วันที่ 24 พฤศจิกายน 2024

ยูเนสโกรับรอง ‘คัมภีร์ใบลานเรื่องอุรังคธาตุ’ เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก

People Unity News : 27 พฤษภาคม 2566 ยูเนสโกรับรอง ‘คัมภีร์ใบลานเรื่องอุรังคธาตุ’ เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก ถือเป็นเอกสารโบราณสำคัญของชาติ เป็นแหล่งรวมความคิด และประสบการณ์สะท้อนความหลากหลาย

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) ให้การรับรอง ‘คัมภีร์ใบลานเรื่องอุรังคธาตุ’ เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การยูเนสโก ครั้งที่ 216 ได้พิจารณาวาระการขึ้นทะเบียนมรดกความทรงจำแห่งโลก (Nominations of new items of documentary heritage to be inscribed on the Memory of the World International Register) ซึ่งได้ผ่านกระบวนการการพิจารณาโดย International Advisory Committee (IAC) แล้ว เพื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารฯ ในครั้งนี้รับรอง โดยมีรายชื่อขึ้นทะเบียนทั้งหมด 64 รายการ และประเทศไทยได้เสนอขึ้นทะเบียนรอบปี ค.ศ. 2022-2023 จำนวน 2 รายการ ได้แก่ หนังสือสมุดไทย เรื่อง นันโทปนันทสูตรคำหลวง และคัมภีร์ใบลานเรื่องอุรังคธาตุ โดยหนังสือสมุดไทย ยังไม่ผ่านการพิจารณา ซึ่งไทยได้ขอให้ยูเนสโกมีคำอธิบายอย่างเป็นทางการเพื่อนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงแก้ไขเอกสารให้ถูกต้องต่อไป

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมว่า คัมภีร์ใบลานเรื่องอุรังคธาตุ เป็นหนังสือใบลานจารึกด้วยอักษรธรรมอีสาน ภาษาไทย และภาษาบาลี ที่มีทำนองการแต่งเป็นภาษาโบราณแบบเฉพาะของท้องถิ่น แทรกคติธรรม ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี มีหลักฐานปรากฏอยู่ในลานหน้าสุดท้ายกล่าวไว้ชัดเจนว่าหนังสือฉบับนี้อาชญาเจ้าพระอุปราช พร้อมด้วยบุตร ภรรยา ให้สร้างขึ้นไว้เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2405 ทั้งนี้ ไทย ได้ประกาศขึ้นทะเบียนมรดกความทรงจำแห่งโลกมาแล้ว 5 รายการ ได้แก่ 1.) ศิลาจารึก หลักที่ 1 (พ.ศ. 2546) 2.) เอกสารจดหมายเหตุพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิรูปการบริหารการปกครองประเทศสยาม (พุทธศักราช 2411 – 2453) (พ.ศ. 2552) 3.) จารึกวัดโพธิ์ (พ.ศ. 2551 ในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ พ.ศ. 2554 ในระดับโลก) 4.) บันทึกการประชุมคณะกรรมการสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ ในรอบ 100 ปี (พ.ศ. 2556) และ 5.) ฟิล์มกระจกชุดหอพระสมุดวชิรญาณ (พ.ศ. 2559)

“นายกรัฐมนตรีภูมิใจในความเป็นไทย มีประวัติศาสตร์ที่ดำเนินมายาวนานอย่างที่มีเอกลักษณ์ ประเทศไทยมีความหลากหลายทั้งในด้านสังคม และวัฒนธรรม จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เชื่อมั่นว่าการรับรองทั้ง 6 รายการเป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก จะมีส่วนช่วยการอนุรักษ์ เผยแพร่ประสบการณ์ที่สะท้อนคิดริเริ่มต่าง ๆ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เข้าใจในความหมายและคุณค่า ซึ่งรัฐบาลเห็นว่า ไทยยังมีเอกสารที่เป็นมรดกความทรงจำของชาติอีกมากตามสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ และวัฒนธรรมเฉพาะตัว” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

