วันที่ 24 พฤศจิกายน 2024

“ประภัตร”แนะเร่งขึ้นทะเบียนปุ๋ยอินทรีย์ สารชีวภาพกำจัดศัตรูพืชสูตรโครงการหลวง

People Unity : “ประภัตร” ออกโรงหาสารทางเลือกทดแทน 3 สารพิษเกษตรให้ชาวไร่ชาวนา แนะหน่วยงานเร่งขึ้นทะเบียนปุ๋ยอินทรีย์ สารชีวภาพกำจัดศัตรูพืชสูตรโครงการหลวง และสูตรภูมิปัญญาชาวบ้าน ให้จบรู้ผลใน3-7วันนี้ ลั่นไม่กระทบต้นทุนทำเกษตร

เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2562 นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงกรณีการแบน 3 สารเคมี คลอร์ไพรีฟอส พาราควอต ไกลโฟเซต ยกระดับเป็นวัตถุอันตรายประเภท 4 โดยห้าม จำหน่าย ผลิต ครอบครอง นำเข้า ส่งออก ให้มีผลวันที่ 1 ธ.ค.นี้ทันทีว่าคนไทยส่วนใหญ่เห็นว่าสาร 3 ตัวมีอันตรายต่อร่างกาย ตนเห็นด้วยที่ยุติการใช้สารเคมี โดยกระทรวงเกษตรฯทุกคนเห็นด้วยเราสนับสนุนการแบนสารครั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯจะร่วมมือกับทุกฝ่ายแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเพราะต้องยอมรับว่าเกษตรกรบางส่วน ยังเคยชินกับการใช้สารเคมี ดังนั้นการปรับเปลี่ยนให้มาใช้สารทางเลือกในการทำเกษตรปลอดภัย จะต้องทำให้เกษตรกรเกิดความเชื่อถือในสารชีวภัณฑ์ตัวใหม่ ที่เป็นอินทรีย์ มาทดแทน โดยจะไม่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นไม่ให้เป็นภาระกับชาวไร่ชาวนา

“ชาวไร่ ชาวนา บางส่วนยังติดการใช้สารเคมี เพราะเคยใช้อะไร ที่หาง่าย ฉีดแล้วหญ้า แมลง ตายทันที ถ้ามาใช้ตัวใหม่ศัตรูพืชตายช้าลง ก็ยังอยากใช้ตัวเดิม ซึ่งการแบน3สารในครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศ ขอให้ทุกฝ่ายจะต้องมาพูดกันช่วยกัน หันหน้ามาช่วยกัน ทำให้เกษตรกรฐานราก ให้อยู่ได้ เพราะเกษตรกรเป็นฐานใหญ่ของประเทศ ใครมีข้อคิดเห็นดีๆมาเสนอได้ ซึ่งสารทดแทน มีมากหลายอย่าง สิ่งสำคัญต้องทำให้เกษตรกร เชื่อถือ ในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ที่อาจกำจัดศัตรูพืชได้ช้ากว่า3สาร ซึ่งต้องหาทางเลือก ทางออกทำเกษตรที่มีความปลอดภัยต่อร่างกายมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนต้องคิดทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคนไทย ไม่ให้แผ่นดินไทย เต็มไปด้วยสารพิษ เป็นที่ทิ้งสารเคมีที่ต่างประเทศ แต่มีเพียงคนกลุ่มเดียวได้ผลประโยชนมหาศาลจากการเอาเปรียบคนไทยมาตลอด ซึ่งจากนี้กรมวิชาการเกษตร ต้องเปิดรับการขึ้นทะเบียน ให้กับสารทดแทน สารชีวภัณฑ์ ที่คิดค้นโดยคนไทย นำภูมิปัญญาชาวบ้าน มาขึ้นทะเบียนสูตรต่างๆไว้ ทั้งปุ๋ยอินทรีย์ สารชีวภาพ วีธีการทำเกษตรปลอดสาร ที่ใช้ทำในโครงการหลวง ของในหลวงรัชกาลที่9 พระองค์ทรงทำต้นแบบไว้มากมายให้คนไทย” นายประภัตร กล่าว

นายประภัตร กล่าวว่ากรมวิชาการเกษตร ต้องเปิดรับการขอจดขึ้นทะเบียน สูตรปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืช ที่เป็นอินทรีย์ ทำในประเทศได้ผลดี ทุกวันนี้ทำใช้กันในชุมชนมีเป็นจำนวนมาก และต้องให้รู้ผลโดยเร็วภายใน3-7วัน เพื่อมาเป็นสารทางเลือกให้กับเกษตรกร รวมทั้งควรเปิดโอกาส ผู้ประกอบการ ผู้คิดค้น ที่มีสารทดแทน ใครมีของดี นำมาเข้าสู่ขั้นตอนทางวิชาการ และกรมวิชาการเกษตร ต้องบอกมาว่าไม่ให้ขึ้นทะเบียนเพราะอะไรใน 3-7วัน หากเครื่องมือตรวจสอบไม่พอ ตนจะขอให้เอกชน มาช่วยเพื่อการทดสอบจะได้รวดเร็วขึ้น เพราะชาวไร่ ชาวนา ต้องมีทางเลือกให้เขาโดยไม่กระทบต้นทุน ซึ่งตนเห็นว่าโครงการหลวง ทั่วประเทศ มีสารอินทรีย์ สูตรกำจัดวัชพืช แมลง ที่เกษตรกรสามารถทำได้เอง ให้หน่วยงานเข้าไปดู นำมาขึ้นทะเบียนโดยเร็วเพื่อให้นำทำเองใช้ได้อย่างแพร่หลาย ทั้งมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและเกษตรกรอีกด้วย

สสส.หนุนพระ”มจร”ทำวิจัย”ลดเหล้า บุหรี่”เชิงพุทธเมืองปราจีนบุรี

People Unity : สสส.หนุนพระ”มจร”ทำวิจัย”ลดเหล้า บุหรี่”เชิงพุทธเมืองปราจีนบุรี พร้อมภาคีเครือข่ายลงพื้นที่ถอดบทเรียนเซ็น MOU “บวร”เกาะมะไฟประจันตคาม สืบสานเจตนารมณ์หลวงพ่อพระครูประโชติพรหมธรรม”อย่าเอาวัดมาทำบาร์ อย่าเอาศาสนามาทำบ่อน”

