในเรื่องนี้ (MPAC 2025) กับ BRI ของจีน รวมถึงการสนับสนุนระบบพหุภาคีนิยมและภูมิภาคนิยม เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการรักษาพลวัตด้านความมั่นคงที่ยั่งยืนระหว่างกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจในระดับยุทธศาสตร์ และร่วมมือกันเสริมสร้างโครงสร้างสถาปัตยกรรมในภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง ผ่านกลไกต่าง ๆ

ในด้านเศรษฐกิจ ไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจทางทะเล การสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับ Greater Bay Area (GBA) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีพลวัตทางเศรษฐกิจที่สูง รวมทั้งประสงค์ที่จะเชิญชวนให้อาเซียน จีน และรวมถึงประเทศที่สาม มาลงทุนใน EEC ในภาคตะวันออกของไทย

โดยไทยยินดีที่จะประกาศว่า อาเซียนและจีนกำหนดให้ปี พ.ศ. 2563 เป็น “ปีแห่งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน-จีน” ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า จะช่วยขยายโอกาสทางเศรษฐกิจและการค้า เพื่อความมั่งคั่งของภูมิภาค

ผู้นำอาเซียนร่วมสธ.เปิดตัวศูนย์ ACAI “อนุทิน”ย้ำเป้า”ไม่ทิ้งผู้สูงวัย ไว้ข้างหลัง”

People Unity News : กระทรวงสาธารณสุขเปิดตัวศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงอายุอย่างมีศักยภาพและนวัตกรรม (ASEAN Center for Active Aging and Innovation : ACAI) ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 35 ที่ประเทศไทยได้ริเริ่มและผลักดันให้เกิดความร่วมมือในภูมิภาค พร้อมให้ทุกประเทศสมาชิกก้าวสู่สังคมสูงวัยอย่างมีศักยภาพ

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 ในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 35 มีการเปิดตัวศูนย์ ACAI โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมพิธีเปิดว่า รัฐบาลไทยได้มอบให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการเตรียมพร้อมรับมือสังคมผู้สูงอายุ ทั้งการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค โดยประเทศไทยได้เป็นผู้ริเริ่มชักชวนกลุ่มประเทศอาเซียนให้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยที่จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ในหลายประเทศ นำมาสู่ความร่วมมือในการจัดตั้งศูนย์ ACAI

เพื่อให้ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยได้รวบรวมความเชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาทั่วอาเซียน ร่วมมือกันทำโครงการวิจัย พัฒนา ออกแบบกลยุทธ์และแนวทางสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อเป็นศูนย์ความรู้ของอาเซียน ให้บริการความรู้ด้านวิชาการ นโยบายสาธารณะ ยุทธศาสตร์ นวัตกรรม และแนวทางด้านผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ ในการส่งเสริมให้เกิดสังคมผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี สามารถจัดการความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพที่จะเกิดขึ้น โดยศูนย์แห่งนี้ได้ตั้งอยู่ภายในกระทรวงสาธารณสุข
จังหวัดนนทบุรี

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การจัดตั้งศูนย์ ACAI นับเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของอาเซียน ที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มองสู่อนาคต และเป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์ที่สนับสนุนแนวคิดหลัก “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” ภายใต้การเป็นประธานอาเซียนของไทยในปี 2562 และเป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่ศูนย์ที่มุ่งให้มีสถานะทางกฎหมายระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนมีประชากรรวมกันประมาณ 650 ล้านคน ครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย และมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวน 59 ล้านคน หรือร้อยละ 9 ของประชากรทั้งภูมิภาค โดย 3 ประเทศ ที่มีประชากรสูงอายุมากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ (ร้อยละ 18) ประเทศไทย (ร้อยละ 16) และเวียดนาม (ร้อยละ 10) สำหรับอินโดนีเซียมีประชากรสูงอายุจำนวน 21 ล้านคนหรือร้อยละ 8 ของประชากรทั้งประเทศ

“อนุสรณ์” ข่มขวัญรัฐบาล อภิปรายไม่ไว้วางใจหนักแน่

People Unity News : “อนุสรณ์”โฆษกพรรคเพื่อไทย ข่มขวัญรัฐบาล อภิปรายไม่ไว้วางใจหนักแน่