24 ชม. ข้างหน้า เหนือ-อีสาน-ตอ.ฝนตกหนักบางแห่ง

People Unity News : 24 พฤษภาคม 2566 กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง แต่ยังคงมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วน กทม.-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากระหว่างบ่ายถึงค่ำ

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก แต่ยังคงมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส

Advertisement

ยูเนสโกรับรอง โคราชจีโอพาร์ค เป็นอุทยานธรณีโลก

People Unity News : 20 พฤษภาคม 2566 โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดียูเนสโกรับรอง โคราชจีโอพาร์ค เป็นอุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geopark) ทำให้โคราชเป็นเมืองที่ 4 ของโลกที่มีดินแดนแห่ง 3 มงกุฎของยูเนสโก ในจังหวัดเดียวกัน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) รับรองให้ โคราชจีโอพาร์ค (KHORAT Geopark) จังหวัดนครราชสีมา เป็นอุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geopark) เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 ถือเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งที่ 2 ของประเทศไทย และทำให้ไทยสร้างอีกประวัติศาสตร์ จังหวัดนครราชสีมา เป็นเมืองแห่ง 3 มงกุฎ หรือ ทริปเปิลคราวน์ (Triple Crown) ถือเป็นเมืองที่ 4 ของโลก ต่อจากอิตาลี เกาหลีใต้ และจีน ที่มีดินแดนแห่ง 3 มงกุฎของยูเนสโก ในจังหวัดเดียวกัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ยูเนสโกได้ลงพื้นที่ตรวจประเมิน เก็บข้อมูลภาคสนาม ใน 17 แหล่งสำคัญของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งผลการประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การยูเนสโก ครั้งที่ 216 (216th session of the Executive Board) ณ องค์การยูเนสโก สำนักงานใหญ่ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส มีมติรับรองให้ โคราชจีโอพาร์ค เป็น อุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geopark) ซึ่งส่งผลให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นหนึ่งในเมืองประวัติศาสตร์เป็นเมืองแห่ง 3 มงกุฎทางธรรมชาติของยูเนสโก (The UNESCO Triple Crown of Nature) ถือเป็นประเทศที่ 4 ของโลก ต่อจากอิตาลี เกาหลีใต้ และจีน ที่ใน 1 จังหวัด จะมีโปรแกรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของยูเนสโก ครบทั้ง 3 โปรแกรม ได้แก่ 1. มรดกโลก (กลุ่มป่าดงพญาเย็นเขาใหญ่) 2. มนุษย์และชีวมณฑล (พื้นที่สงวนชีวมณฑลป่าสะแกราช) และ 3.จีโอพาร์คโลก (โคราชจีโอพาร์ค)

ทั้งนี้ โคราชจีโอพาร์ค มีความแตกต่างจากจีโอพาร์คโลก ที่มีอยู่ 177 แห่งทั่วโลก คือ เป็นดินแดนแห่งเควสตาและ ฟอสซิล (Cuesta & Fossil Land) ที่เชื่อมโยงกับระบบนิเวศป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และวิถีชีวิตผู้คนกว่า 4,000 ปี ในพื้นที่ภูมิศาสตร์บริเวณลุ่มน้ำลำตะคองตอนกลางถึงตอนล่าง โดยพัฒนาต่อยอดและขยายจากสถาบันวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ที่ดำเนินโครงการในระยะแรก นับตั้งแต่ปี 2537

“นายกรัฐมนตรีชื่นชมผลการรับรอง และภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับการรับรองนี้ สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ ธรรมชาติ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ของไทย พื้นที่ดังกล่าวจะเป็นอีกแหล่งศึกษาที่สำคัญให้กับผู้ที่สนใจ โดยเฉพาะซากดึกดำบรรพ์ที่มีคุณค่าเป็นที่รู้จักระดับนานาชาติ ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์อีกหลายแห่งทั่วประเทศ ซึ่งได้ผลักดันให้เกิดการพัฒนาด้วยแล้ว” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