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา นำโดย พระปลัดสรวิชญ์ อภิปญฺโญ, ผศ.ดร.หัวหน้าภาควิชาจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว และผู้อำนวยการหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว มจร ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยฯ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายฯ ได้จัดกิจกรรมการถอดบทเรียนและพิธีลงนามความร่วมมือ โครงการเสริมสร้างสุขภาวะและเครือข่ายทางสังคมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงเชิงพุทธบูรณาการ (การบำบัดพฤติกรรมทางความคิดและสร้างเครือข่ายทางสังคมเพื่อลดเหล้า บุหรี่ เชิงพุทธบูรณาการในจังหวัดปราจีนบุรี) ที่วัดเกาะมะไฟ ต.บ้านหอย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรีโดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 150 รูป/คน

โดยโครงการนี้คณะครุศาสตร์ มจร ได้ร่วมกับวัดเกาะมะไฟ โรงเรียนวัดเกาะมะไฟ องค์การบริหารสวนตำบลบ้านหอย ชุมชนตำบลบ้านหอยและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเกาะแดง ทั้ง 6 หน่วยงาน ได้ตระหนักถึงพิษภัยและผลกระทบอันเกิดจากการบริโภคบุหรี่และสุรา ในฐานะปัจจัยเสี่ยงที่มีผลเสียต่อสุขภาพ จึงได้มีการศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ผ่านการจัดกิจกรรมถอดบทเรียนเกี่ยวกับ “การบำบัดพฤติกรรมทางความคิดและสร้างเครือข่ายทางสังคมเพื่อลดเหล้า บุหรี่ เชิงพุทธบูรณาการในจังหวัดปราจีนบุรี” ขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 ที่วัดเกาะมะไฟ โดยมีพระครูสถิตธรรมกิจ รองเจ้าคณะอำเภอประจันตคาม วัดเกาะแดง เป็นประธาน มีพระครูประโชติพรหมธรรม อดีตเจ้าอาวาสวัดเกาะมะไฟ และผู้แทนภาคีเครือข่าย เป็นวิทยากรหลัก จากนั้นภาคีเครือข่ายได้มีการดำเนินการขยายพื้นที่จากชุมชนวัดเกาะมะไฟออกไปเป็น 5 พื้นที่ โดยการมีส่วนร่วมของ บ้าน วัด และหน่วยงานราชการ ผลจากการดำเนิการเบื้องต้นก่อให้เกิดบุคคลต้นแบบ จำนวน 13 คน บุคคลที่เลิกเหล้าตลอดชีวิตจำนวน 18 คนและบุคคลที่ลด ละ เลิก เหล้า ในพรรษา จำนวน 27 คน

โครงการนี้ได้เริ่มขึ้นในเวลา 13.30 น.ด้วยกิจกรรมการถอดเรียน “การขับเคลื่อนการลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ” โดยผู้แทนภาคีเครือข่าย บุคคลต้นแบบ บุคคลที่เลิกเหล้าตลอดชีวิตและบุคคลที่ลด ละ เลิก เหล้า ในพรรษา โดยมีพระปลัดสรวิชญ์เป็นผู้ดำเนินการ

ผลจากการจัดกิจกรรมถอดบทเรียนพบว่า โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆในชุมชน ไม่ว่าจะเป็น วัด ผู้นำหมู่บ้าน หน่วยงานรัฐ อสม. อบต. ตลอดจนเยาวชนและสถานศึกษาในชุมชนเกาะมะไฟ ได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน และร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา โดยให้ทุกคนเห็นถึงประโยชน์ในการลด ละ เลิก สุราและบุหรี่ ผลจากการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4-5 ปีของกลุ่มผู้นำชุมชน ภาคีเครือข่าย และประชาชนในชุมชน ทำให้ปัจจุบันมีผู้สมัครใจเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 300 คน จาก 5 หมู่บ้าน และมีผู้ที่สามารถลดละเลิกการดื่มสุราและยาเสพติดได้ถึง 250 คน

โดยผู้เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่เห็นว่า เป็นโครงการที่ดีและมีผลการดำเนินงานดีขึ้นตามลำดับในช่วงเริ่มโครงการ 2 ปี โดยผู้นำชุมชนและหน่วยงานต่างๆ ได้ให้ความสำคัญและเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันในการผลักดันโครงการให้เห็นผลเป็นรูปธรรม แม้แต่หน่วยงานเล็กๆ เช่น โรงเรียน ซึ่งเยาวชนเองก็สามารถส่งต่อความรู้ความเข้าใจไปถึงครอบครัวได้ นอกจากนั้น การให้ความช่วยเหลือของผู้จัดตั้งโครงการ และผู้นำชุมชน ยังมีทัศนคติในการแก้ปัญหาว่า คนในชุมชนสามารถดูแลกันได้ โดยการพัฒนาบุคคลากรให้มีความสามารถในการดูแล ด้วยการอบรมหลักการชมเป็น ถามเป็น และแก้ปัญหาเป็นให้คนในชุมชน

ขณะเดียวกัน ประเด็นปัญหาที่ยังคงพบได้ในชุมชนคือ วิถีและค่านิยมในการดื่มของคนไทยยังคงมีอยู่ ซึ่งถือเป็นค่านิยมทางสังคมอย่างหนึ่งที่ต้องสร้างความเข้าใจใหม่ให้กับชุมชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนคนรุ่นหลังเพื่อให้เกิดค่านิยมที่ถูกต้อง นอกจากนี้สุราในท้องถิ่นของชุมชนยังหาซื้อได้ง่ายและมีราคาถูกง่ายต่อการซื้อหามาดื่ม

