วันที่ 24 พฤศจิกายน 2024

ศรัทธาล้น! ทอดกฐินสามัคคีวัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ “ม.สงฆ์ มจร”

People Unity : ศรัทธาล้น! ทอดกฐินสามัคคีวัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ “ม.สงฆ์ มจร” สมทบทุนสร้างศาสนสถาน พระสงฆ์นานาชาติจากจตุรทิศประกอบสังฆกรรม อธิการบดีเผยเป็นจิ๊กซอตัวสุดท้ายที่แสดงออกถึงการเป็นศูนย์กลางของการศึกษาพระพุทธศาสนาโลก

วันที่ 26 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา พระราชปริยัติกวี,ศ.ดร. อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินสามัคคีที่วัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ มจร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา มียอดบริจาคร่วมทั้งสิ้นประมาณ 12 ล้านบาท

พระราชปริยัติกวี ได้พูดถึง มจร และวัดไว้ว่า มหาวิทยาลัยมีนโยบายให้ มจร เป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว เป็นแหล่งศึกษา ปฏิบัติ เผยแผ่ กราบไว้บูชา สักการะ และเป็นศูนย์การศึกษาพระพุทธศาสนาระดับโลก ซึ่งวัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ ถือเป็นจิ๊กซอตัวสุดท้าย ที่แสดงออกให้เห็นถึงการเป็นศูนย์กลางของการศึกษาพระพุทธศาสนาโลก

“มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สร้างขึ้นเพื่อดูแลด้านวิชาการ ส่วนวัดมหาจุฬา ได้สร้างขึ้นเพื่อดูแลด้านวิชาชีวิต เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่ ด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ซึ่งมหาวิทยาลัย และวัด ต้องรวมเป็นอนึ่งอันเดียวกัน” อธิการบดี มจร กล่าว

ขณะที่พระเทพปวรเมธี,รศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มจร ได้กล่าวถึงความเป็นมาของการสร้างศาลาการเปรียญซึ่งใช้เป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาว่า ที่มาของการสร้างวัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศได้ดำเนินตามนโยบายพระพรหมบัณฑิต,ศ.ดร.กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร สมัยดำรงตำแหน่งอธิการบดี การสร้าง มจร ต้องสร้างวัดอยู่ภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์ จึงจำเป็นต้องทำสังฆกรรม ต้องมีที่อยู่จำพรรษา จึงเป็นนโยบายหลัก ต้องสร้างวัดในมหาวิทยาลัย จากนั้น ได้รับความเมตตาโดยพระพรหมมังคลาจารย์ หลวงพ่อปัญญา ได้ทำการสร้างอุโบสถ์กลางน้ำแต่ว่าสร้างเสร็จแล้ว ยังไม่ได้ดำเนินการยกเป็นวัด เนื่องจากยังสร้างอาคารต่างๆในมหาวิทยาลัยไม่สมบูรณ์ ต้องสร้างมหาจุฬาให้เกือบสมบูรณ์ก่อนจึงค่อยสร้างวัด การสร้างมหาจุฬา

พระเทพปวรเมธี กล่าวต่อว่า บัดนี้ มจร เกือบจะครบเสร็จสมบูรณ์แล้ว สิ่งต่อไปที่จะทำคือการปลูกต้นไม้เป็นพื้นที่สีเขียว จากนั้นจึงดำเนินการสร้างวัด โดยขออนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย ด้วยพื้นที่ 53 ไร่เศษ และเสนอมหาเถรสมาคมให้ความเห็นชอบ ก็จะเป็นวัดที่สมบูรณ์ ถูกต้องตามกฎหมายในเร็วๆนี้

การสร้างวัดนั้น ไม่ได้แยกโฉนดที่ดินจากวัดมหาจุฬาฯและจำเป็นจะต้องขออนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย ในการสร้างวัด เพราะไม่ต้องการให้วัดแยกส่วนกับมหาวิทยาลัย ที่ดินได้มาจากผู้บริจาคสร้างวัด 15 ไร่ คือคุณทองเล็ก ไม้ตราวัฒนา

การสร้างศาลาการเปรียญในครั้งนี้ อาคารมีชื่อว่า ศาลาการเปรียญ ดร.อุไรศรี คนึงสุขเกษม ซึ่งมีที่มาของชื่อวัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ แห่งนี้ ความหมายคือ สร้างวัดขึ้นเพื่ออุทิศถวายล้นเกล้ารัชกาลที่ 5

ศาลาหลังนี้มีต้นแบบอาคาร จากวัดนวมินทราชูทิศ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ได้รับการออกแบบโดย ศ.สมศักดิ์ ธรรมเวชวิถี และมี ดร.อุไรศรี เป็นเจ้าภาพในการสร้างศาลาหลังนี้ งบประมาณการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งสิ้น 77 ล้าน มีระบบสาธารณูปโภคครบ สายไฟลงใต้ดิน และมี รศ.ดร.อุไรวรรณ เป็นเจ้าภาพสร้างหมู่กุฏิเจ้าอาวาส น้องสาวด้วยงบประมาณ 12 ล้านบาท ส่วนหมู่กุฏิ คือแม่ชีทองสุข นามเจ็ดสีและคณะงบประมาณ 12 ล้านบาทเช่นกัน จากนั้นจะจัดพื้นที่สีเขียวเป็นลานธรรม เพื่อตอบสนองพันธกิจ ด้านงานบริการวิชาการด้านพระพุทธศาสนาแก่สังคม