รัฐบาลชวนกลุ่มเสี่ยง รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ฟรี เผยฤดูฝน เป็นช่วงการแพร่ระบาด

People Unity News : 20 พฤษภาคม 2566 รองโฆษกรัฐบาล เผยภาพรวมประชาชนกลุ่มเสี่ยงสิทธิบัตรทองฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แล้ว กว่าแสนคน เชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงฯ เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ฟรี

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยบริการทั่วประเทศที่ร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ได้เปิดให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในประชากรกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมาถึง 31 สิงหาคม 2566 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมดลง จากภาพรวมของการให้บริการในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา จากการรายงานในระบบของ สปสช. (ข้อมูล ณ 17 พ.ค. 66) มีประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับการฉีดวัคซีนฯ แล้วจำนวน 100,604 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 3.46 ของกลุ่มเป้าหมาย

นางสาวรัชดา กล่าวว่า เมื่อดูหน่วยบริการที่ร่วมให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สูงสุด 5 อันดับแรก ปรากฏว่า รพ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้ให้บริการฉีดวัคซีนฯแล้วกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดอยู่ที่จำนวน 4,118 คน รองลงมาคือ รพ.สามพราน จ.นครปฐม จำนวน 2,957 คน, รพ.ศรีสะเกษ จำนวน 1,455 คน, รพ.สุรินทร์ จำนวน 1,226 คน และ รพ.สงขลา จำนวน 1,187 คน

ส่วนข้อมูลรายงานการให้บริการระดับจังหวัด 5 อันดับแรก ของจังหวัดที่มีการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่มากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร มีประชาชนกลุ่มเป้าหมายรับบริการแล้ว 19,585 คน รองลงมาคือ ปทุมธานี จำนวน 6,162 คน, ชลบุรี จำนวน 5,267 คน, นครปฐม จำนวน 4,569 คน และ สงขลา จำนวน 3,550 ราย เมื่อเปรียบเทียบตามประชากรกลุ่มเป้าหมายในการให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่นั้น พบว่ากลุ่มผุ้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนฯ มากที่สุด รองลงมาเป็นกลุ่มผุ้ป่วยโรคเรื้อรัง ซึ่งเป็นไปตามสัดส่วนของประชากรในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

“ขณะนี้เริ่มใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูฝน เป็นช่วงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ขอเชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั้ง 7 กลุ่ม ที่ได้รับสิทธิในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้รีบมารับบริการฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคไข้หวัดใหญ่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่นี้ยังสามารถรับบริการฉีดพร้อมกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประชาชนทั้ง 7 กลุ่มเสี่ยงก็สามารถรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ โดยฉีดที่ต้นแขนคนละข้าง แต่หากไม่ได้ฉีดพร้อมกัน สามารถฉีดเมื่อไรก็ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะห่าง” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertisement

MEA เตือนภัยพายุฤดูร้อน แนะวิธีป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า

People Unity News : 1 พฤษภาคม 2566 MEA ห่วงใย เตือนภัยพายุฤดูร้อนล่าสุด แนะนำวิธีป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า

ตามที่ กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ 1 พฤษภาคม 2566 ฉบับที่ 8 เรื่อง เตือนภัยพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทย ระบุว่าในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง อาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ รวมถึงภาคกลาง กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