ที่สำคัญภาวะจิตใจของผู้เข้าร่วมโครงการเองก็มีผลต่อการทำงานและการเข้าร่วมจนจบโครงการ โดยพบว่าที่ผ่ายมา มีบางรายได้ออกจากโครงการไปก่อน เนื่องจากไม่สามารถทนต่อภาวะทางจิตใจของตนเองได้ และการสร้างการรับรู้สำหรับผู้ที่ติดสุราให้พร้อมเผชิญและกล้าที่จะเข้ามาบำบัด หรือเข้าร่วมโครงการ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทีมทำงานในโครงการนี้ให้ความสำคัญเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าปัจจัยที่จะทำให้คนในชุมชนสามารถลด ละ เลิก การดื่มสุรา และบุหรี่ได้นั้น ต้องอาศัยกำลังใจ และความเข้มแข็งของสติและปัญญา เห็นคุณและโทษของอบายมุข โดยการใช้กระบวนการชุมชนบำบัด (community therapy) โครงการนี้ถือเป็นโครงการต้นแบบสำหรับชุมชนเกาะมะไฟ และสามรถขยายผลสู่ชุมชนอื่นๆ ได้ เป้าหมายคือการให้ชุมชนสามารถดูแลตัวเองได้ มีการช่วยเหลือกันของคนในชุมชน ซึ่งความต่อเนื่องในการดำเนินงานโครงการและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีความสำคัญเช่นเดียวกันต่อการขยายผลโครงการและความสำเร็จของโครงการในระยะยาวจากระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัดทั่วประเทศไทยได้อย่างมั่นคง และยั่งยื่นต่อไป

ต่อมาเวลา 15.30 น. มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยระหว่างคณะครุศาสตร์ มจร ร่วมกับ วัดเกาะมะไฟ โรงเรียนวัดเกาะมะไฟ องค์การบริหารสวนตำบลบ้านหอย ชุมชนตำบลบ้านหอยและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเกาะแดง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาองค์ความรู้และกระบวนการเสริมสร้างสุขภาวะในการลดปัจจัยเสี่ยงเชิงพุทธบูรณาการสร้างและพัฒนาเครือข่ายการสร้างสุขภาวะเพื่อการลดปัจจัยเสี่ยงบุหรี่และสุราในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี และพัฒนานโยบายเพื่อการรณรงค์ลดปัจจัยเสี่ยงบุหรี่และสุราในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีผู้แทนจากองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมลงนามและเป็นสักขีพยานจำนวน ๒๐ รูป/คน

และเวลา 16.00 น. พระพิศาลศึกษากร,ดร. ในนามพระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะภาค 7 ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ “หมู่บ้านรักษาศีล 5” ส่วนกลาง เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร ได้เมตตาเดินทางมาเป็นประธานมอบประกาศนียบัตรให้ บุคคลต้นแบบ บุคคลที่เลิกเหล้าตลอดชีวิต,บุคคลที่สามารถ ลด ละ เลิก เหล้า ในพรรษาและผู้แทนภาคีเครือข่ายและกล่าวให้โอวาทเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ตอนหนี่งว่า ท่านทั้งหลายได้ตัดสินใจเลิกดื่มเหล้าและสูบบุหรี่จะทำให้มีสุขภาพกายดีสุขภาพจิตและการนอนดีขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างดีขึ้นประหยัดเงินในกระเป๋าเป็นการปกป้องสุขภาพของคนในครอบครัวลดอุบัติเหตุ และลดอาชญากรรมในชุมชน โดยเฉพาะการรักษาศีล 5 ถือว่าเป็นเกาะป้องกันไม่ให้เราตกไปสู่อบายมุขหรือทางแห่งความเสื่อมขอให้ท่านทั้งหลายจงเจริญในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และทำกิจกรรมให้เกิดประโยชน์กับสังคมและชุมชน สืบต่อไป

จนกระทั้งเวลา 17.00 น. มีการประชุมคณะทำงานเพื่อสรุปผลการจัดโครงการฯ โดยมีพระปลัดสรวิชญ์เป็นประธานพร้อมสรุปว่า หน้าที่ของเราคือการดำเนินตามวิถีแห่งความเป็นพระโพธิสัตว์ หวังช่วยให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ทางกายและใจ สร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นภายในเพื่อโยงใยไปสู่ภายนอกผ่านภาคีเครือข่ายที่มีจิตอาสาทำความดีที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน จัดทำฐานข้อมูลเพื่อขยายผลไปในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัดในที่สุดก็จะทำให้เกิดบุคคลที่มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีทั่วประเทศต่อไป ที่สำคัญเราต้องนึกถึงหลวงพ่อ หลวงพ่อพระครูประโชติพรหมธรรม อดีตเจ้าอาวาสวัดเกาะมะไฟ ท่านเป็นแรงบันดาลใจให้เราได้ทำงานเพื่อผู้อื่นท่านฝากเราทั้งหลายว่า “อย่าเอาวัดมาทำบาร์ อย่าเอาศาสนามาทำบ่อน” ถึงท่านไม่อยู่พวกเราก็ต้องสานต่องานท่าน ถือว่าเป็นความกตัญญู ผ่านการปฏิบัติบูชา

“เพื่อไทย”ยังอารมณ์ค้าง! อัดรัฐทำงบฯไม่โปร่งใส

People Unity : “เพื่อไทย”ยังอารมณ์ค้าง! อัดรัฐทำงบฯไม่โปร่งใส แนะประชาชนจับตารัฐใช้เงินนอกงบประมาณ

วันที่ 23 ตุลาคม 2562 นายสงวน พงษ์มณี สส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมการอภิปรายงบประมาณปี 2563 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีหลายประเด็นที่สังคมยังคงสงสัยในการจัดทำงบประมาณของรัฐบาล ผลโดยรวมของการอภิปรายพบว่ารัฐบาลตอบไม่ตรงคำถามและในหลายประเด็นเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามหรืออธิบายถึงการใช้จ่ายงบประมาณว่าจะก่อให้เกิดความคุ้มค่าได้อย่างไร

การใช้เงินงบประมาณกว่า 3.2 ล้านล้านบาทที่เป็นภาษีของประชาชน เป็นเพียงส่วนเดียวที่รัฐเปิดเผยตัวเลข ยังคงมีเงินที่รัฐเก็บไว้ ที่เรียกว่าเป็นเงินนอกงบประมาณที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการ นอกจากเงินงบประมาณรายจ่ายเงินรายได้แผ่นดิน เงินเหล่านี้ คือ เงินเบิกเกินส่งคืน และเงินเหลือจ่ายปีเก่าส่งคืน แต่ไม่มีการส่งคืนให้กระทรวงคลังยังคงค้างอยู่ที่หน่วยราชการ ที่ผ่านมารัฐไม่มีการแจงตัวเลขว่าเงินนอกงบประมาณมีจำนวนเท่าไหร่นำไปใช้ในโครงการอะไรบ้าง

นายสงวน กล่าวด้วยว่า การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลขาดความโปร่งใส และไม่เปิดเผยต่อประชาชน อยากให้ประชาชน จับตาดูการใช้เงินนอกงบประมาณที่รัฐจัดเก็บไว้ เพราะเงินทั้งหมดนี้เป็นภาษีของประชาชน ดังนั้นประชาชนควรจับตาดูการใช้จ่ายงบประมาณว่ารัฐใช้เงินอย่างไร เกิดประโยชน์กับประชาชนหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เงินนอกงบประมาณมีจำนวนเท่าไหร่ ประชาชนไม่เคยทราบ แม้กฎหมายกำหนดให้หน่วยงานรัฐต้องมีการแจ้งว่าแต่ละหน่วยงานมีเงินเหลือเท่าไหร่ ถึงจะต้องจัดเงินงบประมาณไปเพิ่ม การจัดทำงบประมาณต้องนำเงินส่วนนี้มาร่วมด้วยหากนำเงินคงเหลืออยู่การจัดทำงบประมาณก็อาจจะไม่ถึง 3.2 ล้านล้านบาท ดังนั้นการจัดทำงบประมาณครั้งนี้จึงขาดความโปร่งใสและไร้การตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ

โฆษกพรรคเพื่อชาติค้านติด “GPS”รถส่วนบุคคล

People Unity : โฆษกพรรคเพื่อชาติค้านติด “GPS”รถส่วนบุคคล ชี้รัฐบาลไม่มีความเคารพประชาชนผู้จ่ายภาษีเงินเดือน ต้องการเพียงควบคุมพร้อมเพิ่มภาระและส่อแสวงหาผลประโยชน์

เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2562 นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติชี้ว่า รัฐบาลนี้เสนอโครงการใดๆ ไม่มีความเคารพประชาชนผู้จ่ายภาษีเงินเดือนให้ ต้องการเพียงอยากรู้ความเคลื่อนไหวเพื่อควบคุมประชาชน โดยไม่คำนึงถึงว่าจะเพิ่มภาระให้ประชาชนหรือไม่ แต่ละโครงการที่เสนอเพื่อโยนหินถามทาง มีพื้นฐานวิธีคิดมาจากการสอดส่องความคลื่อนไหวของประชาชนเพื่อรักษาอำนาจรัฐบาล และอาจมีแนวโน้มที่จะแสวงหาผลประโยชน์เข้าผู้เสนอและผู้ดำเนินการโครงการ โดยเบียดบังประชาชนเป็นการฉ้อราษฎร์แฝงรูปแบบหนึ่ง โครงการล่าสุดในการเสนอจะบังคับติด GPS รถส่วนบุคคลเพื่อลดอุบัติเหตุ ซึ่งรถตู้สาธารณะบังคับติดทุกคันอยู่แล้วอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในรถตู้ก็ยังมีอยู่ ตนคิดว่าเบื้องลึกการนำเสนอไม่น่าจะใช่วัตถุประสงค์การลดอุบัติเหตุ การลดอุบัติเหตุเป็นวัตถุประสงค์รองที่ถูกนำมาเป็นวัตถุประสงค์สร้างภาพ วัตถุประสงค์หลักน่าจะมาจากรายได้ผูกพันที่รถทุกคันต้องจ่ายเดือนละ 300 บาท ซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าผู้ที่รับสัมปทานจากรัฐบาลจะมีค่าคอมมิชชั่นขั้นต่ำร้อยละ 10 ให้ผู้ดำเนินการโครงการ กรณีนี้รถหนึ่งคัน หนึ่งเดือนจะมีประโยชน์ถึงผู้ดำเนินการโครงการ 30 บาทต่อคันต่อเดือน โดยปริมาณรถที่จดทะเบียนตามกฏหมายสะสมถึงสิ้นปี 2561 มีจำนวน ประมาณ 30 ล้านคัน ในทุกเดือนจะมีประโยชน์ถึงผู้ดำเนินการโครงการคร่าวๆ 900 ล้านบาท อีกทั้งการติดตั้งระบบครั้งแรก ผู้ดำเนินโครงการก็จะได้รับผลประโยชน์จากรถคันละ 300 บาท ประมาณการคร่าวๆ ก็มีรายได้ 9,000 ล้านบาท และยังมีประโยชน์แฝงเพื่อรักษาอำนาจรัฐบาลที่คอยติดตามผู้ที่มีความคิดเห็นต่างซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชนอีกด้วย

“อยากฝากถึงคณะรัฐบาลรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีช่วยคิดถึงประชาชนให้มากๆ ก่อนที่จะเสนอโครงการอะไรหรือทวงบุญคุณจากประชาชน เพราะตอนนี้ประชาชนอยู่ในยุคค่าใช้จ่ายสูงรายได้ต่ำ ชักหน้าไม่ถึงหลังอย่าคิดเพิ่มหรือผลักภาระให้ประชาชน ในขณะที่ชอบอ้างว่าอาสามาทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน แต่กลับเสนอโครงการเบียดบังประชาชนแบบฉ้อราษฎร์แฝง อีกทั้งละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชนออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่การลงทะเบียนไวไฟร้านกาแฟ มายังโครงการบังคับติด GPS รถยนต์ มีแต่เพิ่มภาระประชาชนและทำให้เศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้นอีก” โฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าว

“วิษณุ”ชี้เป็นสิทธิ! เกษตรกรยื่นศาลค้านแบน 3 สารพิษเกษตร

People Unity :  “วิษณุ”ชี้เป็นสิทธิ! เกษตรกรยื่นศาลค้านแบน 3 สารพิษเกษตร ผลออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณา

เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2562 ที่ท้องสนามหลวง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ระงับการใช้ 3 สารเคมีที่ใช้กำจัดศัตรูพืช โดยกลุ่มเกษตรกรที่ใช้สารเคมีดังกล่าวจะยื่นเรื่องให้ศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว ว่า เป็นสิทธิของกลุ่มเกษตรกร เพื่อให้มีการคุ้มครองชั่วคราว หลังจากนี้ แล้วแต่ศาลจะสั่ง ซึ่งตามมติจะระงับใช้ในวันที่ 1 ธ.ค.แต่อย่างไรก็ตาม และถ้าศาลรับคำร้องและมีคำสั่งอย่างไรก็ต้องดำเนินการตามนั้น ส่วนการรองรับความเดือดร้อนของเกษตรกร คงจะมีการรองรับ แต่ตนไม่ทราบในรายละเอียด เป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงไม่ทราบถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับรัฐบาลในการทำงานต่อไป เนื่องจากต้องให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปประเมินสถานการณ์ และหาทางแก้ไข และป้องกันเอง

เมื่อถามถึงกรณีที่เกษตรกร จะเดินทางมาร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบในรายละเอียด แต่นายกรัฐมนตรีจะใช้อำนาจใดในการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ได้

“ธนาธร”อารมณ์ยังค้างอัดงบฯปี63ที่เวทีมช. ชู”3Dโมเดล”ประเทศไทยไปต่อได้

People Unity : “ธนาธร”ขึ้นเวทีเสวนา “ปฏิสังขรณ์ประเทศไทย” คณะนิติ มช.จัด อัดงบฯปี 63 ไม่ตอบสนองประชาชน-เลี้ยงระบบราชการเทอะทะ ชี้เหตุที่มาอำนาจไร้ประชาชนในสมการ ชู”3Dโมเดล”ประเทศไทยไปต่อได้

วันที่ 22 ตุลาคม 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมวงเสวนา “ปฏิสังขรณ์ประเทศไทย” ซึ่งจัดขึ้นที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยประสบการณ์หาเสียงเจอแต่คนบ่นปัญหาปากท้อง สวนทางงบประมาณปี 63 ไม่ตอบโจทย์ ชี้เหตุรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากประชาชนย่อมไม่แคร์ประชาชน ย้ำต้องแก้รัฐธรรมนูญพร้อมลดอำนาจกองทัพ กระจายอำนาจ นำประชาธิปไตยกลับมา

นายธนาธรระบุว่าในรอบ 7 วันที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ตนหดหู่มาก ตนได้รับมอบหมายจากพรรคให้ทำหน้าที่ในเรื่องการช่วยผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดนครปฐม กับการคุมทีมอภิปราย พ.ร.บ.รายจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ตอนช่วงเช้าเวลาตนได้ออกไปเคาะประตูเจอกับผู้คน สิ่งที่ได้ฟังจากชาวบ้านมันเจ็บปวดมาก ทุกคนต่างมาระบายให้ตนได้ฟังถึงปัญหาเศรษฐกิจ หลายคนสิ้นหวัง บางคนไม่มีงานทำ ค้าขายในตลาดยอดลดลง คนทำงานโรงงานไม่มีโอที และเมื่อตนได้กลับจากหาเสียงมาเจอกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ตนก็ยิ่งหดหู่เข้าไปใหญ่

นี่เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นประเทศ ตนไปเดินเคาะประตูเสร็จตอนเย็นกลับมาทำการบ้านเรื่องงบประมาณ ว่างบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาทจะทำให้ชีวิตของคนที่ตนไปเจอมาดีขึ้นได้อย่างไร ข้อสรุปที่เรามีก็คือใช้งบประมาณแบบนี้ทำให้ชีวิตคนส่วนใหญ่ดีขึ้นไม่ได้เลย มันเจ็บปวดและเราเจ็บใจ เรามีงบประมาณเพียงพอ แต่งบประมาณไม่ตอบสนองชีวิตและความต้องการของชีวิตประชาชน เราเห็นเลยว่าเรามีเงินพอที่จะเลี้ยงดูผู้ป่วย ที่จะทำให้การศึกษาของเด็กและเยาวชนดีกว่านี้ ทำให้ปัญหาท้องถิ่น การจัดการน้ำ ที่ดิน ฝุ่น PM2.5 ปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนฯลฯ ดีกว่านี้ แต่เราไม่เห็นการจัดการงบประมาณเหล่านี้

“นี่เป็นเรื่องการเมืองและเรื่องรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของอำนาจ หลังการเลือกตั้งองค์กรที่ชื่อ คสช.หายไปแล้วก็จริง แต่ระบอบ คสช.ยังอยู่กับเราในรูปแบบรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มาของอำนาจของกลุ่มชนชั้นนำ คือกลุ่มทุน ระบบราชการ รถถัง ปืน กองทัพ กฎหมาย ตุลาการ แสดงออกผ่าน ส.ว.250 คน ไม่ได้มาจากประชาชน ดังนั้นการจัดสรรงบประมาณของเขาจึงไม่ต้องเอาไปจัดสรรเพื่อประชาชน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกล้าถวายสัตย์เช่นนั้น เพราะเขาไม่แคร์ประชาชน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกล้าตั้งรัฐมนตรีที่มีข้อครหาเรื่องยาเสพติด เพราะเขาไม่ต้องแคร์ประชาชน ประชาชนไม่ได้อยู่ในสมการของเขา” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรกล่าวต่อว่าในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา การใช้งบประมาณเพื่อไปหล่อเลี้ยงระบบราชการที่ใหญ่เทอะทะ เต็มไปด้วยงบดำเนินการ ค่าสัมมนา ค่าเบี้ยเลี้ยง เบี้ยประชุม ค่าที่พัก ฯลฯ จากการทำการบ้านเรื่องงบประมาณที่ผ่านมา เราเห็นงบแบบนี้เยอะไปหมด ถูกเอาไปหล่อเลี้ยงกองทัพ ไปเอื้อกลุ่มทุน นี่คือสิ่งที่เราเห้นแล้วเรารู้สึกเจ็บปวด ชีวิตของประชาชนมันยากเย็นและต้องต่อสู้ดิ้นรน แต่เราไม่มีอำนาจที่จะไปช่วยเหลือเขาได้เลย ทั้งๆที่เรารู้ว่าประเทศไทยมีทรัพยากรเพียงพอที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาดีขึ้นได้มากกว่านี้

ทั้งๆที่งบประมาณประเทศ 3.2 ล้านล้านบาท มีหน้าที่ตอบโจทย์ปัญหาของประเทศที่ผ่านมา และพาประเทศก้าวไปข้างหน้า แต่ด้วยงบประมาณแบนี้ตนว่าล้มเหลวทั้งสองด้าน แต่พวกเขาไม่แคร์ เพราะพวกเขาไม่ได้มาจากประชาชน นี่คือกลไกที่วางเอาไว้หมดแล้ว นี่คือความเจ็บปวด เมื่อเราเห็นความเป็นจริงกับงบประมาณปี 63

ช่องว่างระหว่างความเป็นจริงกับงบประมาณปี 63 คือความอ่อนแอของประชาธิปไตย ดังนั้นเวลาเราพูดถึงประชาชนมันมีความหมาย ความแข็งแกร่งของประชาชนและประชาธิปไตยต้องดูว่าความต้องการของประชาชนมันได้รับการตอบสนองหรือไม่ เราจะปฏิสังขรณ์และพาประเทศไทยไปข้างหน้าอย่างไร แน่นอนที่สุดรัฐธรรมนูญ 2560 ต้องได้รับการแก้ไข แต่จะพาไปข้างหน้ามากกว่านี้ต้องจัดการสิ่งที่ตนเรียกว่า “3D” คือ Demilitarization – ลดบทบาทกองทัพทางการเมือง, Decentralization – ลดอำนาจระบบราชการรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง, และ Democratization – พาประเทศไทยกลับสู่การเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง

ถ้าไม่จัดการ 3D นี้ประเทศไทยไปต่อไม่ได้ จะทำสามอย่างนี้ได้ต้องเริ่มต้นที่รัฐธรรมนูญ และต่อให้ทำ 3D นี้สำเร็จ นี่ก็จะยังไม่ใช่จุดจบของการเดินทาง ถ้าแก้รัฐธรรมนูญได้แต่ลดบทบาทกองทัพไม่ได้ก็กลับไปเท่าเดิม อย่างคนที่ต่อสู้ในพฤษภาคมปี 2535 มา ลืมทำในสิ่งหนึ่งไปคือการปฏิรูปกองทัพ สุดท้ายก็เกิดรัฐประหารปี 2549 ถ้าไม่ลดบทบาทของกองทัพการรัฐประหารก็จะกลับมา

“ดังนั้นผมฝากไว้ ประเทศเราไม่มีทางไปต่อข้างหน้าได้เลย ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่เขายังเอาระบอบ คสช.ไว้อยู่ และอย่าฝากความหวังไว้กับคน แต่จงลุกชึ้นมาทำและเปลี่ยนแปลงด้วยมือของเราเอง” นายธนาธรกล่าว

ส.ส.แคนาดาสนใจฝึกสมาธิ เตรียมนิมนต์พระพุทธเปิดคอร์สที่บ้าน

People Unity : ส.ส.แคนาดาสนใจฝึกสมาธิ เตรียมนิมนต์พระพุทธเปิดคอร์สที่บ้าน ขณะที่ผลเลือกตั้งทั่วไปของประเทศแคนาดา “ทรูโด” อดีตนายกฯชนะไม่ขาด เตรียมตั้งรัฐบาลผสม ผลักดันนโยบายปลูกต้นไม้ 2 พันล้านต้นตามที่รับปากไว้กับ “เกรตา ธันเบิร์ก”

วันที่ 22 ตุลาคม 2562 สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานผลการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศแคนาดาที่มีขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562 จนกระทั้งเวลา 02.00 น. วันอังคารที่ 22 ตุลาคมตามเวลาท้องถิ่น หลังปิดการเลือกตั้งของหน่วยเลือกตั้งทั้ง 6 โซนเวลาทั่วประเทศ อันดับ 1 คือ พรรคลิเบอรัล ที่หัวหน้าพรรคคือนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด วัย 47 ปี ได้ 156 ที่นั่ง จากเขตเลือกตั้ง 338 เขต อันดับ 2 คือ พรรคคอนเซอร์เวทีฟ ที่หัวหน้าพรรคคือ แอนดรูว์ เชียร์ วัย 40 ปี คู่แข่งสำคัญของทรูโด พรรคของเขาได้ 122 ที่นั่ง มากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาในปี 2558 ที่ได้ 95 ที่นั่ง

เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาเช่นนี้ทำให้นายทรูโดต้องจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพันธมิตรที่เป็นพรรคเล็กอย่างน้อย 1 พรรค โดยนายทรูโดกล่าวกับผู้สนับสนุนในนครมอนทรีออลเมื่อวันอังคารว่า ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าชาวแคนาดาปฏิเสธการแบ่งแยกและความคิดด้านลบ ปฏิเสธนโยบายตัดงบประมาณและรัดเข็มขัด และลงคะแนนเพื่อสนับสนุนแผนการที่ก้าวหน้าและการลงมือปฏิบัติที่เข้มแข็งในการแก้ไขการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทั้งนี้ช่วยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งนายทรูโดได้พบกับนางสาวเกรตา ธันเบิร์ก เยาวชนนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดน โดยรับปากว่าหากได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจะมีนโยบายเพิ่มต้นไม้ให้ได้มากถึง 2 พันล้านต้น

ขณะเดียวกันเพจ “Bhante Saranapala” พระสงฆ์ชาวศรีลังกาที่เดินทางไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ประเทศแคนาดา ได้โพสต์ภาพขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในพื้นที่ที่วัดตั้งอยู่ ซึ่งเป็นผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการฝึกสมาธิและมีแผนเปิดฝึกที่บ้านของเขา

“จรถะ ภิกขเว”! คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศจัด “สังฆะประชาปันสุขเพื่อผู้ป่วยติดเตียง”

People Unity : คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศสนองงาน “สมเด็จพระมหาธีราจารย์” ขับเคลื่อนงาน “สาธารณสงเคราะห์เชิงรุก” จัดกิจกรรม “สังฆะประชาปันสุขเพื่อผู้ป่วยติดเตียง” นำเจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส และชาวบ้านเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงเดือนละครั้ง ทั้งอำเภอจำนวน 163 ราย

วันที่ 22 ตุลาคม 2562 ตามที่ช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัดที่ผ่านมา สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณะสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ได้เมตตากล่าวคำพรประคองใจ ชโลมหัวใจของพุทธศาสนิกชน ความตอนหนึ่งว่า “ยามปกติญาติโยมไม่ทิ้งพระเณร ยามวิกฤตพระเณรคงทิ้งญาติโยมไม่ได้ หากไม่มีทานคือการให้ โลกนี้ย่อมอยู่ลำบาก เราต่างเกื้อกูลกัน”นั้น

คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้จัดกิจกรรม “สังฆะประชาปันสุขเพื่อผู้ป่วยติดเตียง” เมื่อขับเคลื่อนงาน “สาธารณสงเคราะห์เชิงรุก ภายใต้การนำของพระมหาศราวุธ จิตฺตทนฺโต เจ้าคณะอำเภออรัญประเทศ ได้นำเจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส และชาวบ้าน เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงเดือนละครั้ง ทั้งอำเภอ 163 ราย โดยวันที่ 21 ตุลาคม 2562 คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศ ออกเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง มอบแพมเพิส ข้าวสารอาหารแห้ง และสวดโพชฌังคปริตร ในพื้นที่ ตำบลหนองสังข์ – หันทราย จำนวน 10 ย

กิจกรรมนี้คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศได้ประสานงานสำรวจหาข้อมูลผู้ป่วยติดเตียงจากสาธารณสุขอำเภออรัญประเทศ ได้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ในพื้นที่อำเภออรัญประเทศ มีผู้ป่วยติด เตียงไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จำนวน 163 ราย

คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศจึงจัดกิจกรรมเยี่ยมผู้ป่วยทั้งอำเภอ เดือนละ 1 ครั้งต่อราย โดยมีเจ้าคณะตำบลและเจ้าอาวาสทุกวัดพร้อมด้วยอุบาสกอุบาสิกา ร่วมออกเยี่ยมดูแลผู้ป่วยใน พื้นที่หมู่บ้านของตน กิจกรรมนี้เป็นการส่งเสริม “พลังบวร” โดยมีความร่วมมือจากคณะสงฆ์ อำเภออรัญประเทศ เจ้าคณะตำบลทุกตำบล เจ้าอาวาสทุกวัด สาธารณสุขอำเภออรัญประเทศ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลในพื้นที่ อาสาสมัครสาธารณสุข(อสม)ในพื้นที่ และพุทธศาสนิกชน ในเขตอำเภออรัญประเทศ ซึ่งมีกำหนดการที่จะออกเยี่ยมในทุกตำบล

กิจกรรมนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศ ได้ร่วมกับฝ่ายบ้านเมือง ร่วมกันขับเคลื่อนงาน “สาธารณะสงเคราะห์” ซึ่งเป็น 1 ใน 6 งานหลักของคณะสงฆ์ไทย ทั้งยังได้ฟื้นความหมาย คำว่า “พลังบวร” ในการทำงานร่วมกันระหว่าง บ้าน วัด โรงเรียน ราชการ ด้วยความสามัคคีของพุทธบริษัททั้ง 4 ได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในฐานะชาวพุทธเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

“มนัญญา”ลั่นเดินหน้าดูแลเยียวยาเกษตรกรได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม

People Unity : “มนัญญา” น้อมคารวะ คกก.วัตถุอันตราย แบน 3 สารพิษเกษตร มีผลทันที 1 ธ.ค.นี้ ขอบคุณมอบสิ่งที่ดีที่สุดกับคนไทย ลั่นเดินหน้าดูแลเยียวยาเกษตรกรได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม”

วันที่ 22 ตุลาคม 2562 น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังรับทราบมติยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีทางการเกษตร ให้มีผลวันที่ 1 ธ.ค.2562ว่า ขอน้อมคารวะ คณะกรรมการวัตถุอันตรายที่มีมติตามความเห็นของ 3 กระทรวงให้แบน 3 สารเคมี ขอขอบคุณที่มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนไทย ซึ่งเรื่องนี้ไม่อยากให้พูดว่าเป็นชัยชนะของใคร มองว่าทุกฝ่ายเป็นคนไทยด้วย ต้องทำให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุดกับประเทศไทยและปลอดภัยทุกกลุ่ม ทั้งเกษตรกร และผู้บริโภค

หลังจากนี้กระทรวงเกษตรฯจะเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ว่าต้องการให้ช่วยเหลืออย่างไร จะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาดูว่า ปุ๋ยอินทรีย สารชีวะภัณฑ์ ที่ปัจจุบันยังมีปัญหาการขึ้นทะเบียนไม่ได้ จะมีแนวทางอย่างไรที่จะทำให้มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฏหมายได้ รวมถึงมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และเกษตรกร เช่นควรมีการเก็บตัวอย่าง พืชสมุนไพรไทย ที่มีฤทธิ์จำกัดศัตรูพืช ในแต่ละช่วงของพืชสมุนไพร ดูว่าช่วงไหนให้ประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อนำมากำหนดเงื่อนเวลา มาตรฐานการผลิต มาตรฐานการใช้ได้ ซึ่งจะเป็นการเปิดกว้างให้เกษตรกร ได้มีทางเลือกใช้ทำเกษตรอินทรีย์ ทั้งนี้แม้จะไม่มีสาร3ตัว แต่ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตร ได้อนุญาตให้นำเข้าตามกฏหมาย อยู่แล้วหลายร้อยชนิด ซึ่งเกษตรกรใช้อยู่กันเป็นประจำ

“ใครต้องการเสนอสิ่งที่ดีในการทำเกษตร มาหาพี่ได้ ให้มาร่วมมือกันทุกอย่างเพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ประเทศ พร้อมดูแลเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าชนิดพืชใด จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปดูแลเกษตรกร เพื่อให้ตรงกับความต้องการ ส่งไปตรวจสอบความเป็นอยู่เกษตรกร ให้ตรงตามข้อเท็จจริงที่เกษตรกรต้องการให้ช่วยเหลือ นอกจากนี้จะเปิดกว้างให้ขึ้นทะเบียน ปุ๋ยอินทรีย์ สารทดแทน สารชีวภาพ ยังมีหลายตัวให้มาขึ้นทะเบียน จากที่ไม่เคยผ่านการอนุญาตให้จดทะเบียน โดยจะมาหารือกันทำอย่างไรให้สูตรต่างๆถึงเกษตรกร สามารถนำไปทำเองใช้ได้แพร่หลายด้วย” น.ส.มนัญญา กล่าว

รมช.เกษตรฯกล่าวว่าถ้าถามความรุ้สึกวันนี้ ไม่เป็นชัยชนะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ซึ่งจะให้บอกความรู้สึกบอกไม่ถูก จริงๆแล้วพี่เป็นคนของพี่น้องประชาชน จะดีใจ หรือเสียใจ คงไม่ได้ ถ้าถามว่ามาตรการเดินหน้าต่อไปคือดูแลผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด

“วันนี้พี่ชาดา ไทยเศรษฐ์ ห่วงสถานการณ์ไม่ค่อยปกติ ได้เรียกตัวให้กลับบ้าน จ.อุทัยธานี ท่านอยากดูแล” น.ส.มนัญญา กล่าวและว่า

วันนี้ประชุมครม. ไม่ได้ไปนั่งเฝ้าหน้าห้องประชุมคก.วัถตุอันตราย ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้ คงไม่ใช่ตัวเราคนเดียว มาจากพี่น้องประชาชนทุกคนทุกฝ่าย ใครๆก็อยากทานอาหารปลอดสารปลอดภัย ไม่ใช่ชัยชนะของใคร ขอบคุณทุกฝ่ายอีกครั้ง ทุกหน่วยงานร่วมกันสนับสนุนการแบนสาร

แหล่งข่าวในกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่าที่ผ่านมาในการขึ้นทะเบียนให้เกษตรกรมาเข้ารับอบรมการใช้สารเคมี ตามมาตรการจำกัดการใช้ มีเพียง 4-5 แสนคนเท่านั้น หากเทียบเคียงกับเกษตรกร ผู้ปลูกสวนยาง 1.4 ล้านราย มีพื้นที่ปลูกยาง 17ล้านไร่ ผู้ปลูกอ้อย 8แสนราย พื้นที่ปลูก8ล้านไร่ และเกษตรกรปลูกมันสำปะหลัง 1.8 ล้านไร่ ปลูกข้าวโพด 4 ล้านไร่ ปาล์มน้ำมัน7ล้านไร่ แต่การที่มีเกษตรกรมาขอขึ้นทะเบียนอบรมใช้สาร เพียงเท่านี้ หมายถึงว่าเกษตรกรส่วนใหญ่กว่า 30 ล้านราย ไม่จำเป็นต้องใช้สาร 3 ตัวนี้ นอกจากนั้นในการใช้พาราควอต จำกัดหญ้า จะใช้เริ่มปลูกต้นยางในช่วงอายุต้นยาง 1-4 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นจะไม่ใช่ เมื่อเปิดกรีดได้ และผู้ปลูกยางรายใหม่ ถ้าพิจารณาจากโครงการส่งเสริมของรัฐปลูกยางใหม่ ทดแทนสวนยางเก่า มีพื้นที่ปีละ 4 แสนไร่ ทำให้เห็นว่าปริมาณนำเข้าสารเคมีที่ผ่านมามากเกินกว่าจำนวนพืชไร่ พืชสวน ที่จะใช้สาร ที่มีความจำเป็นต้องใช้

“พท.”อารมณ์ค้าง! ชี้รัฐจัดงบฯปี63 เห็นความมั่นคงดีกว่าปากท้อง

People Unity : “พท.”อารมณ์ค้าง! ชี้รัฐจัดงบฯปี63 เห็นความมั่นคงดีกว่าปากท้อง ทำผิดหลักการไม่เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ

วันที่ 22 ตุลาคม 2562 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า กรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านงดออกเสียงในการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในชั้นรับหลักการนั้น เพราะทางพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นถึงความสำคัญของกระบวนการจัดทำงบประมาณ เพราะงบประมาณเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจ การนำงบประมาณไปช่วยเหลือประชาชน ดังนั้นทางพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงยอมให้หลักการของการจัดทำงบประมาณครั้งนี้ผ่าน

นอกจากนี้ในรายละเอียดของงบประมาณ ต่างๆที่อยู่ตามกระทรวง ทางคณะกรรมาธิการงบประมาณจะมีการลงลึกในรายละเอียดถึงการใช้จ่าย รวมไปถึงการปรับลดและแก้ไขในกรอบงบประมาณ และจะติดตามดูว่ารัฐบาลมีการนำข้อท้วงติงที่พรรคร่วมฝ่ายค้านที่นำเสนอไปแก้ไขหรือไม่ หากรัฐบาลไม่รับฟังหรือเกลี่ยงบประมาณใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด พร้อมดึงดันเอาตามใจรัฐบาล ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านคงรับไม่ได้คงต้องโหวตคว่ำงบประมาณในวาระ 2 และวาระ 3 อย่างแน่นอน

นายจุลพันธ์ กล่าวด้วยว่า การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลครั้งนี้มีข้อสังเกตว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาปากท้องประชาชนในลำดับท้ายๆ แต่ให้ความสำคัญกับด้านความมั่นคงมาเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งผิดหลักการจัดทำงบประมาณ กลไกงบประมาณเป็นเพียงแค่กลไกหนึ่ง ต่อมาคือนโยบายที่จะนำไปปรับใช้ คืองบลงทุนที่จะลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งประเทศภาพของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันคือเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยดับไปหมดแล้ว ทั้งการค้า การบริโภค การส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุน ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย พร้อมที่จะสนับสนุนและรองรับการลงทุนต่างๆได้ ทั้งหมดนี้รัฐบาลต้องปรับแนวคิดและเร่งให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจทำงาน พร้อมการนำงบประมาณลงไปใช้เชื่อว่าเศรษฐกิจคงจะดีขึ้น หากไม่ปรับแนวคิดเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะมีปัญหาไปอีกหลายปี

Verified by ExactMetrics