วันที่ 25 พฤศจิกายน 2024

นายกฯ ร่วมรำลึก “หมอกระต่าย” ในวันความปลอดภัยผู้ใช้ถนน

People Unity News : 21 มกราคม 66 นายกรัฐมนตรีร่วมรำลึกถึง “หมอกระต่าย” เนื่องใน “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” 21 มกราคม กระตุ้นเตือนให้มีจิตสำนึกรักความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ถนน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชิญชวนคนไทยร่วมรำลึกถึง พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย เนื่องใน “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” 21 มกราคม ของทุกปี ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเตือน สร้างความตระหนักให้มีจิตสำนึกรักความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ถนน ทุกเพศ ทุกวัย และผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภท ตลอดจนส่งเสริมและสร้างการรับรู้ให้เกิดเป็นวัฒนธรรมความปลอดภัย มีระเบียบวินัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อป้องกันมิให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนขึ้นอีก

นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลเน้นย้ำให้มีการป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการ 4 ห้าม 2 ต้อง ได้แก่ ห้ามขับเร็ว ห้ามดื่ม-เมาขับ ห้ามง่วงขับ ห้ามโทรขับ และต้องคาดเข็มขัด ต้องสวมหมวกนิรภัยเมื่อขี่จักรยานยนต์ รวมถึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและเพิ่มการลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ นำไปสู่เป้าหมายแห่งการสร้างถนนปลอดภัย มุ่งเน้นให้ทุกคนในประเทศมีจิตสำนึก ปฎิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน

“นายกรัฐมนตรี กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเจ้าหน้าที่กวดขันบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างจริงจังและเข้มงวด เน้นย้ำขอให้ทุกคนมีจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนน ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

นายกฯมอบคำขวัญวันครู ประจำปี 2566 “ครูดี ศิษย์ดี มีอนาคต”

People Unity News : 10 มกราคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล-นายกฯ รับมอบดอกกล้วยไม้สัญลักษณ์วันครู ชื่นชมบทบาทครูไทย พลังสำคัญพัฒนา สร้างเด็กให้เป็นอนาคตชาติ หวังเด็กไทยเป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพ พร้อมขอให้เด็กเป็นคนดี ตั้งใจเรียนหนังสือ ตอบแทนพระคุณพ่อแม่

ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการและนักเรียน เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานวันครู ครั้งที่ 67 พ.ศ. 2566 โดยนายกรัฐมนตรีรับมอบดอกกล้วยไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์วันครูและชิปการ์ดในรูปแบบสมาร์ทการ์ดจากนักเรียนโรงเรียนอนุบาลสามเสน และนักเรียนโรงเรียนประถมสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร โดยข้อมูลที่บรรจุอยู่ในชิปการ์ด ประกอบด้วย 1. เพลงวันครู จำนวน 19 บทเพลง 2. สปอตวิทยุวันครู จำนวน 31 สปอต และ 3. ป้ายประชาสัมพันธ์งานวันครู ครั้งที่ 67 พ.ศ 2566

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมครูไทยทุกคน ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาท และมีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก เป็นผู้กระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจ เติมเต็มความรู้และพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน ส่งเสริมและสร้างประสบการณ์ต่าง ๆ ทั้งในด้านการศึกษาและการดำเนินชีวิต เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต

“ขอให้เด็ก ๆ เป็นคนดี เดินหน้าไปสู่ความฝันด้วยความมุมานะและความเพียร ตั้งใจเรียนหนังสือ ตอบแทนพระคุณพ่อแม่และร่วมกันพัฒนาบ้านเมือง ขอชื่นชมและขอบคุณครูทุกคนที่เสียสละและมีความตั้งใจแน่วแน่ในการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กไทยมาโดยตลอด และนายกฯ เป็นกำลังใจให้ครูไทยทุกคนในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อร่วมกันสร้างและพัฒนาอนาคตของประเทศชาติให้เติบโต เป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพ และมีศักยภาพสืบไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับงานวันครูประจำปี 2566 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “พลังครู คือ หัวใจของการพลิกโฉมคุณภาพการศึกษา” Teacher’s Power is the Heart of Transforming the Educational Quality มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบพิธีระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ และส่งเสริมยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ประกอบคุณงามความดี หรือทำคุณประโยชน์ต่อวงการศึกษาให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน และเป็นแบบอย่างให้เยาวชนรุ่นหลังได้ยึดถือ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบคำขวัญวันครู ประจำปี 2566 ว่า ครูดี ศิษย์ดี มีอนาคต

ทั้งนี้ ในส่วนกลางกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 16-17 มกราคม 2566 ณ หอประชุมคุรุสภาและสนามหญ้าหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ส่วนภูมิภาคพิจารณาการจัดกิจกรรมตามความเหมาะสมกับบริบทและสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ และการจัดงานในรูปแบบ Online ผ่านทาง Platform วันครู (www.วันครู.com)

Advertisement

ไทยติดอันดับ 9 ประเทศน่าอาศัยอยู่หลังเกษียณ

People Unity News : 7 มกราคม 66 นายกฯ ยินดีนิตยสาร Forbes จัดประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 9 ของประเทศที่น่าอาศัยอยู่หลังเกษียณในปี 2566 และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ได้ทราบผลการสำรวจของเว็บไซต์นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) ซึ่งเปิดเผย Annual Global Retirement Index 2023 ซึ่งจัดอันดับประเทศที่ค่าครองชีพถูกและเหมาะสำหรับอาศัยอยู่หลังเกษียณ ในปี 2566 โดยได้จัดอันดับให้ประเทศไทย อยู่ในอันดับ 9 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย (https://www1.internationalliving.com/sem/retirement/retirement-index/report/ppc.html?utm_source=blueshift)

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การจัดอันดับนี้ ทาง Annual Global Retirement Index ได้ประเมินจากหลายๆ ปัจจัยร่วมกัน ทั้งค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต คุณภาพชีวิตที่ดี เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข รวมถึงสภาพอากาศ วีซ่า ค่าอาหาร ที่พัก และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้น ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดเป็นอันดันต้น ๆ ของโลก เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ มีวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมที่เป็นเอกลักษณ์ และยังเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคม ทำให้สามารถรักษาเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้ได้อย่างดี จึงทำให้ประเทศไทยได้กลายเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญในการพำนักของชาวต่างชาติจากหลากหลายประเทศหลังเกษียณ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส และ สวิตเซอร์แลนด์

“นายกรัฐมนตรียินดีที่ประเทศไทยยังคงเป็นจุดมุ่งหมายของชาวต่างชาติทั้งจากการมาท่องเที่ยว และการมาอาศัยอยู่หลังเกษียณ โดยไทยมีธรรมชาติที่สวยงาม และมีมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ซึ่งเป็นที่น่าสนใจในหมู่ชาวต่างชาติ โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินนโยบายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว และแรงจูงใจสำหรับชาวต่างชาติให้เดินทางมาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังขอบคุณไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวของ และขอบคุณประชาชนทุกคนที่มีส่วนในการทำให้ประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของชาวต่างชาติ และได้รับความสนใจจากทั่วโลกเรื่อยมา” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

“อนุทิน” ประกาศปี 66 เป็นปีสุขภาพสูงวัยไทย

People Unity News : 30 ธันวาคม 2565 “อนุทิน” ประกาศปี 66 เป็นปีสุขภาพสูงวัย คิกออฟนโยบายผ่านของขวัญปีใหม่เชิญชวนผู้สูงอายุติดต่อรับ ผ่าน อสม. หรือหน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน คัดกรองสุขภาพ เข้ารับบริการคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาล มอบแว่นสายตา 1 ล้านชิ้น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ 5 ล้านชิ้น ฟันเทียมและรากฟันเทียม 36,000 ราย

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องจากในปี 2566 ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ด้วยจำนวนประชากรผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) จำนวน 12 ล้านคน รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขจึงดำเนินนโยบายเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้ประกาศให้ปี 2566 เป็นปีแห่ง “สุขภาพสูงวัยไทย” และเริ่มขับเคลื่อนโยบายจากการมอบของขวัญปีใหม่ตลอดปีหลายรายการ

รัฐบาลจึงขอเชิญชวนผู้สูงอายุทั่วประเทศเข้ารับของขวัญ โดยติดต่อผ่านอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หรือหน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน อาทิ การคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ การจัดบริการคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาลทุกระดับ มอบวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ได้แก่ แว่นสายตาจำนวน 1 ล้านชิ้น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ จำนวน 5 ล้านชิ้น ฟันเทียมและรากฟันเทียม จำนวน 36,000 ราย

ทั้งนี้ การดำเนินการเพื่อส่งมอบของขวัญปีใหม่แก่ผู้สูงอายุนี้ จะเป็นการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ผ่านการมอบหมายให้ อสม. และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ดำเนินการคัดกรองผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งโดยเจ้าหน้าที่และแอปพลิเคชั่น Blue Book Application จากนั้นจะส่งต่อผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเข้ารับบริการในคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่จะประเมินความจำเป็นในการใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จากนั้นจะจัดหาอุปกรณ์ซึ่งสนับสนุนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่สนับสนุนแว่นสายตา ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ แผ่นรองซับ แผ่นเสริมซึมซับการขับถ่าย ฟันเทียมและรากฟันเทียม ด้วยงบประมาณกองทุนต่างๆ มอบแก่ผู้สูงอายุต่อไป

Advertisement

นายกฯ สั่ง สตช.เร่งจับเครือข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทา

People Unity News : 27 ธันวาคม 2565 โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายกฯ สั่ง สตช.เร่งจับเครือข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทา พร้อมรายงานความคืบหน้าทุก 15 วัน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการในกรณีการตรวจและจับกุมเครือข่ายกลุ่มทุนต่างชาติที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายที่เรียกว่า คดีเครือข่ายธุรกิจกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งตรวจสอบและดำเนินคดีกับกลุ่มทุนจีนตู้ห่าวและคณะ ซึ่งมีพฤติกรรมความผิดอาชญากรรมข้ามชาติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งนี้ ได้ให้หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายรายงานผลความคืบหน้าและอุปสรรคให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก 15 วันด้วย

Advertisement

เชิญชวนบริจาคโลหิตสภาชาดไทย ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

People Unity News : 25 ธันวาคม 2565 รัฐบาลเชิญชวนประชาชนบริจาคโลหิตสภาชาดไทย ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พร้อมรับของที่ระลึก

วันที่ 25 ธันวาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในวาระขึ้นปีใหม่ รัฐบาลเชิญชวนประชาชนผู้มีสุขภาพดีส่งต่อโลหิตเป็นของขวัญให้กับผู้ป่วย ผ่านสภากาชาดไทย ซึ่งหากบริจาคระหว่างวันที่ 26 – 31 ธันวาคม 2565 ผู้บริจาคจะได้รับของขวัญที่ระลึก ปีใหม่ 2566 เป็นปฏิทินหนูแดง ปี 2566 ชุด คำถามยอดฮิตบริจาคโลหิต และเสื้อยืดลาย “Make a Wish New Year New Life”

ผู้สนใจสามารถ บริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตห่งชาติ สภากาชาดไทย ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่ง หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ (Fixed Station) 7 แห่ง สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม (บางแค) เดอะมอลล์ (บางแค) ชั้น P เดอะมอลล์ (บางกะปิ) ชั้น 3 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ (งามวงศ์วาน) ชั้น 5 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ สาขาท่าพระ ชั้น 1 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม สุขุมวิท ชั้น M บ้านทรงไทย (ย่านวงศ์สว่าง)

ทั้งนี้ สามารถเช็กสถานที่บริจาคโลหิตที่ร่วมโครงการได้ที่ https://shorturl.asia/heHyn

Advertisement

บอร์ดมรดกภูมิปัญญาฯ มีมติเห็นชอบเสนอ “ผ้าขาวม้า” ขึ้นทะเบียนยูเนสโก

People Unity News : 20 ธันวาคม 2565 บอร์ดมรดกภูมิปัญญาฯ (ICH) มีมติเห็นชอบเสนอ “ผ้าขาวม้า” และรายการมรดกร่วม 4 ประเทศ “เคบายา” ขึ้นทะเบียนยูเนสโก

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) ประธานกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาฯ ครั้งที่ 1/2565 ว่า ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการเสนอ “สงกรานต์ในประเทศไทย” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (The Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity) ต่อองค์การยูเนสโก ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ลงมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 และกรมส่งเสริมวัฒนธรรมดำเนินการเสนอเอกสารต่อองค์การยูเนสโกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้รับการพิจารณาในปลายปี พ.ศ.2566 และจะมี “ต้มยำกุ้ง” ที่ ครม.ลงมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของยูเนสโกในปี 2568 ต่อไป

นายอิทธิพล เปิดเผยต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ICH ครั้งนี้ ยังพิจารณาเห็นชอบให้ “ผ้าขาวม้า” เป็นรายการมรดกภูมิปัญญาฯ ที่เตรียมเสนอขึ้นบัญชีกับยูเนสโกลำดับถัดไป ด้วยเห็นว่าผ้าขาวม้าขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติไปแล้วเมื่อ พ.ศ.2556 ในสาขางานช่างฝีมือดั้งเดิม ประเภทผ้าและผลิตภัณฑ์จากผ้า ผ้าขาวม้าเป็นผ้าทอพื้นเมือง มีลวดลายโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น พบได้ทุกภาคของประเทศ มีความผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยในหลายมิติ สารพัดประโยชน์ในการใช้สอย เช่น เครื่องนุ่งห่ม ใช้ทำความสะอาดเช็ดถู หรือมอบเป็นของขวัญให้แก่ผู้ใหญ่ และใช้ในงานพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งปัจจุบัน ผ้าขาวม้า ถูกนำมาต่อยอดพัฒนาคุณภาพ แปรรูปให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย จึงเห็นชอบให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจัดทำข้อมูลตามหลักเกณฑ์ เพื่อเสนอรายการ “ผ้าขาวม้า” ต่อองค์การยูเนสโกต่อไป

และที่ประชุมคณะกรรมการ ICH ยังเห็นชอบให้เสนอรายการมรดกร่วม “เคบายา” ต่อองค์การยูเนสโก จากการที่รัฐบาลของประเทศมาเลเซียมีหนังสือขอเชิญประเทศไทยขึ้นทะเบียนร่วม (multi-national nomination) รายการ “เคบายา” (Kebaya) โดยมีประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ บรูไน ดารุสซาลาม และสิงคโปร์ พิจารณาเข้าร่วมในการเสนอรายการเคบายา เพื่อขอขึ้นทะเบียนมรดกร่วมต่อยูเนสโกด้วย ซึ่งมีกำหนดยื่นภายในวันที่ 31 มีนาคม 2566

ความเกี่ยวข้องกับประเทศไทย “เคบายา” คือ เสื้อพื้นเมืองชนิดหนึ่งของผู้หญิงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน ดารุสซาลาม สิงคโปร์ และทางภาคใต้ของไทย ผลิตโดยผ้าที่มีน้ำหนักเบา เช่น ผ้าฝ้าย ฝ้าโปร่ง ผ้าลูกไม้ ประดับด้วยดิ้น ด้านหน้าติดกระดุมหรือเข็มกลัด มีการออกแบบ การเย็บปักถักร้อยที่ประณีตงดงาม สอดคล้องกับการแต่งกายบาบ๋า-เพอรานากัน ภาคใต้ของไทย ที่ได้รับการขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เมื่อปี 2555 ถือเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมของคนหลายชนชาติ เคบายา (Kebaya) เป็นเสื้อสตรีที่เป็นส่วนหนึ่งของการแต่งกายบาบ๋า-เพอรานากัน ซึ่งสมาคมเพอนารากันประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต พร้อมให้ความร่วมมือจัดทำข้อมูลเอกสาร เพื่อนำเสนอยูเนสโกต่อไป

Advertisement

กทม.เตรียมเพิ่มจุดผ่อนผันหาบเร่แผงลอย รองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น

People Unity News : 20 ธันวาคม 2565 กรุงเทพมหานครเดินหน้าจัดระเบียบจุดผ่อนผันต่อเนื่อง รถพ่วงข้างขึ้นทางเท้าจับปรับเหมือนรถจักรยานยนต์

วานนี้ (19 ธันวาคม 2565) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 27/2565 ว่า ขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในประเทศ ก็จะเห็นหาบเร่แผงลอยเพิ่มมากขึ้นในจุดต่างๆ ช่วงแรกจะดูเรื่องจุดผ่อนผันก่อน ซึ่งในช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ดูทั้งหมด 16 จุด ส่วนเดือน ก.พ. 66 จะเพิ่มอีก 29 จุด และเดือน พ.ค. 66 จะทำอีก 50 จุด โดยเป็นจุดที่มีอยู่แล้วแต่ปรับให้มีระเบียบเข้มข้นขึ้น ซึ่งมีเคสตัวอย่างเป็นต้นแบบ 8 จุด เช่น ถนนข้าวสาร แถวบางนา เป็นต้น

นอกจากนี้จะเห็นรถพ่วงข้างเพิ่มมากขึ้นด้วย ได้กำชับห้ามรถพ่วงข้างขึ้นมาขายของบนทางเท้าเด็ดขาด ถ้ามีให้ปรับสูงสุดตามระเบียบเหมือนนำรถจักรยานยนต์ขึ้นบนทางเท้า รวมถึงใช้กล้อง CCTV เข้ามาช่วยในการจับปรับผู้กระทำผิดภายใน 20 นาที แต่จริงๆ ในเรื่องนี้มี 2 มิติ ด้านหนึ่งเป็นความยากลำบากของคน แต่อีกด้านเป็นความระเบียบเรียบร้อยของเมือง ก็จะหาจุดที่สมดุลให้ได้ แต่ไม่มีนโยบายที่ผ่อนปรนเรื่องนี้ จุดผ่อนผันที่มีอยู่ขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนว่าจะมีจุดไหนเพิ่มขึ้นไหม อาจหาจุดที่เหมาะสมรองรับผู้ละเมิดที่มีจำนวนมาก

Advertisement

“พล.อ.ประวิตร” สั่ง ตร.เร่งสาวคดีโกงออนไลน์ให้ถึงต้นตอ

People Unity News : 9 ธันวาคม 2565 มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ – “พล.อ.ประวิตร” ประชุมแก้ปัญหา ฉ้อโกงออนไลน์ สั่ง ตร.เร่งรัดคดีให้ถึงต้นตอ ลดความเดือดร้อนประชาชนเร็วที่สุด

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชน ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์  ณ  ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยที่ประชุมได้หารือติดตามผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหา การฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์  รับทราบแนวทางยุทธศาสตร์เพื่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ จากรายงานของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่เสนอต่อนายกรัฐมนตรีประกอบด้วย 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.กลยุทธ์ด้านการป้องกัน 2.กลยุทธ์ด้านการยับยั้ง และ3.กลยุทธ์ด้านการปราบปราม

ที่ประชุมรับทราบสถิติการรับแจ้งความ และการดำเนินคดีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ประกอบด้วย การหลอกลวงแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ รับแจ้งความ 9,201 คดีดำเนินการปิดกั้น SMS 40,489 ข้อความ เบอร์โทร 53,559 เบอร์ บัญชีม้า อายัดบัญชี 47,245 บัญชี และปิดกลุ่ม Facebook ซื้อขายบัญชีม้า 8 กลุ่ม การหลอกลวงลงทุน-ระดมทุนออนไลน์และหลอกลวงทางการเงิน รับแจ้งความ 58,228 คดี ดำเนินคดีแล้ว 562 คดี ได้ผู้ต้องหา 578 คน การพนันออนไลน์ ดำเนินคดี 287 คดี ได้ผู้ต้องหา 430 คน และการหลอกลวงซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์ รับแจ้งความ 50,202 คดี ดำเนินคดีแล้ว 246 คดี ได้ผู้ต้องหา 253 คน

ทั้งนี้ ยังมีคดีพิเศษและคดีที่ประชาชนให้ความสนใจของ ตร. 7 คดี และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อีก 15 คดี และรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงาน จาก 9 หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง โดยมี พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชารยะ เป็นประธานฯ ซึ่งภาพรวม มีการบูรณาการทำงานอย่างได้ผล และสามารถลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนได้มาก

พล.อ.ประวิตร แสดงความพอใจผลความก้าวหน้า และกำชับให้กระทรวงดีอีเอสปฏิบัติงานเชิงรุกต่อเนื่อง ติดตามสื่อออนไลน์ที่มีเกณฑ์เสี่ยง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมสั่งการให้ ตร.เร่งรัดคดีต่าง ๆ เพื่อฟ้องดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงต้นตอโดยเร็ว เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนทุกระดับ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่น ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเร็วที่สุด

Advertisement

เตือนภัย! ผูกบัญชีธนาคาร ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปฯต่างๆ

People Unity News : 4 ธันวาคม 2565 ตำรวจไซเบอร์ ฝากเตือนภัยกรณีการผูกบัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปพลิเคชันต่างๆ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เตือนภัยกรณีการผูกบัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึงระมัดระวังการกรอกข้อมูลทางการเงินผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม

จากกรณีสื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับมีผู้เสียหายผูกบัญชีธนาคารไว้กับแอปพลิเคชันขายของออนไลน์ ต่อมาทราบว่าเงินในบัญชีถูกนำไปชำระค่าสินค้าหลายรายการ ความเสียหายกว่า 50,000 บาท โดยไม่ทราบสาเหตุนั้น

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องและจริงจัง พร้อมสร้างการรับรู้แนวทางป้องกันให้ประชาชน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ “โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า หากประชาชน หรือองค์กรต่างๆ ได้รับความเสียหายสามารถเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในทุกพื้นที่เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนพิสูจน์ทราบถึงตัวผู้กระทำความผิดและนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

พร้อมกันนี้ขอประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางป้องกันอาชญากรรมของมิจฉาชีพ ดังต่อไปนี้

1.หลีกเลี่ยงการให้หักเงินในบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ใช้วิธีเก็บเงินปลายทาง หรือชำระสินค้าผ่าน QR code แทน

2.บัญชีธนาคารที่ผูก หรือเชื่อมไว้กับแอปพลิเคชันซื้อสินค้าออนไลน์ ควรมีจำนวนเงินในบัญชีไม่มาก

3.หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก นอกเหนือจาก AppStore หรือ Playstore

4.ตั้งค่าการแจ้งเตือนการทำรายการบัญชีธนาคารผ่านข้อความสั้น (SMS) หรือแอปพลิเคชันไลน์ (Line)

5.หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือออนไลน์ ที่ต้องกรอกข้อมูลเลขด้านหน้าบัตร และรหัส 3 ตัวหลังบัตร (CVV)

6.ระวังการกรอกข้อมูลหมายเลขบัตรผ่านเว็บไซต์ปลอม โดยหากต้องการเข้าไปที่เว็บไซต์ใด ให้พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ด้วยตัวเอง

7.ควรนำแผ่นสติ๊กเกอร์ทึบแสงปิดรหัส 3 ตัวด้านหลังบัตร (CVV) หรือจำรหัส 3 ตัวดังกล่าวเก็บเอาไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตรเพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน

8.หากพบสิ่งผิดปกติของบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต ให้ทำการแจ้งไปยังธนาคาร เพื่อทำการอายัดบัตร และปฏิเสธการชำระเงินค่าบริการทางออนไลน์

ทั้งนี้หากได้รับความเสียหายให้ทำการตรวจสอบรายการเดินบัญชี รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งความกับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอนกฎหมาย หรือพบเบาะแสการกระทำผิด  ข้อขัดข้องใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนหมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง และแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com

Advertisement

Verified by ExactMetrics