นายคมกริช สาคริก ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย ดูแลระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ มีความห่วงใยประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดพายุฝนลมแรง โดยขอแนะนำให้ตรวจสอบโครงสร้างป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพที่แข็งแรงมั่นคงปลอดภัย และตรวจสอบระยะห่างของป้ายโฆษณากับสายไฟฟ้าให้มากขึ้นเพราะอาจส่งผลกระทบกับระบบไฟฟ้าอาจทำให้ไฟฟ้าดับ และขอให้ประชาชนอยู่ห่างจากป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงใกล้แนวสายไฟฟ้า เพราะกิ่งไม้อาจหักโค่นจากลมกระโชกแรงและพาดลงมาทำให้เสาไฟฟ้าล้ม หรือสายไฟฟ้าขาด เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งขอแนะนำให้ประชาชนตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าหากชำรุดเร่งซ่อมแซมแก้ไข และสำรวจต้นไม้ที่ปลูกในบริเวณบ้านของตนเอง ให้กิ่งไม้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยไม่ระสายไฟฟ้าเพราะอาจทำให้ไฟฟ้าดับ รวมไปถึงอาจจะทำให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วมาตามกิ่งไม้ที่เปียกน้ำจากฝนฟ้าคะนองได้พร้อมทั้งควรติดตามข่าวสารสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุด หรืออยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ MEA ได้ทุกเขต หรือที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 รวมถึงสามารถแจ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line : MEA Connect, Twitter : @mea_news หรือ แจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้องผ่าน MEA Smart Life ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนระบบiOS และ Android ของ MEA ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดาวน์โหลดฟรี คลิก https://onelink.to/measmartlife

Advertisement

ค่าไฟแพง มิจฉาชีพหลอกขายแผงโซลาร์เซลล์ทิพย์

People Unity News : 29 เมษายน 2566 รัฐบาลเตือนระวังมิจฉาชีพ หลอกขายแผงโซลาร์เซลล์ทิพย์ พบระบาดช่วงหน้าร้อน แม้แนวโน้มการแจ้งความคดีออนไลน์ลดลงหลังกฎหมายเข้มงวดขึ้น แต่ตำรวจยังพบการหลอกลวงหลายรูปแบบ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากรัฐบาล ได้บังคับพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.66 ได้ปราบปรามอย่างเข้มงวด โดยศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่า สถิติการแจ้งความคดีออนไลน์ ตั้งแต่ 1 มี.ค. 65 -24 เม.ย.66 มีคดีออนไลน์ 244,734 คดี นับว่ามีแนวโน้ม ลดลงจาก 27,000 คดีต่อเดือนในเดือน ธ.ค.65 ลดลงเป็น 24,000 คดีในเดือนมกราคม 21,000 คดีกุมภาพันธ์ และ 20,000 คดีในเดือน มี.ค.66 ตามลำดับ

แม้ข้อมูลรายเดือน เห็นแนวโน้มคดีออนไลน์ลดลง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังพบการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งการขายสินค้าและบริการทางออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ หลอกให้ทำธุรกรรมต่างๆ จึงขอย้ำเตือนประชาชนให้ยังคงระมัดระวังตนเอง ดูแลสอดส่องคนในครอบครัวไม่หลงเชื่อบุคคลแปลกหน้าที่ติดต่อมาทุกช่องทาง โดยเฉพาะหากมีกรณีที่เกี่ยวข้องกับการให้ทำธุรกรรม ให้โอนเงิน ชำระเงินค่าสินค้าและบริการ ให้ตั้งข้อสงสัยก่อนว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ และให้ตรวจสอบโดยละเอียดก่อนทำธุรกรรม

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า มิจฉาชีพได้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาที่ใช้ในการหลอกลวงไปตามสถานการณ์ ล่าสุดกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แจ้งเตือน ในช่วงประชาชน สนใจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า หลอกลวงขายแผงโซล่าเซลล์ โดยใช้บัญชีเฟซบุ๊กปลอมแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มต่างๆ ที่มีการซื้อขายโซล่าเซลล์และอุปกรณ์ติดตั้งแล้วโพสต์ขายสินค้าในราคาถูกกว่าท้องตลาด ด้วยภาพที่คัดลอกมาจากช่องทาง มีการซื้อขายจริง และมีการเร่งรัดให้รีบตัดสินใจว่าสินค้าใกล้จะหมด ซึ่งปรากฏว่ามีผู้หลงเชื่อแล้วโอนเงินให้ แต่ไม่ได้รับสินค้าจำนวนมาก