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ออกมาระบุว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ น่าจะใช้เวลาแค่ 1-2 วัน ก็เพียงพอ ว่า ความกลัวทำให้เสื่อม ปากกล้าขาสั่น ดูเจตนาไม่ยาก ออกมาพูดเพื่อหวังมัดมือชกปิดปากฝ่ายค้าน ถือเป็นทางหนีธรรมชาติของรัฐบาลที่ทำควบคู่กับการตกปลาในบ่อเพื่อน รวบรวมเสียงมาแก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำแบบนี้มาตลอด ที่ผ่านมาข้อมูลการบริหารที่ล้มเหลวไหลเข้ามาหาฝ่ายค้านในช่องทางต่างๆทุกวัน บริหารประเทศมา 5 ปี เข้าสู่ปีที่ 6 รัฐบาลย่อมรู้ดีว่า ล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองด้านใดบ้าง มีคำถามว่าเกิดการทุจริตเชิงนโยบายเพื่อเอื้อกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เฉพาะเรื่องสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี รัฐมนตรีในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ยังตอบกันไปคนละเรื่อง ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ พรรคร่วมแตกแยก ปัญหาก็มากอยู่แล้ว แต่การยิงลูกโดดเอาตัวรอดของแต่ละพรรค โดยไม่สนเอกภาพของความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจะทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นงานหนักมากสำหรับรัฐบาล

“ประชาชนที่ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะได้เห็นภาพชัด ถึงความล้มเหลวในแทบทุกมิติ ที่รัฐบาลจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย” นายอนุสรณ์ กล่าว

“อ้น”ปลื้มผลโพลปชช.ชอบ”ชิมช้อปใช้-บัตรคนจน”

People Unity News : “อ้น”ปลื้มผลโพลปชช.ชอบ”ชิมช้อปใช้-บัตรคนจน” ชี้”พปชร.” มาถูกทางแล้ว เน้นแก้ปัญหาปากท้อง ตอกเป็นกระจกสะท้อนกลับฝ่ายค้านมัวแต่เล่นการเมือง จ้องล้มรัฐบาล

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ หรือ “อ้น” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรุงเทพโพลล์ เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนส่วนใหญ่ชื่นชอบโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” เฟส 1 และ 2 มากที่สุดในไตรมาสแรก รอรองลงมาคือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี ผลการสำรวจต่างๆ มีนัยสำคัญ เป็นตัวชี้วัดผลงาน ถือเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่ทางพรรคพลังประชารัฐ จะได้นำมาเป็นแนวทางในการกำหนดทิศทางการทำงานต่อไป โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการชืม ช้อป  ใช้”ที่ถูกพรรคฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดนั้น เมื่อผลการสำรวจออกมาเช่นนี้ สะท้อนว่าโครงการดังกล่าวเป็นที่ยอมรับของประชาชน จึงได้รับความนิยมจากประชาชน และประชาชนสนับสนุน ดังนั้นไม่ว่าจะโจมตีอย่างไร ก็ต้านทานกระแสความต้องการของประชาชนไม่ได้ โดยโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” ทั้ง 2 เฟสรวมกันมีผู้ได้รับสิทธิไปแล้ว 13 ล้านคน  ขณะที่มีประชาชนสอบถามถึง โครงการ “ชิม ช้อป ใช้” เฟส 3 ซึ่งเรื่องนี้นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะประเมินผลการดำเนินงานของทั้ง 2 เฟสก่อนอีกระยะ  หากมีความคืบหน้าทางส.ส.ของพรรคจะแจ้งให้ประชาชนได้ทราบและทำความเข้าใจต่อไป

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ในส่วนของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น เป็นการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ตรงจุด และยังช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับผู้ปกครองที่ต้องดูแลบุตรอายุ 0-6 ขวบ และผู้สูงอายุ แม้จำนวนเงินจะไม่มาก  แต่ก็สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ประชาชนจะชื่นชอบมากรองลงมาจาก โครงการ “ชิม ช้อป ใช้” เพราะเงินที่เติมลงไปเข้าบัตรทันที อย่างไรก็ตาม ทั้ง2 โครงการเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐิจระยะสั้น ในขณะที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อความยั่งยืน โดยได้เริ่มโครงการ “ประชารัฐสร้างไทย”  ที่บูรณาการทั้งความคิดและทรัพยากรต่างๆ ในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก อาทิ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ หน่วยงานและสถาบันการเงินของรัฐ เช่น ออมสิน, ธ.ก.ส., ธพว. และกองทุนหมู่บ้าน เป็นต้น โดยนำร่องไปแล้วในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน  8 จังหวัด คือเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน

“พรรคพลังประชารัฐเชื่อว่าเรามาถูกทางแล้ว ในการเดินยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน  และสร้างเชื่อมั่นให้กับประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเสียงตอบรับของประชาชนในวันนี้กลายเป็นกระจกสะท้อนกลับไปยังฝ่ายค้านให้หันกลับมาทบทวนบทบททของตนเอง หากยังมัวเล่นการเมือง หรือเล่นเกมเพื่อหวังโค้นล่มรัฐบาลเพียงอย่างเดียวนั้น นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์กับประชานแล้ว กระแสอาจตีกลับไปยังฝ่ายค้านด้วย”น.ส.ทิพานัน กล่าว

จ่ายตามสัญญาเดิม! “อนุทิน” ย้ำ งื่อนไขสร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน

People Unity News : จ่ายตามสัญญาเดิม! “อนุทิน” ย้ำ งื่อนไขสร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ยึดตาม RFP

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 จากกรณีที่มีข่าวว่าเงื่อนไขการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่ ฝ่ายเอกชนหรือกลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร หรือ CPH จะดำเนินการก่อสร้างตามระยะเวลาที่กำหนด จากนั้นภาครัฐจึงทยอยชำระค่าก่อสร้างตามมา เปลี่ยนเป็นให้เอกชน สร้าง และภาครัฐทยอยผ่อนจ่ายระหว่างดำเนินการ หรือสร้างไป จ่ายไป นั้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เงื่อนไขการเข้ามาประมูลงาน หรือ RFP ว่าอย่างไร ก็ตามนั้น จะขาด จะเกินไม่ได้ เป็นเรื่องสำคัญเพราะรัฐเป็นคู่สัญญา และถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข ฝ่ายที่เขาแพ้ประมูล รวมไปถึงเอกชน ที่ไม่เข้าประมูลเพราะเขาติดเงื่อนไขที่ประกาศไว้ ทางนั้นจะรู้สึกอย่างไร

ทั้งนี้ บางคนคิดเอาเองว่า EEC มี พ.ร.บ.ฉบับพิเศษ คอยอำนวยความสะดวก แต่ข้อเท็จจริงจริงคือกฎหมายฉบับนั้น ก็ต้องใช้คู่กับกฎหมายฉบับอื่น อาทิ กฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ

RFP ไม่ได้ตั้งเงื่อนไขให้เอกชนต้องดำเนินการแต่ฝ่ายเดียว แต่มีเรื่องที่รัฐต้องจัดการให้ อาทิ การส่งมอบพื้นที่ตามเวลาที่กำหนด หน่วยงานต่างๆ ต้องทำให้ทัน แต่ถ้ามีเหตุสุดวิสัย ก็ยืดเวลาก่อสร้างออกไปได้ อย่าไปคิดว่าจะให้รัฐชดเชยด้วยทางอื่น

สำหรับคนในส่วนของภาครัฐที่ไปให้ข่าว ขอให้เข้าใจด้วยว่า เรื่องการเซ็นสัญญาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คู่สัญญาคือเอกชน กับการรถไฟแห่งประเทศไทย มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคอยดูแล ยิ่งบางเรื่องต้องอาศัยอำนาจของคณะรัฐมนตรี จะไปพูดก่อนไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัฐ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวลือว่ากลุ่ม CPH เตรียมปรับลดสัดส่วนด้านการลงทุน ในโครงการรถไฟความเร็วสูงข้างต้น นายอนุทิน ตอบว่า ต้องดูว่า RFP อนุญาตให้ทำหรือไม่ แต่ส่วนตัวคิดว่าทำไม่ได้ เพราะถ้าทำได้ เท่ากับ ใครมีเงินก็เข้ามาประมูล เมื่อได้โครงการ ก็กระจายให้เอกชนรายอื่นรับช่วงต่อเช่นนั้นหรือ คิดว่าไม่ถูกต้อง เพราะภาครัฐ ไว้ใจ CPH ไม่ได้ไว้ใจผู้ที่จะมารับช่วงต่อ