พระเทพปวรเมธี กล่าวด้วยว่า ต่อมาดร.อุไรศรี คนึงสุขเกษม เจริญศรัทธาจึงได้ขอเป็นเจ้าภาพ สร้างพระพุทธนิมิตองค์ใหญ่ สูง 198 นิ้ว หน้าตัก 129 นิ้ว สร้างถวายไว้เป็นอนุสรณ์ ให้ได้กราบไหว้บูชา งบประมาณ สร้างพระพุทธรูป และ เครื่องใช้ในวัด จำนวน 5 ล้านบาท และคุณอริสา จะสร้างสะพานเชื่อมที่สระน้ำ ที่สามารถถ่ายภาพ เป็นแลนด์มาร์คของมหาวิทยาลัยและวัดได้ หมู่กุฏิจะขุดสระล้อมรอบ และส่วนสุดท้ายที่กำลังจะสร้างคือรั้วรอบบริเวณวัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ ล็อกละ 3 หมื่นห้าพันบาท ยังรับเจ้าภาพ กำแพงหน้าวัด และประตูหน้าวัดเป็นทางเข้า หน้าอุโบสถ์กลางน้ำ เป็นลานธรรม นั่งสมาธิ สวดมนต์ เจริญศรัทธา นี่คือ ที่มาคร่าวๆ ของการสร้างวัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ

“สิระ”วิจิกิจฉา!”ธนาธร”นั่ง กมธ.ฐานะคนนอกแต่ลงมติไม่ได้

People Unity : “สิระ”ข้องใจปม”ธนาธร”นั่ง กมธ.ฐานะคนนอกแต่ลงมติไม่ได้ ถือว่าได้ปฎิบัติหน้าที่ กมธ.หรือไม่ หวั่น ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2563 เป็นโฆษะ พร้อมแนะสภาฯสร้างบรรทัดฐาน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ต.ค.2562 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่เสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเป็นหนึ่งใน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่ว่า ตนเข้าใจว่ากรรมาธิการวิสามัญอนุญาตให้เป็นได้ทั้งส.ส. และคนนอก แต่ในกรณีนี้นายธนาธร ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.แต่ไปเป็นกรรมาธิการในสัดส่วนคนนอก แต่ลงมติไม่ได้ สามารถเป็นไปได้ทำจริงหรือไม่ เพราะถือว่าการลงมติเป็นหน้าที่ของกรรมาธิการทุกคน

“หากยังให้นายธนาธรปฏิบัติหน้าที่กรรมาธิการในฐานะคนนอก อะไรคือเครื่องมือยืนยันว่านายธนาธรจะไม่ลงมติในที่ประชุม ใครจะมีอำนาจสั่งห้ามนายธนาธรไม่ให้ลงมติได้ และคำถามต่อว่าหากนายธนาธรลงมติดังกล่าว ผลการทำงานของกรรมาธิการชุดนี้จะทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 เป็นโฆษะในอนาคตหรือไม่ กรรมาธิการควรหาข้อสรุปในเรื่องนี้”นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวต่อว่า ประเด็นของนายธนาธรยังสร้างความข้องใจให้สังคมว่าจริงๆแล้ว บรรทัดฐานในเรื่องนี้ควรข้อสรุปอย่างไร สภาฯชุดนี้ควรไตร่ตรองและสร้างมาตรฐานสำหรับกรณีเช่นนี้ เพื่อนำไปใช้ในอนาคตจะได้ไม่เป็นข้อถกเถียงกันในอนาคตต่อไป

นายสิระ ยังกล่าวต่อว่า ในขณะนี้นายธนาธรจะเป็นผู้ช่วย สส ยังทำไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นหากจะให้เรื่องนี้กระจ่างนายธนาธรควรที่จะลาออกจากการเป็น ส.ส.ดีที่สุด

สหรัฐฯตัด”จีเอสพี”ไทย! เพื่อไทยเย้ย รบ. เจรจาสำเร็จแค่เพียงสั่งซื้ออาวุธ

People Unity : สหรัฐฯตัด”จีเอสพี”ไทย! เพื่อไทยเย้ยรบ. เจรจาสำเร็จแค่เพียงสั่งซื้ออาวุธ ติงรัฐไร้ประสิทธิภาพจัดการสิทธิแรงงาน ชี้เอกชนเคว้งกระทบส่งออกยาว

วันที่ 27 ต.ค.2562 นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส. จังหวัดร้อยเอ็ด เขต 5 ในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP กับสินค้าของไทยคิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 40,000 ล้านบาทว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ รับทราบถึงความเป็นไปได้ที่ไทยจะถูกระงับสิทธิ GSP นี้ ตั้งแต่เป็นรัฐบาล คสช. และได้รับการแจ้งเตือนมาเป็นระยะ แต่กลับไม่มีการแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบอย่างทั่วถึง ไม่มีการศึกษาผลกระทบและจัดเตรียมมาตรการที่จะช่วยบรรเทาปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ จนสหรัฐฯ ประกาศระงับสิทธิดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายยังคงงุนงงต่อกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่น่ากังวลว่าภาคเอกชนจะมีเวลาในการปรับตัวเพียงแค่ 6 เดือนก่อนที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ

การถูกระงับสิทธิ GSP ในครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพและไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากต่างชาติเหมือนที่เคยอวดอ้าง ที่ผ่านมามีกรอบการประชุมในหลายระดับซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ สามารถใช้ในการเจรจากับสหรัฐฯ ได้ แต่กลับล้มเหลวทั้งหมด ทำให้เข้าใจได้ว่า ผลงานเดียวที่รัฐบาลสามารถเจรจาสำเร็จคือ การสั่งซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ

การส่งออกของไทยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาติดลบอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกภายใต้สิทธิ GSP สูงเป็นอันดับ 1 การถูกระงับสิทธิ GSP จะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้แย่ลง เพราะสินค้าไทยหลายรายการอาจถูกประเทศที่ยังได้รับสิทธินี้ใช้ความได้เปรียบในแง่ของราคาเข้ามาแย่งตลาด หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้จะกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะยาว

นอกจากนี้ นางสาวจิราพรยังกล่าวว่า ตนอยากฝากให้รัฐบาลเลิกทำตัวอุ้ยอ้ายทำอะไรก็ไม่เคยทันการ โดยขอให้เร่งออกมาตรการเยียวยาและลดผลกระทบที่สามารถดำเนินการได้จริง ไม่ใช่เพียงมาตรการที่เคยตั้งไว้แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่สามารถทำได้สำเร็จเหมือนหลายกรณีที่ผ่านมา ที่สำคัญรัฐบาลต้องแสดงให้เห็นว่า มีความสามารถในการบริหารประเทศไม่ได้ถนัดแค่สั่งซื้ออาวุธเพียงอย่างเดียว

ไม่พลาด! “พิชัย”ห่วงสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี ทำส่งออกไทยยิ่งทรุด

People Unity : ไม่พลาด! “พิชัย”ห่วงสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี ทำส่งออกไทยยิ่งทรุด ติงรัฐบาลอย่านำเรื่องน่าอายมาเป็นผลงาน

วันที่ 27 ต.ค.2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงอย่างมากในกรณีที่สหรัฐอเมริกาตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (จีเอสพี) จากไทย มีผลกระทบกับสินค้ากว่า 573 รายการ มูลค่ากว่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีผล 6 เดือนหลังประกาศเมื่อ 25 ตุลาคม โดยอ้างเหตุเรื่องสิทธิแรงงาน ทั้งนี้เพราะจากประสบการณ์ที่เคยค้าขายกับสหรัฐอเมริกา ทราบดีว่าสิทธิจีเอสพี ทำให้ราคาสินค้าของไทยสามารถแข่งขันราคากับสินค้าจากประเทศคู่แข่งได้ หากสินค้าไทยถูกตัดสิทธิจีเอสพี สินค้าจากไทยก็จะต้องเสียภาษีเต็มตามอัตราที่กำหนดซึ่งจะทำให้แข่งขันกับราคาสินค้าจากประเทศคู่แข่งที่ได้รับสิทธิจีเอสพีได้ยาก

อีกทั้งยังต้องเจอกับค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากและยังจะแข็งค่าขึ้นอีกด้วย มิเช่นนั้นผู้ผลิตและผู้ส่งออกก็จะต้องเฉือนเนื้อตัดจากกำไรเพื่อนำไปจ่ายภาษีศุลกากร และหากเป็นสินค้าที่มาร์จิ้นต่ำ เช่น สินค้าเกษตร อาหารทะเล ก็จะไม่สามารถเฉือนกำไรเพื่อจ่ายภาษีให้เพียงพอได้ โดยเรื่องดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทยที่ทรุดต่ำอยู่แล้วให้ทรุดต่ำลงไปอีก นอกจากนี้ การถูกตัดสิทธิจีเอสพี จะทำให้การลงทุนในสินค้าหมวดหมู่ดังกล่าวลดลง หรือ จะมีการย้ายฐานการผลิตออกจากไทย เพื่อไปลงทุนในประเทศที่ยังคงได้รับสิทธิจีเอสพีอยู่ ซึ่งจะทำให้การลงทุนของไทยที่ลดต่ำอยู่แล้วลดต่ำลงไปอีก แถมอาจจะมีการโยกย้ายฐานการผลิตและการส่งออกซ้ำเติมด้วย

นายพิชัยกล่าวอีกว่า ผลของการที่ไทยถูกสหรัฐอเมริกาตัดสิทธิจีเอสพี ก็เหมือนกับผลของการที่ไทยไม่สามารถเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) ในช่วงที่มีรัฐบาลจากการปฏิวัติได้ ซึ่งการเจรจาการค้ากับอียูก็ยังไม่มีความคืบหน้า

ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลได้เร่งแก้ไขปัญหา และ เร่งเจรจากับสหรัฐอเมริกาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งในอดีตประเทศไทยก็เคยโดนสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี ในบางรายการมาก่อน แต่สุดท้ายก็สามารถเจรจาแก้ไขได้ ถ้ารัฐบาลมีความสามารถและมีทักษะในการเจรจาเพียงพอ รัฐบาลควรจะต้องใส่ใจเรื่องการเจรจาการค้ากับประเทศคู่ค้าหลักอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาการส่งออกทรุดและการลงทุนที่หายไป มากกว่าจะนำเรื่องที่น่าอับอายแต่กลับนำมาหาเสียง อย่างเช่น เรื่องอันดับความสะดวกในการทำธุรกิจของไทยที่พึ่งฟื้นกลับมาได้อันดับที่ 21 หลังจาก 6 ปีของการปฏิวัติ โดยก่อนการปฏิวัติ ไทยเคยอยู่อันดับที่ 18 และ ตั้งแต่มีการจัดอันดับมาประเทศไทยไม่เคยได้อันดับต่ำกว่าอันดับที่ 19 เลย จนมาเกิดการปฏิวัติทำให้อันดับความสะดวกทำธุรกิจของไทยทรุดลงไปต่ำสุดที่อันดับ 49 ในปี 2558 และ อันดับ 46 ในปี 2559 และพึ่งจะฟื้นขึ้นมาได้ แต่ก็ยังกลับไม่ถึงที่เก่าที่อันดับ 18 ก่อนการปฏิวัติ ควรจะเป็นความน่าละอายที่ 6 ปี ที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำให้อันดับความสะดวกในการทำธุรกิจของไทยทรุดต่ำและยังไม่กลับมาที่เดิมมากกว่า