โดย บช.สอท. ได้มีข้อแนะนำจุดสังเกตเพื่อการซื้อสินค้า/บริการออนไลน์ที่ปลอดภัยว่า ให้หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าที่ไม่มีหน้าร้าน ควรติดต่อซื้อจากบริษัทหรือตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ ระวังการซื้อสินค้าราคาถูกกว่าปกติของท้องตลาด ตรวจสอบบัญชีโซเชียลมีเดียของผู้ประกาศขายสินค้า มีความเคลื่อนไหวหรือไม่ ประวัติเป็นอย่างไร

ตรวจสอบความมีอยู่จริงของสินค้า โดยขอดูภาพหลายๆ มุมนอกจากภาพที่ประกาศขาย สอบถามรายละเอียดสินค้าที่เกี่ยวข้อง ผลิตจากที่ใด เงื่อนไขการรับประกัน วิธีการใช้งาน ตรวจสอบการรีวิวสินค้า และต้องระวังการรีวิวปลอม เป็นผู้รีวิวจริงหรือหรือบัญชีอวตาร และก่อนโอนชำระเงินค่าสินค้า ให้ตรวจสอบประวัติของร้าน และชื่อหมายเลขบัญชีธนาคารที่รับโอนเงิน ว่ามีประวัติไม่ดีหรือไม่ ผ่านเว็บไซต์ Google, https://www.blacklistseller.com หรือ https://www.chaladohn.com เป็นต้น

Advertisement

 

อุตุฯ เตือน 58 จังหวัด รับมือพายุฤดูร้อน 24-26 เม.ย.

People Unity News : 24 เมษายน 2566 กรมอุตุฯ ประกาศฉบับที่ 5 เตือน 58 จังหวัด รับมือพายุฤดูร้อน โดยจะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่าบางพื้นที่ ช่วงวันที่ 24-26 เม.ย.นี้

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 5 (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 24-26 เมษายน 2566) ระบุว่า ในช่วงวันที่ 24-26 เมษายน 2566 ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ไม่ควรสวมใส่โลหะ และหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในช่วงวันและเวลาดังกล่าว

โดยจังหวัดที่คาดว่าจะมีผลกระทบ มีดังนี้

วันที่ 24 เมษายน 2566

ภาคเหนือ : จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคตะวันออก : จังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

วันที่ 25-26 เมษายน 2566

ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ส่วนบริเวณอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

Advertisement

สธ.ยืนยันมีผู้ติดเชื้อโควิดมากขึ้น 1 พ.ค.เตรียมฉีดวัคซีนโควิดคู่ไข้หวัดใหญ่

People Unity News : 18 เมษายน 2566 สธ.แจงสถานการณ์โควิด ยอมรับติดเชื้อมากขึ้นแต่ยังไม่มีนัยสำคัญ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พบคนใส่ท่อช่วยหายใจ สะสมไม่ถึง 20 คน ส่วน XBB.1.16 หลบภูมิ ติดง่าย เป็นเรื่องปกติของไวรัสกลายพันธุ์ และ WHO ยังให้เป็นสายพันธุ์เฝ้าระวัง ยันยารักษามีเพียงพอทุกชนิด และยังใช้ได้ปกติ บ่ายนี้เตรียมทำความเข้าใจกับแพทย์ และ 1 พ.ค.นี้ เตรียมฉีดวัคซีนโควิดคู่กับไข้หวัดใหญ่ เหมือนโรคประจำถิ่น 1 ปีฉีด 1 ครั้ง