“ธนกร”สวน”จาตุรนต์” เริ่มเป็นกรียนคีย์บอร์ด ย้อนเที่ยวอัด”สมคิด”

People Unity News : “ธนกร”สวน”จาตุรนต์” เริ่มเป็นกรียนคีย์บอร์ด ย้อนเที่ยวอัด”สมคิด” ทั้งที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจเศรษฐกิจเลย ลั่นรัฐบาลมาถูกทาง “ชิมช้อปใช้”ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้ดี

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในทำนองว่า ไม่สามารถชี้แจงได้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างไร สนุกอยู่กับมาตรการชิมช้อปใช้เฟส3ว่า นายจาตุรนต์เป็นนักการเมืองอาวุโสที่มีหลักการ แต่พักหลังดูเปลี่ยนไปจนน่าผิดหวังมาก เพราะทำตัวเหมือนนักเลงคีย์บอร์ด โพสต์โจมตีรัฐบาลไปวันๆ ทั้งๆ ที่ในใจลึกๆ แล้วคงแอบชื่มชมนายสมคิดอยู่ เพราะรู้มือกันดีว่าในอดีตหลายโครงการที่สำคัญของพรรคไทยรักไทยซึ่งประสบความสำเร็จมากๆ มาจากมันสมองของนายสมคิด ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้ นอกจากนี้ รัฐบาลมีแผนงานชัดเจนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ ไม่เคยละเลยการพัฒนาเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ มีการเร่งการลงทุนของภาครัฐ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจให้มั่นคง นายจาตุรนต์หลุดจากเวทีการเมืองไปนาน จึงอาจจะไม่ทราบ หรือว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ เพราะกลัวว่าชาวบ้านจะหันมารักรัฐบาลเพิ่มขึ้น

นายธนกร กล่าวอีกว่า มาตรการชิมช้อปใช้ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้ภาครัฐต้องเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเลือกการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน เพราะเป็นสัดส่วนใหญ่ของเศรษฐกิจไทยคือมากกว่าร้อยละ 50 เพื่อพยุงเศรษฐกิจในระยะสั้นไม่ให้ชะลอลงมากตามการชะลอลงของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าหลักของไทย ทั้งนี้ ในช่วง 1 เดือนกว่าที่ผ่านมา มาตรการชิมช้อปใช้ดำเนินไปตามเป้าหมายอย่างดี มีผู้มาลงทะเบียนครบตามเป้า และมีการใช้จ่ายหมุนเวียนของเม็ดเงิน ช่วยผู้ประกอบการรายย่อยและการจ้างงานกระจายตามภาคต่างๆ และทั่วทุกจังหวัด ประกอบกับการใช้จ่ายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ระดับหมื่นล้านบาทแล้ว รัฐบาลจึงเชื่อมั่นว่า มาตรการชิมช้อปใช้จะเป็นเครื่องยนต์เสริมที่สำคัญในการพยุงเศรษฐกิจระยะสั้นของไทย

“ปารีณา”จวก”แม่ธนาธร”ปมที่ดินราชบุรีอย่าโกหกต่อหน้าสื่อ

People Unity News : “ปารีณา”จวก”แม่ธนาธร”ปมที่ดินราชบุรี อย่าโกหกต่อหน้าสื่อ ยันทำเพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน พร้อมแนะรู้ดีอยู่แก่ใจ หยุดคิดว่าถูกกลั่นแกล้ง

เมื่อวันที่ 3 พ.ย.เวลา 11.00 น.น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีขอที่ดิน 500 ไร่ คืนจากนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากเอกสารสิทธิที่ถือครองไม่ใช่ นส.3 ก หรือ นส.3 ว่า ตนอยากถามนางสมพรว่า สิ่งที่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเป็นข้อมูลเท็จหรือไม่ เพราะการที่บอกว่าได้ซื้อที่ดินที่มีปัญหามาจากโรงงานมิตรผล ตรงนี้ก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากที่ดินประเภท ภบฏ5 และ นส 2 ไม่สามารถซื้อขายได้ ไม่สามารถครอบครองได้ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ที่หลวง ที่ป่าไม้จะซื้อขายได้อย่างไร

น.ส.ปารีณา กล่าวต่อว่า นางสมพรไม่ควรเอาใครไปเฝ้าหรือดูแลที่ดินที่เป็นของหลวง ตนอยากตั้งคำถามไปยังนางสมพรว่าพยายามทำอะไรอยู่กันแน่ ซึ่งบุคคลที่ถูกว่าจ้างไปเฝ้าที่ดิน อาจมีความผิดทางกฏหมายด้วย ทั้งนี้หากนางสมพร ยืนยันว่าถูกกล่าวหา ไม่เป็นธรรม ตนขอแนะนำให้ไปไตร่ตรองข้อเท็จจริงที่นางสมพรรู้ดีอยู่แก่ใจน่าจะเหมาะสมกว่าคิดว่าถูกคนอื่นกลั่นแกล้งตลอดเวลา

“เรื่องที่เกิดขึ้นมีผู้มาร้องเรียน และตนในฐานะผู้แทนประชาชนมีหน้าที่ต้องช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความทุกข์ร้อนและไม่เป็นธรรม หากตนเพิกเฉยก็ไม่เหมาะสมที่จะมาทำหน้าที่กินเงินภาษีของประชาชนทั้งประเทผส การที่นางสมพร ส่งทีมทนายความไปในพื้นที่ปัญหามาถึง 3 ครั้ง แต่ตกลงกับชาวบ้านไม่ได้ ทั้งๆที่นางสมพรก็รู้อยู่แล้วว่า ไม่ใช่หน้าที่ของชาวบ้านที่จะไปพิสูจน์พื้นที่ป่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในครั้งที่สามที่ นางอรสา ตัวแทนนางสมพร พูดว่า จะคืนที่ดินให้ แต่ต้องให้ชาวบ้านพิสูจน์พื้นที่ให้ได้ จึงจะคืน ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจมาก จึงนำมาสู่การร้องเรียนมาที่ตน”น.ส.ปารีณา กล่าว

น.ส.ปารีณา กล่าวต่อว่า การที่นางสมพรกล่าวว่าให้หยุดดำเนินการไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีนั้น ตนให้ความเคารพนางสมพรในฐานะผู้อาวุโส แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นจากชาวบ้าน มีเจ้าทุกข์ชัดเจน เพราะฉะนั้นหากนางสมพรจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับตน ตนก็ไม่ขัดข้อง เพราะถือว่าทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับชาวบ้านในพื้นที่

ประชาธิปัตย์เรียกประชุม ส.ส. นัดลุยงาน “สภา”

People Unity News : ประชาธิปัตย์เรียกประชุม ส.ส. นัดลุยงาน “สภา” สมัยประชุมนี้ ย้ำยึด “ประโยชน์ประชาชน” เป็นเป้าหมายสำคัญ

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเปิดสมัยประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ ครั้งที่ 2 พ.ศ.2562 ว่า
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์คงเดินหน้าทำงานในสภาเพื่อพี่น้องประชาชนดังเช่นสมัยประชุมที่ผ่านมาที่มีการขับเคลื่อนทุกเรื่องในสภาทั้งหมดเพื่อประชาชน

ในสมัยประชุมนี้เรื่องที่ สส.ของพรรค ได้บรรจุเป็นระเบียบวาระไว้แล้วเริ่มต้น 34 เรื่องที่สำคัญและมีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน เช่น การแก้ปัญหาการจัดการน้ำ เรื่องการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรเพื่อความยั่งยืน การแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน การเร่งออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินให้กับประชาชนโดยเสนอให้เป็นวาระแห่งชาติ การแก้ปัญหาเรื่องการทำประมง คลื่นทะเลกัดเซาะชายฝั่ง เรื่องการศึกษา การท่องเที่ยว การแก้ปัญหายาเสพติด เรื่องสิ่งแวดล้อมทางทะเล การแก้ปัญหาเรื่องการทุจริต และประเด็นเรื่องญัตติการศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคฯ เสนอไว้และเป็นเรื่องที่ได้กำหนดหลักการไว้ชัดเจนตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาลจนนำไปสู่การกำหนดไว้เป็นนโยบายเร่งด่วนอีกเรื่อง

ทั้งนี้มีความชัดเจนว่าเมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจากทุกพรรคและทุกภาคส่วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องที่ดี เชื่อว่าทั้งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน สมาชิกวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีจะร่วมมือกันเพื่อให้รัฐธรรมนูญก้าวสู่ความเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบมากขึ้น

ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงได้เรียกประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคฯ ในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2562 เวลา 13.30 น. เพื่อเตรียมงานในสภาอย่างเต็มรูปแบบในสมัยประชุมนี้ หากพี่น้องประชาชนมีเรื่องใดที่ต้องการให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์เป็นปากเสียงแทนให้ ขอให้ส่งข้อมูลมาที่พรรคฯ ได้ตลอดเวลา

“อลงกรณ์”ยืนยันรัฐบาลห่วงใยชาวประมงเร่งรัดแก้ไขปัญหาประมงคืบหน้า

People Unity News : “อลงกรณ์”ยืนยันรัฐบาลห่วงใยชาวประมงเร่งรัดแก้ไขปัญหาประมงคืบหน้า ทั้งเรื่องสินเชื่อประมงและการซื้อเรือออกนอกระบบใช้งบเกือบ 2 หมื่นล้าน รวมทั้งการแก้ไขกฎหมายล้าหลังไม่เป็นธรรม

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนวันนี้ (3 ต.ค. 2562) เกี่ยวกับกรณีนายกสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยระบุว่ารัฐบาลไม่มีมาตรการในการช่วยเหลือและไม่ได้รับการเหลียวแลและมีการดำเนินการที่ล่าช้ามากว่า นายกสมาคมการประมงได้ร่วมประชุมกับทุกสมาคมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอด 3 เดือนถึง 8 ครั้ง และมีการประชุมย่อยอื่นๆ กว่า 10 ครั้ง ย่อมทราบถึงความใส่ใจของรัฐบาลที่มีต่อชาวประมงและความก้าวหน้าในแต่ละข้อเรียกร้องซึ่งมีถึง 34 เรื่อง จึงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงออกมาพูดราวกับว่ารัฐบาลไม่เหลียวแลจึงต้องชี้แจงว่าปัญหาประมงที่สะสมหมักหมมมานานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการร่วมกับสมาคมประมงทุกสมาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการแก้ปัญหาและฟื้นฟูศักยภาพประมงเช่นโครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูศักยภาพทั้งประมงพื้นบ้านประมงพาณิชย์และประมงนอกน่านน้ำ1หมื่นล้านโดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยกว่า2พันล้านและโครงการซื้อเรือที่ประสงค์จะนำออกนอกระบบกว่า2พันลำวงเงิน7พันล้านเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรที่ยังยืนเป็นวงเงินรวมกันกว่า 17,000 ล้านซึ่งรัฐมนตรีเกษตรฯ ได้ลงนามไปตั้งแต่เดือนที่แล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติต่อไปโดยเฉพาะโครงการสินเชื่อจากธกส.นั้นถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ธกส.จะให้สินเชื่ออาชีพประมงและไม่เคยมีรัฐบาลใดเคยดำเนินการมาก่อน

สำหรับข้อเรียกร้องเรื่องการแก้ไขกฎระเบียบและกฎหมายประมงนั้นกระทรวงเกษตรฯได้ตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานทั้งยกร่างกฎหมายใหม่เช่นพรบ.กองทุนประมงและพรบ.สภาการประมงแห่งชาติให้แล้วเสร็จใน 90 วัน รวมทั้งแก้ไขกฎระเบียบรวมทั้งกฎหมายที่มีบทบัญญัติโทษรุนแรงเกินมาตรฐานสากลและกฎไอยูยู (IUU) ซึ่งหลายฉบับอยู่ในขั้นตอนกฎษฎีกาและเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ส่วนการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานตามมาตรา 83 ของ พรก.ประมงนั้น กรมประมงได้ส่งเรื่องให้กระทรวงแรงงานแล้วเพื่อนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการบริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าว เพื่อดำเนินการจัดหาแรงงานประมงต่อไป

“หลังจากประชุมร่วมกับทุกสมาคมประมง 6 ครั้งใน 6 สัปดาห์แรก จนมีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีเกษตรฯ ได้
แต่งตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทยและคณะอนุกรรมการ 4 คณะ ได้แก่

1.คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงพื้นบ้าน
2.คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงพาณิชย์ และการประมงนอกน่านน้าไทย
3คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้า
4.คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประมง

ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาการประมงของไทยแบบยั่งยืนโดยมีการประชุมทันทีหลังมีการแต่งตั้งอย่างน้อย 2 ครั้งในเดือนตุลาคมรวมทั้งสร้างโอกาสให้กับชาวประมงและผู้ประกอบการประมงด้วยการขยายความร่วมมือไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนกลุ่มประเทศแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียรวมทั้งองค์การสากลเช่นยูเอ็นและองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)” นายอลงกรณ์กล่าว

ด้านปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำอันเป็นผลเนื่องมาจากการนำเข้าสัตว์น้ำ จากต่างประเทศนั้นทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายและมีมาตรการในการควบคุมการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำให้เป็นไปตามมาตรฐานการแก้ไขการทำการประมงผิดกฎหมายรวมถึงสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างเข้มข้นและจับกุมไปแล้วหลายกรณีเพื่อป้องกันการทะลักเข้ามาของสินค้าสัตว์น้ำที่ผิดสุขอนามัยสัตว์น้ำและได้จากการทำการประมงผิดกฎหมาย

“บิ๊กตู่”หารือทวิภาคี”มหาธีร์”ยันแก้ปัญหาชายแดนใต้โดยสันติวิธี

People Unity News : “บิ๊กตู่”หารือทวิภาคี”มหาธีร์” ยันไทยและมาเลเซียให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้โดยสันติวิธี

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.20 น. ณ ห้องแซฟไฟร์ 108 อาคารอิมแพค ฟอรั่ม เมืองทองธานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทวิภาคีกับตุน ดร. มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ภายหลังเสร็จสิ้น ศาตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรียินดีกับความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ใกล้ชิดในทุกมิติ และจากการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มีผลการหารือที่นำไปสู่ความร่วมมือที่เกิดผลเป็นรูปธรรมหลายประการ พร้อมขอบคุณมาเลเซียที่สนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของไทย

นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวยินดีกับความสำเร็จการเป็นประธานอาเซียนของไทย ทั้งนี้ ไทยและมาเลเซียในฐานะสมาชิกอาเซียนต่างมีพัฒนาการความสัมพันธ์ที่เข้มแข็ง และร่วมสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยอาเซียนเป็นการรวมกลุ่มระดับภูมิภาคที่มีพัฒนาการและการเติบโตไปด้วยกัน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรัฐบาลมาเลเซียที่ได้เชิญหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้ไปพบปะหารือ และสนับสนุนความพยายามของไทยในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้โดยสันติวิธี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้กล่าวย้ำถึงการสนับสนุนการแก้ปัญหาของไทยและเห็นพ้องว่าแบ่งแยกดินแดนจะต้องไม่เกิดขึ้นหรือแบ่งแยกได้

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเร่งเสริมสร้างความเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานชายแดน พร้อมผลักดันการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งสินค้าทางถนนข้าม พรมแดนได้ในเร็ววัน ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าอย่างไร้รอยต่อระหว่าง กรุงเทพฯ ถึงท่าเรือปีนัง ยะโฮร์บารู และต่อไปยังสิงคโปร์ รวมทั้ง ถนนเชื่อมด่านฯที่จะเร่งดำเนินการเพื่อก่อสร้างถนนได้ในโอกาสอันใกล้ หากทั้งสองฝ่ายเร่งหาข้อสรุปโดยนายกรัฐมนตรีหวังว่า มาเลเซียจะสนับสนุนการนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในภาคใต้ของไทย และเป็นปัจจัยสนับสนุนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ของไทยในมิติด้านเศรษฐกิจอีกด้วย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องในการร่วมมือแก้ปัญหาการลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมายตามแนวชายแดน และปัญหาการจัดเก็บภาษี เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ

Verified by ExactMetrics