อีกทั้งอันดับที่ดีขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีการลงทุนที่มากขึ้น เพราะประเทศเวียดนามที่อยู่อันดับที่ 70 แต่การลงทุนจากต่างประเทศของเวียดนามมีมากกว่าไทยหลายเท่า โดยประเทศเวียดนามได้เซ็นข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับหลายประเทศคู่ค้าหลักตัดหน้าไทยที่ไทยยังไม่สามารถเซ็นได้และก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะสามารถเซ็นได้เมื่อไหร่ จึงทำให้การส่งออกของเวียดนามได้แซงหน้าการส่งออกของไทยครั้งแรกในปีนี้และน่าจะแซงแล้วแซงเลย เพราะการลงทุนในเวียดนามมีมากกว่าการลงทุนในไทยมาตลอดหลายปีนี้

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวอีกว่า อีกประเด็นหนึ่ง ถ้าหากใครได้ฟังสุนทรพจน์ของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่พูดที่ฮ่องกง นอกจากจะให้กำลังใจแก่ นางแคร๋รี่ แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงแล้ว นายสมคิดในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ของไทยยังได้แสดงจุดยืนเข้าข้างประเทศจีนอย่างเต็มที่ ซึ่งในภาวะสงครามการค้าและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน การถือข้างใดข้างหนึ่งจนออกนอกหน้ามากเกินไป ก็อาจจะทำให้อีกประเทศหนึ่งไม่พอใจ ถึงกับตัดสิทธิจีเอสพีก็เป็นได้ จึงอยากให้ประเทศไทยวางตัวให้เหมาะสม ถ่วงดุลอำนาจระหว่างสองประเทศมหาอำนาจให้ดี เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย ในภาวะความผันผวนของโลก ประเทศไทยต้องการผู้นำที่มีความรู้ความสามารถและความรอบรู้เพียงพอที่จะเข้าใจพลวัตรของโลก หากผู้นำไม่สามารถก้าวตามการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ทัน ประเทศไทยจะเสียหายและเสียโอกาสอย่างมาก เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ก.อุดมศึกษาฯลุยทำแผน”สมาร์ทฟาร์มเมอร์เครือข่ายม.ราชภัฏลำปาง-สสน.

People Unity : “องอาจ ปัญญาชาติรักษ์” ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษาฯ ลุยทำแผน”สมาร์ทฟาร์มเมอร์เครือข่ายม.ราชภัฏลำปาง-สสน.

วันที่ 26 ต.ค.2562 นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ประชุมทำแผนปฏิบัติการกับกลุ่มเครือข่ายมหาวิทยาลัยในจังหวัดลำปาง และสถาบันสารสนเทศและทรัพยากรน้ำ (สสน.) เพื่อพัฒนา “สมาร์ทฟาร์มเมอร์” ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

นายองอาจ กล่าวว่า จากที่ รมว กระทรวง อว. มีนโยบายการพัฒนา “สมาร์ทฟาร์มเมอร์” วันนี้ได้มีโอกาสขึ้นรูปแผนการพัฒนาเกษตรกรไปสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์ ทั้งในส่วนของพืชสัตว์เศรษฐกิจยุคปัจจุบัน และยุคใหม่ เช่น ไผ่ กัญชง ซึ่งนอกจากการขยายผลจากของเดิม ยังจะต้องมีแผนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร การรับรองคุณภาพ การวิจัยความรู้ก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว การศึกษาตลาดในรูปแบบต่างๆ การขนส่งผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการที่ครบทั้งห่วงโซ่และจะต้องเตรียมแผนการพัฒนาเกษตรกรต่อไป

“รมว. กระทรวง อว. ได้ตั้งงบประมาณสำหรับการพัฒนา Smart Farmer ไว้ 500 ล้านบาท ในปี 2563 ซึ่งแนวทางคือ ให้ทุกภาคส่วนของกระทรวงที่มีทั้ง สถานบันวิจัยต่างๆ เช่น สวทช วว วศ รวมผลังกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ พัฒนากลุ่มเกษตรกรเป้าหมาย โดยตั้งเป้าอย่างเป็นรูปธรรมที่ 500 กลุ่มภายใน 6 เดือน และเพิ่มรายได้จากการพัฒนาการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มมูลค่า อย่างใน 20% รวมทั้งจะดึงเอาพลังและองค์ความรู้ของนักศึกษาลงไปช่วยแก้ไขปัญหาทางการ เกษตรในพื้นที่จริงอีกด้วย”

“อธิบดี พช.”ร่วมเปิดตัวหนังสือ”เจิมใจเมืองฯ” ของ”เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์”

People Unity : “อธิบดี พช.”ร่วมเปิดตัวชุดหนังสือของขวัญ”เจิมใจเมืองฯ” ของ “เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์” ศิลปินแห่งชาติ รวมบทกวีเรื่องราวทุกจังหวัดทั่วเมืองไทย รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายสนับสนุนสร้างแหล่งเรียนรู้ “พิพิธภัณฑ์:บ้านไร่ใกล้ตลาด@งิ้วราย นครชัยศรี”

วันที่ 26 ต.ค.2562 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ร่วมเสวนาและเปิดตัวหนังสือกวีนิพนธ์เล่มใหม่ พร้อมเสื้อที่ระลึก ของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ซึ่งจัดเป็นชุดหนังสือของขวัญ “เจิมใจเมือง สืบเนื่องบ้านพิพิธภัณฑ์” พร้อมด้วย เอนก นาวิกมูล ผู้ก่อตั้งบ้านพิพิธภัณฑ์ ร่วมเสวนาและแสดงความยินดี โดยมีสื่อมวลชน และเหล่านักอ่านร่วมงานอย่างอบอุ่น ณ ศูนย์หนังสือจุฬาฯ จามจุรีสแควร์ กรุงเทพฯ

นายสุทธิพงษ์ ซึ่งได้ร่วมสนับสนุนการสร้างแหล่งเรียนรู้ “บ้านพิพิธภัณฑ์-บ้านไร่ใกล้ตลาดที่งิ้วราย” มาตั้งแต่ต้น กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่มาร่วมสนับสนุนการส่งเสริมแหล่งเรียนรู้ชุมชนอีกครั้ง อีกทั้งการจัดพิมพ์กวีนิพนธ์ “เจิมใจเมือง” ของศิลปินแห่งชาตินั้น มีความงดงามของเนื้อหาที่ บอกเล่าภูมิสังคมวัฒนธรรมและวิถีชีวิต อัตลักษณ์ที่โดดเด่นของชุมชน ช่วยประชาสัมพันธ์เสน่ห์ของชุมชนหมู่บ้าน ทั่วเมืองไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ส่งเสริมการท่องเที่ยวและสนับสนุนสินค้า OTOP ของชุมชนที่จะนำรายได้ไปสู่พี่น้องประชาชน อีกทั้งยังเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้แก่เจ้าของพื้นที่แต่ละท้องถิ่นอีกด้วย

นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ เจ้าของผลงานกวีนิพนธ์เล่มล่าสุด “เจิมใจเมือง” เปิดเผยว่า ในการจัดพิมพ์กวีนิพนธ์ “เจิมใจเมือง” ครั้งแรกนี้ นับเป็นกรณีพิเศษ จะจัดทำตามจำนวนที่สั่งจองเท่านั้น โดยจัดเป็นชุดหนังสือของขวัญ “เจิมใจเมือง สืบเนื่องบ้านพิพิธภัณฑ์” ประกอบไปด้วยหนังสือ 1 เล่ม ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวอัตลักษณ์ท้องถิ่น 76 จังหวัด และกรุงเทพฯ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิสังคมวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต อาหารการกิน สัมมาชีพ แหล่งท่องเที่ยวชุมชน รวมทั้งสินค้า OTOP ที่มาจากชุมชนหมู่บ้านทั่วเมืองไทย ภายในหนังสือเป็นบทกวีลายมือทั้งเล่ม และภายในชุดหนังสือของขวัญนี้ ยังมีเสื้อที่ระลึก “เจิมใจเมือง” สกรีนบทกวีของแต่ละจังหวัด รวม 77 แบบ ให้ผู้สั่งจองสามารถเลือกได้ชุดละ 1 แบบ (จังหวัด) และนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายสนับสนุนการสร้างแหล่งเรียนรู้ “บ้านพิพิธภัณฑ์-บ้านไร่ใกล้ตลาดที่งิ้วราย” ซึ่งดำเนินการโดยสมาคมกิจวัฒนธรรม และเอนก นาวิกมูล ผู้ก่อตั้งบ้านพิพิธภัณฑ์

ผู้สนใจเป็นเจ้าของชุดหนังสือของขวัญ “เจิมใจเมือง สืบเนื่องบ้านพิพิธภัณฑ์” ราคาชุดละ 400 บาท สามารถสั่งจองและรับได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุกสาขา หรือสั่งจองผ่าน Line : @onart หรือ Facebook : On Art | ออน อาร์ต ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2562 โดยชุดหนังสือของขวัญฯ จะจัดส่งทางไปรษณีย์ EMS ประมาณ 10-15 วันหลังยืนยัน และสำหรับผู้ที่ต้องการสั่งจองตั้งแต่ 10 ชุดขึ้นไป กรุณาติดต่อ 063 223 2291 ทั้งนี้รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนการสร้างแหล่งเรียนรู้ “บ้านพิพิธภัณฑ์-บ้านไร่ใกล้ตลาดที่งิ้วราย” ต่อไป

 

“สาธิต”มอบนโยบายระบบแพทย์ฉุกเฉินรับท่องเที่ยวไฮซีซั่นกระบี่

People Unity : “สาธิต”รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบนโยบายให้ระบบการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเลจังหวัดกระบี่ พร้อมดูแลนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น ตุลาคม – พฤษภาคม

วันที่ 26 ต.ค.2562 ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลกระบี่ จังหวัดกระบี่ ว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายในการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขทางทะเลและพื้นที่เกาะ 23 จังหวัดชายทะเล เพื่อดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มีประมาณ 35 ล้านคนต่อปี ทั้งการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกัน รักษา ฟื้นฟูสภาพ รวมทั้งจัดบริการพิเศษทางสุขภาพ หรือพรีเมี่ยม เซอร์วิสในพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเล สร้างรายได้ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจประเทศ บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ

กองทัพ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดระบบการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล (Maritime ECS : Maritime Emergency Care System) พัฒนาศักยภาพหน่วยบริการให้สามารถดูแลผู้บาดเจ็บ/ป่วยฉุกเฉินทางทะเล และโรคที่พบบ่อย และสร้างอาสาสมัครสาธารณสุขทางทะเล /ทีมกู้ชีพทางทะเล เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทางทะเลร้อยละ 80 ได้รับการดูแลให้มีความปลอดภัยหากเจ็บป่วย/ฉุกเฉินทางทะเล เสียชีวิตจากเหตุฉุกเฉินลดลงร้อยละ 25 การเจ็บป่วยจากโรคที่พบบ่อยลดลงร้อยละ 30 สร้างรายได้จากการลงทุนบริการระดับพรีเมียมปีละ 70 ล้านบาท และความเชื่อมั่นของประเทศอยู่ในอันดับ 1 ของอาเซียนภายในปี 2564

“ขอชื่นชมจังหวัดกระบี่ที่มีความพร้อมดูแลนักท่องเที่ยวและประชาชนในช่วงไฮซีซั่น ตุลาคม – พฤษภาคม ร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ และสถานพยาบาลเอกชน ดำเนินการจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉินช่วยเหลือส่งต่อผู้ป่วยทางทะเลที่มีประสิทธิภาพ มีระบบการปรึกษาแพทย์กับโรงพยาบาลแม่ข่าย ระหว่างการนำส่งบนเรือ Ambulance จนถึงโรงพยาบาล สร้างมาตรฐานการดูแลประชาชนพื้นที่เกาะ ห่างไกล และสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว” ดร.สาธิตกล่าว

ทั้งนี้ จังหวัดกระบี่เป็นหนึ่งในจังหวัดพื้นที่เขตสุขภาพพิเศษด้านสาธารณสุขทางทะเล เน้นบูรณาการเครือข่ายการช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวในภาวะวิกฤตฉุกเฉินทางทะเล ได้จัดตั้งหน่วยบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล/เกาะที่สำคัญ โดยมีระบบการช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุ ส่งทีมแพทย์ พยาบาล ณ พื้นที่เกาะ มีแนวทางการส่งต่อ การอบรมอาสาสมัครกู้ชีพ กู้ภัย ระบบการแจ้งเหตุจากจุดเกิดเหตุ ศูนย์สั่งการและระบบสั่งการทางการแพทย์เชื่อมโยงกับศูนย์ระดับภาคใต้ รวมทั้งการประสานงานหน่วยงานที่มีศักยภาพในการจัดระบบบริการทางการแพทย์ทางทะเล และระบบป้องกันไม่ให้เกิดเหตุหรือระบบแจ้งเตือน ณ จุดเกิดเหตุ

“ธรรมนัส​”จ่อของบฯกลางซื้อเครื่องบินฝนหลวงใหม่

People Unity : “ธรรมนัส​ พรหมเผ่า” ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานปฏิบัติการฝนหลวงพื้นที่ภาคเหนือ​ กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาภัยแล้งเต็มที่ จ่อเสนอของบฯกลางเพื่อจัดซื้อเครื่องบินฝนหลวงใหม่เสริมกำลัง

วันที่ 26 ต.ค.2562 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะทำงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามการปฏิบัติการฝนหลวงพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับเขื่อน/อ่างเก็บน้ำ และพื้นที่ประสบภัยแล้ง ที่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา ตำบลลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับฟังรายงานสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนแม่กวงอุดมธารา​ จากกรมชลประทาน​ ขณะที่ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร​ ได้บรรยายสรุปภาพรวมของการปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับเขื่อน/อ่างเก็บน้ำและพื้นที่ประสบภัยแล้ง การบริหารจัดการน้ำต้นทุนเขื่อนแม่กวงอุดมธารา และการจัดสรรน้ำด้านการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง

โดย ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้เป็นการเดินทางลงพื้นที่เพื่อร่วมรับฟังบรรยายสรุปถึงผลปฏิบัติงานของกรมฝนหลวงเพื่อบรรเทาและป้องกันภัยแล้งตลอดปีที่ผ่านมา​ ซึ่งปัญหาภัยแล้งในภาพรวมได้มีการเตรียมการรับมือภัยแล้งที่จะมาถึงผ่านโครงการต่างๆ ตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายจาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ ซึ่งต้องเตรียมความพร้อมรับมือวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการงานทุกภาคส่วนสร้างการรับรู้ปัญหาปริมาณน้ำที่ลดน้อยลงเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อให้เพียงพอทั้งด้านกษตรกรรม​ และการอุปโภคบริโภค

ทั้งนี้ที่ผ่านมา ในการปฎิบัติการฝนหลวงตั้งแต่ปี 2562 ได้มีการดำเนินการไปปฏิบัติการฝนหลวงมาทุกภาคทุกจังหวัด แต่ยอมรับว่า ภาครัฐมีการแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างขีดจำกัด  เนื่องจากปฎิบัติการฝนหลวงต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติ และด้วยกำลังพลที่น้อย รวมทั้งอุปกรณ์ใช้งานที่เก่า แต่ภายใต้ความกดดันเหล่านี้เราก็สามารถปฏิบัติงานและตอบโจทย์ได้ทุกจังหวัด

ส่วนกรณีจะมีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่พนักงานและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฎิบัติการฝนหลวงหรือไม่นั้น ร้อยเอกธรรมนัส ได้ระบุว่า มีการพูดคุยกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะรัฐมนตรี ในการสร้างกำลังพลของกรมฝนหลวงใหม่ จัดซื้ออากาศยานเข้ามาทดแทนที่เสื่อมสภาพไปแล้ว ส่วนที่ยังใช้งานอยู่จะมีการบำบัดและซ่อมบำรุงอย่างต่อเนื่องตามวาระการใช้งานในแต่ละปี พร้อมสนับสนุนงบประมาณโดยจะมีการพิจารณาสนับสนุนงบกรมฝนหลวงให้เพิ่มมากขึ้น แต่หากว่าจำเป็นจะต้องใช้งบกลางก็จะมีการปรึกษากับคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง

ส่วนกรณีความล่าช้าการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำจากอำเภอแม่แตง แม่งัด จนถึงแม่กวง ขณะนี้เนื่องจากระยะเวลาสัญญาก่อสร้างจะต้องแล้วเสร็จก่อนเดือนพฤษภาคม 2564 ปัจจุบันการก่อสร้างยังล่าช้า หลังจากนี้ตนจะนำเรื่องดังกล่าวไปรายงานต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อรับทราบถึงปัญหาและแก้ไขต่อไป

จากนั้นในช่วงบ่าย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะทำงาน เดินทางไปยังพื้นที่โครงการมะม่วงแปลงใหญ่​ บ้านเวียงทอง หมู่ที่ 25 ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นประธานในพิธีการส่งมอบ หนังสืออนุญาตการเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) จำนวน 30 ราย ส่งมอบโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำชุมชนในพื้นที่อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 6 แห่ง และพบปะอาสาสมัครฝนหลวง​ พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ด้านการเกษตรในพื้นที่ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเกษตรกรในพื้นที่คอยต้อนรับจำนวนมาก

สธ.เชิญชวนประชาชน บริจาคโลหิตสร้างกุศล ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์

People Unity : กระทรวงสาธารณสุข เชิญชวนประชาชนสร้างกุศล ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ ด้วยการบริจาคโลหิตทุก 3 เดือน เพิ่มปริมาณโลหิตสำรองคงคลังพร้อมดูแลใช้รักษาผู้ป่วยทั่วประเทศ โดยเลือด 1 ถุงช่วยได้ 3 ชีวิต

วันที่ 26 ตุลาคม 2562 นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย รณรงค์ขอประชาชนบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือน หรือปีละ 4 ครั้ง เพื่อให้มีปริมาณโลหิตสำรองคงคลังอย่างน้อย 3,000 ยูนิต/วัน เพียงพอนำไปใช้รักษาผู้ป่วยทั่วประเทศ โดยเฉพาะกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินและวิกฤต หรือสถานการณ์ต่างๆ อาทิ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เทศกาลต่างๆ ที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ปีใหม่ สงกรานต์ ซึ่งจะมีความต้องการใช้โลหิตเพิ่มมากขึ้น โดยการบริจาคโลหิต 1 ครั้ง ใช้เวลาประมาณ 20 กว่านาที ได้เลือด 1 ถุง ประมาณ 350-450 มิลลิลิตร (ซี.ซี.) ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของผู้บริจาค สามารถนำไปช่วยผู้ป่วยที่ต้องการเลือดได้ถึง 3 ชีวิต

นายแพทย์รุ่งเรืองกล่าวต่อว่า ผู้ที่สามารถบริจาคโลหิตได้จะต้องมีอายุระหว่าง 17 ถึง 70 ปีบริบูรณ์ (ผู้ที่มีอายุ 17 ปีต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง) น้ำหนักตัว 45 กิโลกรัมขึ้นไป และมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอก่อนวันบริจาคโลหิต และไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นอันตราย เพราะเป็นการสละโลหิตส่วนเกินที่ร่างกายยังไม่จำเป็นต้องใช้ โดยในร่างกายจะมีปริมาณโลหิตประมาณ 17-18 แก้วน้ำ แต่ใช้เพียง 15-16 แก้ว เมื่อบริจาคโลหิตออกไปไขกระดูกจะสร้างเม็ดโลหิตขึ้นมาทดแทนให้มีปริมาณโลหิตในร่างกายเท่าเดิม แต่หากไม่บริจาคเมื่อเม็ดโลหิตอายุประมาณ 3 เดือนก็จะหมดอายุและสลายตัว ขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ

นายแพทย์รุ่งเรืองกล่าวต่อไปว่า ข้อมูลของสภากาชาดไทยพบว่า ปริมาณสำรองเลือดในคลังของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องเนื่องจากมีผู้บริจาคลดลง จากปกติต้องได้รับโลหิตบริจาคตามเป้าหมายคือ 2,000 – 2,500 ยูนิตต่อวัน แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 1,500 – 1,700 ยูนิตต่อวัน จึงเกิดการขาดแคลนสะสม จนทำให้ปริมาณโลหิตคงคลังลดน้อยลงจนถึงขณะนี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมสร้างกุศลได้ทุกวัน หรือใช้โอกาสวันเกิด วันครบรอบโอกาสสำคัญ ร่วมบริจาคโลหิตได้ที่โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ และหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิตทุกแห่ง ส่วนภูมิภาคบริจาคได้ที่ภาคบริการโลหิตแห่งชาติในแต่ละจังหวัด

“ธนกร”เตือน”เสรีพิศุทธ์”อย่าลุแก่อำนาจเรียก”บิ๊กตู่”แจงกมธ.