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมติดตามสถานการณ์กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 ว่า จากการรายงานของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่าแม้จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น แต่อาการไม่รุนแรง มีรักษาตัวใน รพ.น้อย โดยจำนวนผู้ใส่ท่อช่วยหายใจ ใน 12 เขตสุขภาพ มีสะสมไม่ถึง 20 คน และเสียชีวิตแค่ 2 คนเท่านั้น ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ผู้คนส่วนใหญ่ออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น ทั้งนี้การเพิ่มจำนวนของผู้ติดเชื้อที่มากขึ้น ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะการติดเชื้อที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่ต่ำมาก

ส่วนการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ที่มีรายงานพบสายพันธุ์ XBB.1.16 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ลูกผสมโอไมครอนนั้น นพ.โอภาส กล่าวว่า เป็นธรรมดาของเชื้อไวรัสที่ต้องมีการพัฒนา และการกลายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่พบนี้ก็ยังเป็นโอไมครอนอยู่ ซึ่งทางห้องปฏิบัติการพบว่าไวรัสตัวนี้หลบภูมิติดง่าย แต่ก็ไม่ได้ติดง่ายกว่าตัวอื่น หรือรุนแรงกว่าตัวอื่น โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคงจัดให้ไวรัสอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่ต้องติดตาม และไม่ได้อยู่ในสายพันธุ์เฝ้าระวัง และเชื้อไวรัสยังคงตอบสนองต่อยาเหมือนเดิม และสตอกยังคงมีเพียงพอ ไม่ว่าจะฟาวิพิราเวียร์, โมลนูพิราเวียร์ 1 ล้านเม็ด, เรมดีสซีเวียร์ 100,000 โดส (ใช้ฉีด), แพกซโลวิด ใช้เพียงพอ 10,000 คน และ LAAB ทั้งนี้การจะระบุว่าสถานการณ์การติดเชื้อรุนแรงขึ้นจะอยู่แค่ปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งไม่ได้ ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ หรือผู้เสียชีวิต หรืออาการทางคลินิก

นพ.โอภาส กล่าวว่า เมื่อวานนี้ก็มีการประชุมผู้เชี่ยวชาญ ได้ให้คำแนะนำเรื่อง การจ่ายยาต้านยาไวรัส ในกลุ่มเสี่ยง 608 ที่มีอาการ ส่วนคนทั่วไปที่มีอาการน้อยให้รักษาตามอาการ สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด เตรียมให้การฉีดให้รูปแบบของวัคซีนแบบประจำปี /ปีละ 1 ครั้ง ร่วมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉะนั้นการรับมือโควิด-19 จึงเหมือนกับโรคประจำถิ่น ซึ่งจะเริ่มมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 คู่กับไข้หวัดใหญ่ทั่วประเทศ 1 พ.ค. นี้ เบื้องต้นเน้นในกลุ่มเสี่ยง 608 ก่อน ส่วนคนทั่วไปที่ตอนนี้กังวลกับสถานการณ์โควิด และใกล้เดือน พ.ค.แล้ว หากต้องการฉีดก็สามารถทำได้ เพียงแต่ระยะห่างของวัคซีน ควรห่างมากแล้ว 3 เดือน หรือป่วยหายแล้วมานาน 3 เดือนเช่นนั้น ทั้งนี้สถานการณ์การติดเชื้อโรคทางเดินหายใจพบว่า มีการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่มากถึง 15% ส่วนโควิด 3 % เท่านั้น

นพ.โอภาส กล่าวว่า ทั้งนี้ในช่วงบ่าย กระทรวงสาธารณสุข จะร่วมกับแพทยสภา สื่อสารข้อมูลกับแพทย์ทั่วประเทศ ถึงสถานการณ์โควิด-19 เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน อย่างไรก็ตาม หากคนที่ไปทำกิจกรรมช่วงสงกรานต์ต้องสังเกตตัวเอง งดใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง 608 โดยการป้องกันโรคยังใช้ชุดความรู้เดิม สวมหน้ากากอนามัย ระยะห่าง ล้างมือ พร้อมย้ำว่า สถานการณ์การติดเชื้อในไทย ยังไม่เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และสายพันธุ์ที่พบมากยังเป็น XBB.1.5 ส่วน XBB.1.16 ยังไม่พบ

