วันที่ 25 พฤศจิกายน 2024

รพ.ตำรวจ ยืนยันมีการดูแลสุขภาพจิตข้าราชการตำรวจ-เฝ้าระวังต่อเนื่อง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 พฤศจิกายน 2566 หัวหน้ากลุ่มงานจิตเวชฯ โรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันมีการดูแลสุขภาพจิตของข้าราชการตำรวจ เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ปรึกษาสายด่วนซึมเศร้าเราใส่ใจ ได้ตลอด 24 ชม.

พ.ต.อ.เกริกกมล แย้มประยูร นายแพทย์ (สบ 5) หัวหน้ากลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลตำรวจมีการดูแลสุขภาพจิตของข้าราชการตำรวจ โดยมีการประเมินสุขภาพจิตในการคัดเลือกก่อนบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ นักเรียนเตรียมทหารสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนักเรียนนายสิบตำรวจ และในการตรวจสุขภาพประจำปีของตำรวจจะมีการประเมินสุขภาพจิตควบคู่ไปด้วย อาทิ หน่วยที่ใช้กำลังหรือยุทธวิธี อย่างผู้ทำลายวัตถุระเบิด นักบิน ผู้ปฏิบัติการใต้น้ำ อาจารย์ฝ่ายปกครอง จะใช้แบบประเมินแบบละเอียด หากพบบุคคลใดมีปัญหาหรือมีความเสี่ยงก่อเหตุรุนแรงต่อตัวเองหรือผู้อื่นจะได้รับความช่วยเหลือประคับประคองทางจิตใจและสังคม แนะนำให้เข้าตรวจวินิจฉัยและรักษากับจิตแพทย์ต่อไป สำหรับหน่วยงานในกรุงเทพฯ จะมีช่องทางด่วนให้เข้ารับบริการที่ห้องตรวจโรคจิตเวชฯ โรงพยาบาลตำรวจ

นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลตำรวจยังมีการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจการดูแลสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบออนไลน์และการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการในแต่ละภาคอีกด้วย รวมถึงการใส่เนื้อหาดูแลสุขภาพจิตไว้ในหลักสูตรการฝึกอบรมต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย

ทั้งนี้ โรงพยาบาลตำรวจมีการให้คำปรึกษาและข้อแนะนำด้านสุขภาพจิต ทั้งข้าราชการตำรวจ ครอบครัว และประชาชน ผ่านทางสายด่วน ซึมเศร้าเราใส่ใจ 08 1932 0000 หรือเพจเฟซบุ๊ก ซึมเศร้าเราใส่ใจ มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.

Advertisement

พม. ติดริบบิ้นสีขาวให้นายกฯ รณรงค์ยุติความรุนแรง

People Unity News : 21 พฤศจิกายน 2566 ทำเนียบ – “วราวุธ” นำทีมติดเข็มกลัดริบบิ้นสีขาวให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว

นายวราวุธ  ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ติดเข็มกลัดริบบิ้นสีขาว (White Ribbon) ให้แก่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้สังคมตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว รวมทั้งกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนในสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ยุติความรุนแรง โดยใช้ “ริบบิ้นสีขาว” (White Ribbon) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สากล เพื่อแสดงถึงการไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย และไม่กระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัวทุกรูปแบบ

นายวราวุธ กล่าวว่า ด้วยวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ได้จัดกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัวต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้ กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “รวมพลังหยุดความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว” (Unite for the Prevention of Violence against Women and Children) ในวันที่ 25 พ.ย. 66 ณ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย เดินขบวนรณรงค์เชิงสัญลักษณ์ เพื่อรวมพลังยุติความรุนแรงในสังคมทุกรูปแบบ และจัดพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่บุคลากรและหน่วยงานที่สนับสนุนและส่งเสริมการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว

อีกทั้ง สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทั่วประเทศ (76 จังหวัด) พร้อมใจกันจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ฯ เพื่อสร้างพลังกระแสสังคม และกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ตลอดจนเข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ สนับสนุน และจัดกิจกรรมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงฯ อันแสดงถึงการ “รวมพลังหยุดความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว”

Advertisement

“สมศักดิ์” เปิดงานลอยกระทงสุโขทัย จัดยิ่งใหญ่ 10 วัน 10 คืน

People Unity News : 18 พฤศจิกายน 2566 สุโขทัย  – “สมศักดิ์” เปิดงานลอยกระทงสุโขทัยยิ่งใหญ่ สอดรับโครงการ “Thailand Winter Festival” จัดงานยาว 10 วัน 10 คืน กระตุ้นท่องเที่ยว ก่อนนายกฯ ร่วมลอยกระทง 27 พ.ย.นี้

เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (18 พ.ย.66) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2566 พร้อมด้วย ส.ส.สุโขทัย สังกัดพรรคเพื่อไทย ข้าราชการจากภาคส่วนต่างๆ และประชาชน เข้าร่วม โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก ทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพื่อร่วมชมขบวนแห่นางนพมาศ และขบวนแห่ประเพณีวัฒนธรรม จาก 9 อำเภอของจังหวัดสุโขทัย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานพิธีเปิดงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2566 ในวันนี้ และเป็นที่น่ายินดีที่การจัดงานในครั้งนี้ เน้นการอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของชาวสุโขทัยและของชนชาติไทย รวมทั้งการให้ความสำคัญต่อกิจกรรมต่างๆ ซึ่งล้วนสอดคล้องและรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของชาวสุโขทัยที่เคยมีมาในอดีต ให้ดำรงไว้และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะเยาวชนรุ่นหลัง ให้เกิดความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์และศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของชนชาวไทย รวมทั้งสืบสานให้ดำรงคงอยู่ตลอดไป โดยการจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือร่วมใจ ความเสียสละ ทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังความคิด และความสามัคคีจากทุกภาคส่วน ตลอดจนประชาชนชาวจังหวัดสุโขทัยทุกท่าน ทำให้การจัดงานสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด จึงขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไว้ ณ โอกาสนี้

“ในงานยังมีกิจกรรมที่แสดงถึงวิถีชีวิตของชาวสุโขทัย ที่ได้กล่าวขานในหลักศิลาจารึก เช่น พิธีรับรุ่งอรุณแห่งความสุข พิธีบวงสรวงบูรพกษัตริย์สุโขทัยทุกพระองค์ การประกวดกระทงใหญ่ กระทงเล็ก โคมชัก โคมแขวน พนมหมาก และพนมดอกไม้ การประกวดนางนพมาศ การแสดงแสง เสียง พิธีเผาเทียน ขบวนแห่ประเพณีวัฒนธรรม 9 อำเภอ ขบวนแห่นางนพมาศ พิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์และพระประทีปพระราชทาน การแสดงตำนานท้าวศรีจุฬาลักษณ์ การแสดงพลุ ตะไล ไฟพะเนียง รวมถึงมีการจัดตลาดชุมชน จำหน่ายสินค้าและอาหารพื้นถิ่นจังหวัดสุโขทัย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเปิดงาน นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้นั่งชมขบวนแห่นางนพมาศ และขบวนแห่ประเพณีวัฒนธรรม จาก 9 อำเภอของจังหวัดสุโขทัย ซึ่งได้มีการจัดขบวนอย่างยิ่งใหญ่ ตามเอกลักษณ์ของแต่ละอำเภอ นอกจากนี้ ยังได้เดินเยี่ยมชมตลาดชุมชนจำหน่ายสินค้าและอาหารพื้นถิ่นจังหวัดสุโขทัยด้วย

Advertisement

เช็คเลย ที่ไหนบ้าง? กทม.เปิดสวนสาธารณะ 34 แห่ง ให้ลอยกระทง 27 พ.ย.นี้

People Unity News : 17 พฤศจิกายน 2566 กทม.ชวนประชาชนใช้กระทงธรรมชาติ 1 ครอบครัว 1 กระทง พร้อมเปิดสวนสาธารณะ 34 แห่ง ให้ลอยกระทง 27 พ.ย.นี้

นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เทศกาลลอยกระทงในปีนี้ ตรงกับวันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เพื่อเป็นการร่วมสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีลอยกระทง กรุงเทพมหานคร กำหนดเปิดสวนสาธารณะ 34 แห่ง เพื่อให้ประชาชนลอยกระทง ได้แก่ 1.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน 2.สวนจตุจักร เขตจตุจักร 3.สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร 4.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง 5.สวน 60 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง 6.สวนสราญรมย์ เขตพระนคร 7.สวนรมณีนาถ เขตพระนคร 8.สวนสันติชัยปราการ เขตพระนคร 9.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ 10.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม 11.สวนนวมินทร์ภิรมย์ เขตบึงกุ่ม 12.สวนหนองจอก เขตหนองจอก 13.สวนราษฎร์ภิรมย์ เขตหนองจอก 14.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย 15.สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย 16.สวนบึงกระเทียม เขตมีนบุรี 17.สวนพระยาภิรมย์ เขตมีนบุรี 18.สวนวารีภิรมย์ เขตคลองสามวา 19.สวนสิริภิรมย์ เขตคลองสามวา 20.สวนเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เขตบางคอแหลม

21.สวนสันติภาพ เขตราชเทวี 22.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน 23.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง 24.สวน 50 พรรษา มหาจักรีสิรินธร เขตประเวศ 25.สวนวนธรรม เขตประเวศ 26.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา 27.สวนสาธารณะต่างระดับพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 ตัดกับพุทธมณฑลสาย 2 เขตทวีวัฒนา 28.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด 29.สวนสาธารณะบึงน้ำลาดพร้าว 71 เขตลาดพร้าว 30.สวนสิรินธราพฤกษาพรรณ เขตบางกอกน้อย 31.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขตบางกอกน้อย 32.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขตสาทร 33.สวนบางแคภิรมย์ เขตบางแค และ 34.สวนเทียนทะเลพัฒนาพฤกษาภิรมย์ เขตบางขุนเทียน

กรุงเทพมหานครกำหนดเวลาเปิดให้ประชาชนลอยกระทงในสวนสาธารณะ ได้ตั้งแต่ เวลา 05.00-24.00 น. และขอความร่วมมือประชาชนใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติ หรือวัสดุที่ย่อยสลายง่าย เช่น หยวกกล้วย ใบตอง เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เมื่อปี 2565 กรุงเทพมหานครจัดเก็บกระทงในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้จำนวนทั้งสิ้น 572,602 ใบ เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่จัดเก็บได้ 403,203 ใบ เพิ่มขึ้นจำนวน 169,367 ใบ คิดเป็นร้อยละ 42 โดยประเภทที่จัดเก็บได้ทำจากวัสดุธรรมชาติ 548,086 ใบ หรือร้อยละ 95.7 และทำจากโฟม 24,516 ใบ หรือร้อยละ 4.3 อย่างไรก็ตาม กระทงจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน มีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 96.5 เป็น 95.7 ส่วนสัดส่วนของโฟมเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.5 เป็น 4.3

เช่นเดียวกับทุกปี กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการระบายน้ำ และสำนักงานเขต กำหนดแผนการจัดเก็บกระทง โดยจัดเจ้าหน้าที่จัดเก็บกระทงตามแม่น้ำเจ้าพระยา ลำคลอง และบึงน้ำภายในสวนสาธารณะต่าง ๆ ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ให้แล้วเสร็จในเวลา 06.00 น. ของวันรุ่งขึ้น

กรุงเทพมหานครขอความร่วมมือประชาชนลอยกระทงจากวัสดุธรรมชาติ 1 ครอบครัว 1 กระทง เพื่อเป็นการลดปริมาณขยะกระทง นอกจากนี้ เพื่อความปลอดภัย ห้ามจุด ปล่อย และจำหน่ายโคมลอย บั้งไฟ โคมไฟ โคมควัน ประทัด พลุ รวมถึงกระทง สินค้า อาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ภายในสวนสาธารณะอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

Advertisement

“นพ.ชลน่าน” เผยยอดฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ทั่วประเทศ สะสมกว่า 1.6 แสนโดส

People Unity News : 16 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงสาธารณสุข – “นพ.ชลน่าน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยทั่วประเทศฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ต้นเหตุมะเร็งปากมดลูก สะสมกว่า 1.6 แสนโดสแล้ว เพชรบุรี ติดอันดับจังหวัดที่มีอัตราฉีดวัคซีนตามเป้าหมายสูงสุด รองลงมา แม่ฮ่องสอน มุกดาหาร นครพนม ตราด ฉะเชิงเทรา นครปฐม สมุทรปราการ พังงา และอำนาจเจริญ ตามลำดับ ย้ำทุกหน่วยเร่งรณรงค์และจัดบริการฉีดให้ครอบคลุมทั้งในสถานศึกษา สถานประกอบการและสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพิ่มการเข้าถึงวัคซีนตามเป้าหมาย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยความคืบหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ให้กับหญิงไทยอายุ 11-20 ปี จำนวน 1 ล้านโดส ตามนโยบาย “มะเร็งครบวงจร” และการขับเคลื่อน Quick Win ภายใน 100 วัน เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ข้อมูลล่าสุดถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 มียอดการฉีดสะสมแล้ว 163,160 โดส โดย 10 จังหวัด ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนตามเป้าหมายสูงสุด ได้แก่ เพชรบุรี แม่ฮ่องสอน มุกดาหาร นครพนม ตราด ฉะเชิงเทรา นครปฐม สมุทรปราการ พังงา และอำนาจเจริญ ตามลำดับ สำหรับวัคซีน HPV ได้ทยอยส่งลงถึงพื้นที่ครบ 1 ล้านโดสแล้ว

“ขอให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ช่วยกันรณรงค์เชิญชวนหญิงไทยอายุตั้งแต่ 11 – 20 ปีในพื้นที่ เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV โดยในเดือนพฤศจิกายนได้เร่งจัดบริการฉีดในสถานศึกษา และในเดือนธันวาคม จะมีการจัดบริการฉีดครอบคลุมเพิ่มเติมในสถานประกอบการ และสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการที่สะดวก รวดเร็ว และเป็นไปตามเป้าหมาย”

Advertisement

“อนุทิน” เดินหน้า นโยบายน้ำประปาดื่มได้ มุ่งลดภาระค่าใช้จ่าย ปชช.

People Unity News : 15 พฤศจิกายน 2566 การประปาส่วนภูมิภาค – “อนุทิน” เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายน้ำประปาดื่มได้ มุ่งลดภาระค่าใช้จ่าย ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร พร้อมมอบหมายภารกิจและนโยบายการดำเนินงานให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค โดยให้พัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้านน้ำประปา ให้น้ำประปาในทุกพื้นที่มีความสะอาด มีมาตรฐานที่สามารถใช้สำหรับการอุปโภคและบริโภค (ดื่ม) ตามนโยบายน้ำประปาดื่มได้ ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักที่กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน  โดยให้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดหาแหล่งน้ำดิบ และให้เร่งทำการศึกษาวิธีการใช้น้ำจากเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) โดยให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการเดินท่อเพื่อนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคใต้ ทั้งทางฝั่งอันดามัน และฝั่งอ่าวไทย ให้มีแหล่งน้ำที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางสาธารณูปโภค ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่มีความมั่นใจและมีความสะดวกสบายในทุกมิติ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเพิ่มรายได้สู่ชุมชนได้จากหลายภาคส่วนด้วย

นอกจากนี้ กปภ. ได้ตอบรับนโยบายตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการขยายเวลาชำระค่าน้ำประปา เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่มีค่าน้ำประปาคงค้างไม่เกิน 150 บาท/เดือน ให้สามารถค้างชำระค่าน้ำประปาได้ 3 เดือน รวมเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 450 บาท จากเงื่อนไขเดิมที่สามารถค้างชำระค่าน้ำประปาได้เพียง 2 เดือน โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนพฤศจิกายนนี้ – มกราคม ปี 2567

Advertisement

นิด้าโพล เผยคนไทยส่วนใหญ่เป็น “สายมู”

People Unity News : 12 พฤศจิกายน 2566 “นิด้าโพล” เผยคนไทยส่วนใหญ่เป็น “สายมู” ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำพิธีกรรม เชื่อเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ ขอพรเรื่องสุขภาพเป็นอันดับต้นๆ รองลงมาคือ การเงิน-การงาน

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจประชาชน หัวข้อเรื่อง “เป็นสายมู หรือเปล่า!” โดยทำการสำรวจประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธ อายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 7-10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึง สิ่งที่ขอพรจากการกราบไหว้ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 51.30 ระบุว่า มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไร้โรคภัยไข้เจ็บ หรือให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ รองลงมา ร้อยละ 46.56 ระบุว่า ด้านการเงิน โชคลาภ ร้อยละ 32.06 ระบุว่า ด้านหน้าที่ การงาน

เมื่อถามถึง ความสมหวังจากการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ร้อยละ 40.45 ระบุว่า ไม่เคยสนใจว่าสมหวังหรือไม่ 38.50 เคยได้ตามสมหวัง 20.96 ไม่เคยสมหวังเเลย

เมื่อถามถึงความมั่นใจว่าจะสมหวังจากการขอพร ร้อยละ 44.81 ค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 29.11 มั่นใจมาก  ร้อยละ 20.76 ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 5.32 ไม่มั่นใจเลย

เมื่อถามถึงการกราบไหว้ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิอื่นๆ นอกเหนือจากพระรัตนตรัย ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.95 ระบุว่า มีการกราบไหว้บ้างตามโอกาส ร้อยละ 34.93 ไม่ได้กราบไหว้ ร้อยละ 9.23 มีการกราบไหว้เป็นประจำ

ส่วนความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ ร้อยละ 44.92 ค่อนข้างเชื่อ เรื่องการทำพิธีกรรม บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพร ร้อยละ 44.66 ค่อนข้างเชื่อเรื่องพิธีกรรมบนบานศาลกล่าวและแก้บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ร้อยละ 43.31 ค่อนข้างเชื่อ เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องของขลัง ร้อยละ 41.18 ค่อนข้างเชื่อ เรื่องผี สิ่งลี้ลับ ร้อยละ 37.88 ค่อนข้างเชื่อเรื่องการทำพิธีกรรม สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา แก้ปีชง ร้อยละ 35.25 ค่อนข้างเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ การดูดวง ร้อยละ 32.88 มีทั้งเชื่อและไม่ชื่อ การทำพิธีเสริมดวง ร้อยละ 32.71 ไม่ค่อยเชื่อ เรื่องไสยศาสตร์ ร้อยละ 33.56 ไม่ค่อยเชื่อความศักดิ์สิทธิ์การสักยันต์

ขณะที่หัวข้อ การเป็น ”คนสายมู” ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 43.59 ระบุว่า ไม่เป็น ”คนสายมู” แน่นอน ร้อยละ 27.79 ไม่ค่อยเป็น ”คนสายมู” ร้อยละ 21.53 ค่อนข้างเป็น และร้อยละ 6.64 เป็นแน่นอน

Advertisement

พบ คนพิการยังเผชิญความยากลำบากในการใช้ชีวิต

People Unity News : 10 พฤศจิกายน 2566 กสม. – กสม. ส่งสาร วันคนพิการแห่งชาติ พบ คนพิการยังเผชิญความยากลำบากในการใช้ชีวิต  ระบบขนส่งไม่เอื้ออำนวย การจ้างงานน้อย เบี้ยคนพิการไม่เพียงพอ

เนื่องในโอกาสที่ทุกวันเสาร์ที่สองของเดือนพฤศจิกายน  เป็นวัน “คนพิการแห่งชาติ”  ซึ่งในปี 2566 นี้ ตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน  กรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ขอรณรงค์ให้ทุกภาคส่วน ร่วมกันตระหนักถึงการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของคนพิการ โดยสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐและสถานประกอบการ ซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป จ้างงานคนพิการ  ตามที่กฎหมายกำหนด และปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางกายภาพ การขนส่งสาธารณะ และระบบอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงบริการธุรกรรมทางการเงินสำหรับคนพิการให้มีความก้าวหน้าขึ้น   ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ อาทิ พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนและมีรายละเอียดที่ครอบคลุมความหลากหลายของคนพิการทุกกลุ่มทั้งสตรีและเด็กพิการ ทั้งนี้ เพื่อให้คนพิการทุกประเภทดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างสมบูรณ์    และมีประสิทธิภาพในทุกด้านของการดำเนินชีวิต  มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อันถือเป็นการเคารพในศักดิ์ศรีที่มีมาแต่กำเนิดและเป็นการไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งความพิการ

ทั้งนี้รัฐธรรมนูญ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ และพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ  บัญญัติรับรองความเท่าเทียมและการไม่เลือกปฏิบัติ   ด้วยเหตุแห่งความพิการ  การเคารพศักดิ์ศรีที่มีมาแต่กำเนิด รวมทั้งการมีส่วนร่วมของคนพิการอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพในสังคม โดยคนพิการจะต้องได้รับการปฏิบัติจากบุคคล องค์กรเอกชน และหน่วยงานของรัฐอย่างเป็นธรรม การออกกฎหมาย ระเบียบ นโยบาย มาตรการ หรือคำสั่งใดๆ ในทางที่จะเป็นการเลือกปฏิบัติทางตรงหรือทางอ้อมต่อคนพิการจะกระทำไม่ได้

ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติต่อคนพิการ   และได้ติดตามสถานการณ์ด้านสิทธิของคนพิการในช่วงปีที่ผ่านมา  พบว่า คนพิการยังต้องเผชิญความยากลำบากในการใช้ชีวิตหลายประการ เช่น มีอุปสรรคในการเดินทาง เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางกายภาพและการขนส่งสาธารณะไม่เอื้ออำนวย คนพิการทางการเห็น ประสบปัญหาการเข้าถึงและใช้งานแอปพลิเคชั่นธนาคาร (mobile banking)

หน่วยงานของรัฐยังจ้างงานคนพิการในสัดส่วนที่น้อยมาก เนื่องจากปัญหากรอบอัตรากำลังไม่เพียงพอ และอาคารของส่วนราชการ โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาคไม่สามารถปรับปรุงให้เอื้ออำนวยต่อการจัดสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อการปฏิบัติงานของผู้พิการได้ เช่น ทางลาด ห้องน้ำ และลิฟต์  นอกจากนี้ เบี้ยคนพิการจำนวน 800 บาท ต่อเดือน ยังไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตและการดูแลสุขอนามัยของคนพิการด้วย

Advertisement

เตือนอย่าหลงเชื่อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพิ่มเซลล์ภูมิคุ้มกันผู้ที่ติดเชื้อ HIV

People Unity News : 9 พฤศจิกายน 2566 กรมควบคุมโรค เตือนอย่าหลงเชื่อผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เพิ่มเซลล์ภูมิคุ้มกันซีดี 4 ในผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี เน้นย้ำเอชไอวีรักษาเร็วด้วยยาต้านไวรัส รักษาฟรี ทุกสิทธิการรักษา

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า แนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีในปัจจุบัน คือ การรักษาด้วยยาต้านไวรัสเท่านั้น เนื่องจากเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด ยาต้านไวรัสจะไปทำการยับยั้งการแบ่งตัวและยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อเอชไอวี ถ้าหยุดกินยาเมื่อไหร่ จะทำให้เชื้อเอชไอวีแบ่งตัวเพิ่มจำนวน ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงและมีโอกาสป่วยได้ จึงแจ้งเตือนว่าอย่าหลงเชื่อตามที่มีโฆษณา อ้างผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เพิ่มเซลล์ภูมิคุ้มกันซีดี 4 ในผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี และรักษาการติดเชื้อเอชไอวีได้ เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยัน อีกทั้ง การรักษาการติดเชื้อเอชไอวีต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ซึ่งประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ การรักษาด้วยยาต้านไวรัส และการดูแลรักษาด้านอื่น ๆ ที่จำเป็นเฉพาะสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีแต่ละราย ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จำเป็นต้องทำควบคู่กัน เพื่อให้เกิดผลดีที่สุดต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี

นพ.ธงชัย กล่าวต่ออีกว่า การกินยาต้านไวรัสตรงเวลาทุกวัน ต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ จะลดปริมาณไวรัสในเลือดและเพิ่มเซลล์ภูมิคุ้มกันซีดี 4 ซึ่งระดับเซลล์ภูมิคุ้มกันซีดี 4 ที่เกิน 200 เซลล์/ลบ.มม. เพียงพอในการป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคฉวยโอกาสได้ นอกจากนี้ คนไทยทุกคนสามารถตรวจเอชไอวี ฟรีปีละ 2 ครั้ง ที่โรงพยาบาลภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั่วประเทศ รักษาฟรี ครอบคลุมทุกสิทธิการรักษา ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้มีความเสี่ยงจะได้รับการตรวจ เพื่อทราบสถานะการติดเชื้อของตนเอง และเข้าสู่กระบวนการรักษาที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์อย่างรวดเร็ว นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี และใช้ชีวิตได้อย่างปกติต่อไป

Advertisement

กรมอนามัย เตือนวัยรุ่น Safe Sex หลังพบวัยรุ่นติดเชื้อ HIV สูงขึ้น

People Unity News :  7 พฤศจิกายน 2566 กรมอนามัย เตือนวัยรุ่นให้มีสติ รู้จักป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เมื่อมีเพศสัมพันธ์ หลังพบวัยรุ่นมีแนวโน้มติดเชื้อเอชไอวีมากขึ้น แนะวิธีปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยงสำหรับวัยรุ่น พร้อมทั้งให้ครอบครัวสามารถเป็นที่ปรึกษาได้

แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มเยาวชน จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค โดยในปี 2565 คาดประมาณผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 9,230 คน ซึ่งเกือบครึ่งเป็นกลุ่มอายุ 15-24 ปี สร้างความกังวลให้ประชาชนและสังคม และอาจส่งผลในอนาคต กรมอนามัยได้ดำเนินการสร้างความรอบรู้ด้านเพศสำหรับเยาวชน “รักเป็น ปลอดภัย” ด้วย 4 แนวทาง ดังนี้ 1.Safe Virgin มีเพศสัมพันธ์เมื่อพร้อม 2.Safe Sex หากจะมีเพศสัมพันธ์ ตนเองต้องปลอดภัย ใส่ถุงยางอนามัยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 3.Safe Abortion หากพลาดตั้งครรภ์ไม่พร้อม ปรึกษาหน่วยบริการฯ เพื่อรับคำปรึกษา และ 4.Safe Mom ฝากครรภ์คุณภาพ เพื่อลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย

ทางด้าน นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า วัยรุ่นไทยควรรู้จักรักให้เป็น รักให้ปลอดภัย รู้วิธีการดูแลเพื่อป้องกันตนเองและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ด้วยการให้เกียรติและเคารพทุกเพศ ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกันสองต่อสองในที่ลับตาคน และมีสติอยู่เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอารมณ์ทางเพศ ซึ่งจะนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ตั้งใจ หรือหากจะมีเพศสัมพันธ์ต้องรู้จักวิธีป้องกันการตั้งครรภ์และการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยง ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และจะป้องกันได้ดีที่สุด ถ้าใช้ถุงยางอนามัยร่วมกับวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ยาฝังคุมกำเนิดหรือห่วงคุมกำเนิด กรมอนามัยแนะนำการปฏิเสธโดยใช้ประโยค “ไม่…ถ้าฉันท้องแล้วเธอจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไง?” เพราะการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ปฏิเสธได้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น ท้องไม่พร้อม หรือ ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จะเกิดผลเสียระยะยาวในอนาคตทั้ง 2 ฝ่าย สำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครองควรเป็นที่พึ่งให้กับลูกหลาน เปิดโอกาสให้ลูกรู้ว่าเขาสามารถพูดคุยกับพ่อแม่ได้ทุกเรื่อง ไม่ต้องกังวล หากไม่สามารถตอบคำถามลูกได้ทุกคำถาม ให้ความสำคัญกับวิธีการโต้ตอบ ให้ลูกรู้ว่าเขาสามารถพูดคุยกับพ่อแม่ได้ทุกเรื่อง และมีทางออกที่เหมาะสม

ทั้งนี้ กรมอนามัยมีการส่งเสริมความรอบรู้ด้านอนามัยวัยรุ่นและวัยเจริญพันธุ์ ผ่าน Line OA teen club เช่น ด้านเพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิต การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การคุมกำเนิดในวัยรุ่น สามารถเข้ารับคำปรึกษา เรียนรู้สร้างความรอบรู้ด้านเพศศึกษา และทักษะชีวิต โดย Add Line ได้ที่ @Teenclub

Advertisement

Verified by ExactMetrics