People Unity : “ธนกร”ออกโรงเตือน”เสรีพิศุทธ์”อย่าลุแก่อำนาจมุ่งทำลาย”บิ๊กตู่” แนะกมธ.ยึดกรอบกม. ไม่ใช่พุ่งเป้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว ชม”จิรายุ-ไชยา”

วันที่ 26 ตุลาคม 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนฯ เตรียมใช้อำนาจเรียกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงกรณียื่นร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี2563 ไม่ถูกต้องเนื่องจากรัฐบาลถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบว่า ทางกรรมาธิการฯไม่น่าจะมีอำนาจที่จะเรียกตรวจสอบเรื่องนี้เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยจบแล้ว ด้วยความเคารพผู้อาวุโสอย่างพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อยากจะให้ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ อย่าใช้ตำแหน่งประธานกรรมาธิการฯมุ่งทำลายล้างทางการเมืองเพียงอย่างเดียว อย่าลุแก่อำนาจ ท่านเป็นนายตำรวจเก่าน่าจะทราบกฏหมายดีว่า การเป็นกรรมาธิการฯมีหน้าที่ในการตรวจสอบการทุจริต ประพฤติมิชอบต่างๆ ไม่ใช่มาตรวจสอบปมถวายสัตย์ฯของท่านนายกรัฐมนตรีซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต

นายธนกร กล่าวว่า ทางที่ดีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ต้องทำหน้าที่แทนประชาชนในการตรวจสอบการทุจริตไม่ใช่มาตะบี้ตะบันมุ่งโจมตีพล.อ.ประยุทธ์เพียงอย่างเดียว เสียชื่อวีรบุรุษนาแกหมด ขอให้ประชาชนจดจำความดีในอดีตดีกว่า ในวัยเด็กตนเคยชื่มชมพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่มาตอนหลังรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนฯมีบทบาทหน้าที่ตามกฏหมายชัดเจน อย่าใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ดูการทำงานของคณะกรรมาธิการฯส่วนใหญ่ทำงานได้ดีเข้าใจบทบาทหน้าที่ ตรวจสอบตรงไปตรงมา ไม่ได้มุ่งเน้นทำลายฝ่ายการเมืองตรงข้าม เช่น นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน สภาผู้แทนฯ หรือนายไชยา พรหมมา ประธานคณะกรรมาธิการศึกษา การจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนฯต่างทำหน้าที่ได้ดี

“เสรีพิศุทธ์” ขู่ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” หากไม่แจงกมธ.อาจเจอคุก

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไลฟ์สดผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า กรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.)ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่ตนเองเป็นประธาน ทำหนังสือให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงกรณีถวายสัตย์ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 61 นั้น เป็นไปตามมติของที่ประชุมเพื่อต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร มาแถลงข้อเท็จจริง และแสดงความคิดเห็นเรื่องการนำร่างพ.ร.บ.งบฯปี 63 มาเสนอต่อที่ประชุมสภาฯได้อย่างไร ซึ่งไม่เกี่ยวกับปัญหาการถวายสัตย์ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวอ้างแต่อย่างใด โดยตนได้เซ็นหนังสือเพื่อเชิญให้มาชี้แจงในวันที่ 30 ต.ค.นี้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ดังนั้น นายวิษณุ ออกมาระบุว่าทั้งสองคนมีสิทธิที่จะมาหรือไม่มา หรือ ส่งตัวแทนมาชี้แจงก็ได้นั้น ตนอยากจะบอกว่า กมธ.ไม่ได้เชิญผู้แทน ระบุชื่อตัวตนชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร จะส่งนายหมูนายหมามาตอบแทนได้อย่างไร แต่หากพล.อ.ประยุทธ์ติดราชการเพราะมีภารกิจมาก สามารถแจ้งมาเพื่อขอเลื่อนได้ แต่ถ้าไม่ตอบเลย ตนก็จะมีหนังสือเชิญครั้งที่สอง โดยจะให้โอกาสแค่สองครั้งเท่านั้น ถ้าไม่มีอีก ครั้งต่อไปตนจะทำเป็นหนังสือคำสั่งของประธานกมธ. เพื่อเรียกบุคคลนั้น หรือ เรียกเอกสาร ให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมาธิการ ตามมาตรา 8 ของพ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราฏษรและวุฒิสภา ถ้าฝ่าฝืนไม่มาตามคำสั่งเรียกดังกล่าวถือว่ามีความผิดตามมาตรา 13ต้องระวางโทษไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ หรือพล.อ.ประวิตร ไม่มาเอง ถือว่าเข้าทางตน จะได้สรุปข้างเดียวไปเลย ว่าการเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ต่อสภาฯ ไม่ชอบด้วยกฏหมาย และขัดรัฐธรรมนูญ และส่งฟ้องไปเลย ดังนั้นก็ไปตัดสินใจเอาเองว่าจะมาหรือไม่มา

Verified by ExactMetrics