Advertisement

“อนุทิน” ขอความกรุณา ปชช. ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น

People Unity News : 17 เมษายน 2566 “อนุทิน” ยันไม่มีอำนาจมอบนโยบาย สธ. แล้ว ได้แต่กำชับปลัดฯ ดูแลโควิดหลังสงกรานต์ ขอความกรุณา ปชช.รับวัคซีนเข็มกระตุ้นต้านโอมิครอน โยนถามหมอเป็นคลัสเตอร์ใหม่หรือไม่ เผยยังอยู่ในวิสัยที่ยังไม่เสี่ยง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ ว่า ตอนนี้ตนเองเป็นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่ได้กำชับให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขไป ให้มาปฏิบัติหน้าที่ตามที่เคยมอบนโยบายไปก่อนหน้านี้

“เพราะตอนนี้ไม่สามารถมอบนโบบาย ทำได้เพียงสนับสนุนเท่านั้น หากผู้บริหารเสนออะไรมาที่ต้องนำเข้าที่ประชุม ครม. หรือสิ่งที่จำเป็น ตนต้องสแตนด์บายเร่งเพื่อให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ไม่กล้าใช้คำว่าสั่งการอะไร” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้ปลัดกระทรวงฯ กำลังเปิดศูนย์ฉุกเฉิน หรือ eoc และให้การยืนยันว่าแม้จะมีการติดเชื้อมากขึ้น ก็ต้องขอให้ประชาชนมารับวัคซีนให้มากขึ้นเช่นกัน เพราะการฉีดวัคซีนจะสามารทำให้ระดับความรุนแรงของเชื้อลดลง ส่วนจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นนั้น ก็ยังคงเฝ้าระวังอยู่แล้ว ให้การยืนยันกับทุกคนว่า เรื่องเวชภัณฑ์และทีมแพทย์ที่มีความพร้อมมากๆ

ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากการมีความใกล้ชิดมากขึ้น แต่จำนวนผู้ป่วยที่มีความรุนแรงส่วนใหญ่ยังอยู่ในกลุ่มผู้ป่วย 608 กลุ่มที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว และมีเชื้อโควิดเป็นตัวเร่งเร้าให้มีอาการหนักขึ้น รวมถึงผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข โดยขอความกรุณาให้ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ช่วยทำให้ความเสี่ยงทั้งหลายลดลง เพราะยังเป็นเชื้อโอมิครอนอยู่ ซึ่งวัคซีนยังสามารถลดความรุนแรงของเชื้อได้

นายอนุทิน ยังกล่าวถึง ความกังวลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นคลัสเตอร์ และทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อพีคมากขึ้นเหมือนปีก่อนหรือไม่ว่า เรื่องนี้ต้องให้ไปถามแพทย์ แต่เท่าที่ได้รับการรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขนั้น ยืนยันว่ายังอยู่ในวิสัยที่ยังไม่ถือว่าเป็นความเสี่ยง การควบคุมดูแลต้องอยู่ทั้งสองฝ่าย หากป่วยแล้วป่วยหนัก เรามียารักษา และที่เพิ่มความคุ้มกันไปด้วยซึ่งเหมาะสมกับกลุ่มผู้ป่วย 608

Advertisement

นายกฯ ยินดี “ขอนแก่น” เป็นอันดับ 1 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวคุ้มค่าที่สุด

People Unity News : 15 เมษายน 2566 โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ยินดี Agoda จัดอันดับ “จ.ขอนแก่น” เป็นอันดับ 1 จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ช่วงเดือนเมษายน 2566 พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่จังหวัดขอนแก่น ติดอันดับ 1 จากทั้งหมด 10 แหล่งจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ช่วงเดือนเมษายน 2566 (10 Most Affordable Destinations in Asia Pacific 2023) จาก Agoda แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวระดับโลก ตอกย้ำความนิยมในแหล่งท่องเที่ยวของไทย พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Cultural Tourism) ช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เว็บไซต์ Travel Daily News ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ด้านการท่องเที่ยวทั่วโลก ได้เผยแพร่รายงานการจัดอันดับดังกล่าว ซึ่งให้ข้อมูลโดย Agoda (https://www.traveldailynews.asia/statistics-trends/khon-kaen-is-the-most-affordable-tourist-destination-in-thailand-says-agoda/) ระบุว่า Agoda ได้วิเคราะห์ราคาเฉลี่ยห้องพักของแหล่งท่องเที่ยวที่คุ้มค่า ราคาย่อมเยาที่สุดในช่วงเดือนเมษายน 2566 ซึ่งจังหวัดขอนแก่น ได้รับอันดับ 1 จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีราคาห้องพักคุ้มค่าที่สุดในเดือนเมษายน 2566 นี้ ด้วยราคาเฉลี่ยคืนละ 1,030 บาท นอกจากนี้เมื่อเทียบราคาเฉลี่ยห้องพักในประเทศไทยรองจากขอนแก่น 4 อำเภอ/จังหวัด ที่ราคาคุ้มค่าเช่นกัน ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา อุดรธานี และหาดใหญ่ ตามลำดับ

นอกจากนี้ยังระบุว่าจังหวัดขอนแก่นเป็นอีกหนึ่งสถานที่จัดเทศกาลสงกรานต์ (วันปีใหม่ไทย) ได้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 13-15 เมษายน 2566 นี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เยี่ยมชมบึงแก่นนครและเตรียมพร้อมกับการเล่นสาดน้ำอย่างสนุกสนานในช่วงเทศกาลที่ถือได้ว่าน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดงานหนึ่งของเอเชีย อีกทั้งจังหวัดขอนแก่นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น Hidden gems อีกหลายแห่งที่น่าสนใจ โดยจังหวัดขอนแก่นได้รับสมญานามว่าเป็นดินแดนไดโนเสาร์ของประเทศไทย แต่ยังมีความเป็นเมืองที่ทันสมัย เป็นที่ตั้งของร้านกาแฟที่อยู่ในกระแสนิยมมากมาย รวมทั้งมีทะเลสาบประจำเมืองที่สามารถจัดงานเทศกาลได้ตลอดทั้งปี มีตลาดโต้รุ่งต้นตาล ซึ่งเป็นแหล่งรวมอาหารหลากหลาย

โฆษกรัฐบาลระบุว่า จังหวัดขอนแก่นถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สามารถนำผลตอบรับดังกล่าวไปเป็นแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Cultural Tourism) โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล เพื่อยกระดับประเพณีพื้นเมืองของไทยให้เป็นที่รู้จัก กระตุ้นการท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ 10 จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ช่วงเดือนเมษายน 2566 มีการจัดลำดับดังนี้ 1.ขอนแก่น ประเทศไทย 2.Sibu มาเลเซีย 3.Surakarta อินโดนีเซีย 4.Puri อินเดีย 5.Bacolod ฟิลิปปินส์ 6.Ninh Binh เวียดนาม 7.Chiba ญี่ปุ่น 8.Gwangju เกาหลีใต้ 9.หมู่เกาะ Kinmen ไต้หวัน และ 10.Brisbane ออสเตรเลีย

“นายกรัฐมนตรียินดีกับผลการจัดอันดับที่ถือว่าย้ำว่าไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก ซึ่งไทยยังคงเสน่ห์ และความนิยมในหลายๆ ด้านได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนศักยภาพของไทยในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการเป็นเจ้าภาพที่ดี รวมทั้งด้วยวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ สามารถเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวได้อย่างหลากหลาย” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics