วันที่ 25 พฤศจิกายน 2024

รัฐบาลเตรียมเยียวยาผู้ประกอบการ-ลูกจ้างอาชีพกลางคืน นักร้อง นักดนตรี ผู้ประกอบการสถานบันเทิง

People Unity News : ประยุทธ์ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ – ลูกจ้างอาชีพกลางคืน พิจารณา 3 หลักเกณฑ์เยียวยา

4 ธ.ค.64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล เผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สั่งการให้หน่วยงานเร่งหามาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการและลูกจ้างอาชีพกลางคืนที่ได้รับผลกระทบจากการสถานการณ์โควิด-19 โดยให้กระทรวงแรงงานสรุปผลการเจรจากับตัวแทนสมาคมเครือข่ายนักร้อง นักดนตรี ผู้ประกอบการสถานบันเทิง ฯลฯ

หลักเกณฑ์การเยียวยาเบื้องต้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1.กลุ่มนายจ้าง – สถานประกอบการ รัฐบาลจะเยียวยาตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาท/ราย/เดือน

2.กลุ่มลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคม ม.33

3.กลุ่มลูกจ้างที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม อาจต้องขึ้นทะเบียน ม.40 ซึ่งมีราว 1.5 แสนราย ส่วนผู้ที่เกินอายุเกิน 65 ปี ให้กระทรวงวัฒนธรรมสำรวจจำนวนเพื่อช่วยเหลือเพิ่มเติม

หลังจากนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองงบประมาณ กระทรวงการคลัง และสภาพัฒน์ฯ จะเร่งพิจารณา และนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ต่อไป

Advertising

ประยุทธ์ ย้ำคนไทยต้อง “มีบ้าน – มีอาชีพ – มีรายได้ – มีสุข”

People Unity News : ประยุทธ์ ย้ำคนไทยต้อง “มีบ้าน – มีอาชีพ – มีรายได้ – มีสุข” พร้อมส่งเสริมสนับสนุน “โครงการบ้านเคหะสุขประชา” ให้เป็นพื้นที่ “เศรษฐกิจสุขประชา”

วันนี้ 3 ธ.ค.64 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีส่งมอบสิทธิโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย “บ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า” ให้กับผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางจำนวน 270 ครัวเรือน บริเวณแขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพ

โครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพราคาประหยัด สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้คนในชุมชน รวมทั้งการเข้าถึงบริการของภาครัฐและสาธารณูปโภคพื้นฐาน

ระยะต่อไป จะดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนให้เป็นพื้นที่ “เศรษฐกิจสุขประชา” เพื่อสร้างเศรษฐกิจชุมชนคู่ขนาน โดยผู้อยู่อาศัยสามารถประกอบอาชีพอิสระเพิ่มขึ้นในชุมชน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

Advertising

กรมการขนส่งทางบกชวนนำรถยนต์–จักรยานยนต์ ตรวจความพร้อมก่อนเดินทางปีใหม่ ฟรี!

People Unity News : ชวนประชาชนนำรถยนต์ – รถจักรยานยนต์ ตรวจสอบความพร้อมก่อนเดินทางปีใหม่ ฟรี! กับกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย”

2 ธ.ค.64 กรมการขนส่งทางบกเชิญชวนประชาชนเตรียมความพร้อมของรถก่อนเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ภายใต้กิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ตั้งแต่ 1 – 31 ธ.ค. 64 โดยสามารถนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อเข้ารับบริการได้ฟรี ณ ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศกว่า 2,000 แห่ง ที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย”

เพื่อตรวจเช็กสภาพรถและอุปกรณ์ส่วนควบเบื้องต้น 20 รายการ เช่น ระบบเบรก สภาพยาง อุปกรณ์ปัดน้ำฝน ระดับน้ำมันเครื่อง – น้ำมันเบรก – น้ำมันคลัตช์ ความตึงของสายพาน แบตเตอรี่ การทำงานของไฟส่องสว่าง ไฟสัญญาณต่าง ๆ เป็นต้น

นอกจากการเตรียมรถให้พร้อมแล้ว ร่างกายของผู้ขับขี่ก้ต้องพร้อมด้วย ดังนั้นเมื่อต้องขับรถระยะทางไกล ควรพักผ่อนให้เพียงพอ หากมีอาการเหนื่อยล้าควรหยุดพักในจุดที่ปลอดภัย ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และไม่ละเลยการป้องกันตัวเองตามมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อลดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19

Advertising

รัฐบาลเชิญชวนฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม กระตุ้นธุรกิจเดินหน้า ใช้ชีวิตปกติได้มากที่สุด

People Unity News : รัฐบาลเชิญชวนฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็ม หวังกระตุ้นธุรกิจเดินหน้า ใช้ชีวิตตามปกติได้มากที่สุด

20 พ.ย.64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล เผย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เชิญชวนคนไทยที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรัง และอย่างน้อยต้องแสดงผลการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส เป็นผลดีในการออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ให้เกิดความปลอดภัยแก่ตนเองต่อส่วนรวม และความมั่นคงด้านสาธารณสุข

ขณะนี้ รัฐบาลและภาคีทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ได้เข้ามาร่วมช่วยเหลือเร่งรัดการฉีดวัคซีน เช่น จัดทีมฉีดวัคซีนเชิงรุกผู้สูงอายุผู้ป่วยติดเตียงและขยายให้กลุ่มแรงงานต่างด้าว, สื่อสารทำความเข้าใจข้อมูลด้านฉีดวัคซีนให้ประชาชนรับทราบ, จัดแคมเปญ์ มอบส่วนลดค่าบริการหรือแจกของที่ระลึก สำหรับผู้ใช้บริการที่แสดงผลการฉีดวัคซีน เป็นต้น เพื่อให้ไทยบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือนนี้ ทำให้กิจการต่างๆกลับมาดำเนินการต่อได้ และคนไทยใช้ชีวิตที่ผ่อนคลายและปลอดภัยให้ได้มากที่สุด

Advertising

รมว.วัฒนธรรม ไม่เห็นด้วยต่อการแก้กฎหมายให้มีการผลิตหนังโป๊อย่างเสรี

People Unity News : อิทธิพล ยืนยันไม่เห็นด้วยต่อการแก้กฎหมายให้มีการผลิตหนังโป๊อย่างเสรี ขอให้คำนึงถึงวัฒนธรรมอันดีงาม

17 พฤศจิกายน 2564 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากกรณีที่กลุ่มเจริญ Porn ได้เข้ายื่นหนังสือต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอยื่นเรื่องริเริ่มเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ (พ.ศ…) ให้มีการแก้ไขกฎหมายมาตรา 287 ว่า ด้วยเรื่องสื่อลามกอนาจารเพื่อให้สามารถผลิตคอนเทนต์หนังโป๊ได้อย่างเสรีนั้น

ส่วนตัวไม่เห็นด้วยและยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนของสังคมไทย แต่หากมีการรับเรื่องไว้ก็อาจต้องใช้ระยะเวลาพิจารณานาน เนื่องจากจะต้องผ่านความเห็นชอบจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง การที่กลุ่มออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมาย ก็ถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เพราะอาจเห็นตัวอย่างจากในต่างประเทศที่เปิดเสรีเรื่องดังกล่าว  แต่ในมุมวัฒนธรรม ยืนยันว่า อยากให้มีการสงวนการรักษาวัฒนธรรมอันดีเอาไว้มากกว่าสิทธิเสรีภาพ  เพราะปัจจุบันมีเพียงการจัดเรตติ้งที่ใช้เป็นตัวกำกับดูแล ดังนั้นสื่อที่ออกผ่านแพลทฟอร์มต่างๆ ก็ไม่สามารถควบคุมได้อยู่แล้ว หากระบุว่าดูได้เฉพาะกลุ่ม ยิ่งห้ามยาก เพราะระบบการสื่อสารมีความทันสมัยและเข้าถึงได้ง่ายฐานะหนึ่งหน่วยงานภาคสังคม ไม่มีสิทธิที่จะไปขัดขวาง เพียงแต่อยากให้มีการพิจารณาจากทุกฝ่ายอย่างรอบคอบ

Advertising

ครม. อนุมัติงบกลาง 1,334 ล้านบาทให้ สธ.แก้ปัญหาโรคโควิด  และจัดซื้อยา “โมลนูพิราเวียร์”

People Unity News : ครม. อนุมัติงบกลาง 1,334 ล้านบาท แก้ปัญหาโรคโควิด  จัดซื้อยา “โมลนูพิราเวียร์” สร้างความปลอดภัยให้ประชาชน

ที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 9 พ.ย.64 อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 1,334.945 ล้านบาท ประกอบด้วย 4 หน่วยงาน

1.สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 528,400,000 บาท

2.กรมการแพทย์ จำนวน 500,000,000 บาท สำหรับจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์

3.กรมควบคุมโรค จำนวน 58,165,000 บาท

4.กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จำนวน 248,380,000 บาท

พร้อมรับทราบโครงการแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระยะการระบาดระลอก เม.ย. 64 โดยมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นคงด้านสุขภาพ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเสริมสร้างสังคมวัฒนธรรม ให้ประชากรในประเทศ – บุคลากรด่านหน้า ได้รับการดูแล ป้องกัน และรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็ว

Advertising

ประยุทธ์ ห่วงการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ ย้ำไม่ว่าคนภาคไหนก็คนไทยเหมือนกัน  

People Unity News : โฆษกรัฐบาล เผย “นายกฯ” ห่วงการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ ย้ำไม่ว่าคนภาคไหนก็คนไทยเหมือนกัน รัฐบาลดูแลทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม ขอคนไทยสามัคคีอย่าขัดแย้งสร้างความแตกแยกในสังคม

9 พ.ย. 64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยกรณีการเปิดแสดงความคิดเห็นใน club house กล่าวถึงคนภาคอีสานในด้านลบ จนผู้คนในสังคมส่วนหนึ่งถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์การแบ่งแยกกลุ่มคน ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยการแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียที่มีลักษณะก่อให้เกิดการโต้แย้ง แบ่งแยกคนในสังคมได้ ทั้งนี้ ประเทศไทยประกอบด้วยพื้นที่ทุกภาคของแผ่นดินไทยและคนไทยทุกคนเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลยึดหลักบริหารราชการแผ่นดิน โดยมุ่งสร้างความรัก ความสามัคคี ความเข้มแข็งให้กับคนไทยทุกภาค เพราะไม่ว่าจะเป็นคนภาคไหนก็เป็นคนไทยเหมือนกันและรัฐบาลนี้มีหน้าที่ดูแลประชาชนในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียมกัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้ดำรงตำแหน่งกว่า 7 ปี ก็ได้ลงพื้นที่ทั่วทุกภาคของประเทศซึ่งทุกครั้งที่ลงพื้นที่ได้พูดคุยกับคนทุกภาคซึ่งทุกคนยืนยันรักประเทศและจะร่วมกับรัฐบาลในการพัฒนาท้องถิ่นเพื่อนำความเจริญมาสู่ภูมิภาคและพื้นที่ของตนเอง และไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ กลาง อีสาน ตะวันออก ตะวันตกและใต้ ต่างมีความหลากหลายของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์  จึงอยากให้ทุกฝ่ายเปิดใจและให้เคารพซึ่งกันและกัน  ทั้งนี้ ขอเตือนผู้จงใจไม่ว่าจะฝ่ายไหนกลุ่มไหน หากตั้งใจใช้โซเซียลเป็นเครื่องมือสร้างความวุ่นวายในสังคมโดยเป็นการให้ข้อความอันเป็นเท็จ บิดเบือนใส่ร้าย และสร้างความเสียหายให้กับประชาชน มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาทด้วย

“ท่านนายกรัฐมนตรียังฝากถึงผู้ใช้โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ให้ใช้สื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นในพื้นที่สาธารณะอย่างเข้าอกเข้าใจกัน เห็นใจซึ่งกันและกัน เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง หรือการแตกแยกในสังคม ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังเดินหน้าเข้าสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาโควิด-19” นายธนกร กล่าว

Advertising

กรมสุขภาพจิต ใช้หลัก 3As โน้มน้าวใจประชาชนให้เชื่อมั่นเข้ารับวัคซีนโควิด-19

People Unity News : กรมสุขภาพจิต ใช้หลัก 3As โน้มน้าวใจประชาชนให้เชื่อมั่นเข้ารับวัคซีนโควิด-19

7 พ.ย.64 กรมสุขภาพจิต ห่วงประชาชนที่ลังเลฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือที่เรียกว่า Vaccine Hesitancy ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า เป็น 1 ใน 10 ภัยคุกคามระดับโลกทางสาธารณสุข โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป ,ผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป หากติดเชื้อเสี่ยงป่วยหนักและเสียชีวิต

สำหรับแนวทางการจัดการเพื่อให้ประชาชนยอมรับวัคซีนในกลุ่มที่มีความลังเล ต้องใช้การสัมภาษณ์เพื่อสร้างแรงจูงใจโดยใช้หลัก 3As : Ask Affirm Advice

1.ถามเป็น ใช้คำถามปลายเปิดว่ารู้สึกกังวลหรือเป็นห่วงเรื่องอะไร

2.ชมเป็น นำคำตอบมาชื่นชม เช่น การเป็นห่วงสุขภาพนั้นเป็นเรื่องที่ดี

3.แนะเป็น ให้คำแนะนำตรงกับสิ่งที่เป็นห่วง เช่น กลัวอาการข้างเคียงรุนแรง แนะนำว่า มีการดูแลหลังฉีดวัคซีน และผู้ได้รับวัคซีนส่วนใหญ่พบอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อความลังเลใจลดลงแล้ว ควรรีบให้วัคซีนโดยเร็วที่สุด

ส่วนกลุ่มที่มีการปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ให้พยายามสอบถามและรับฟังข้อมูล จากนั้นอาจส่งบุคลากรด้านสุขภาพจิตเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ให้ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง หากมีข้อสงสัยสามารถปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต โทร. 1323

Advertising

โฆษก รบ.เผย ประยุทธ์ มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้านเป็นของตนเอง

People Unity News : โฆษกรัฐบาลเผย “นายกฯ” มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนผ่าน “โครงการบ้านล้านหลัง ธอส.” เผยมีผู้ลงทะเบียนแล้ว 60,752 ราย วงเงินยื่น 72,902 ล้านบาท เชิญชวนผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนขอสินเชื่อเพื่อโอกาสมีบ้านเป็นของตนเอง

27 ตุลาคม 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐบาล มีความมุ่งมั่นที่ต้องการดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ราคาไม่แพง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน ผู้ที่เริ่มต้นทำงานเพื่อสร้างครอบครัว และผู้สูงอายุ ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ก.ย.64 มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดำเนินการโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ หรือ โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 โดยปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการอีกจำนวน 20,000 ล้านบาท และปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในอัตราดอกเบี้ยสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความคืบหน้าของผลการดำเนินงานโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ล่าสุด ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2564 ได้มีผู้ลงทะเบียนกับ ธอส. แล้วจำนวน 60,752 ราย วงเงินยื่นกู้ 72,902 ล้านบาท และได้ยื่นกู้สะสมจำนวน 2,479 ราย ซึ่ง ธอส. ได้มีการอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 1,845 ราย คิดเป็นมูลค่า 1,509 ล้านบาท โดย ธอส. กำลังเร่งพิจารณาตามขั้นตอนเพื่อการอนุมัติสินเชื่อให้กับประชาชนผู้ที่มีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไขของโครงการฯ ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังได้กำกับให้ ธอส. พิจารณาการอนุมัติสินเชื่อด้วยความละเอียดรอบคอบ เหมาะสม โดยคำนึงถึงการให้สินเชื่อแก่ผู้กู้ที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยมาก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อสร้างโอกาสและสนับสนุนประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่อยู่อาศัยได้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยได้อย่างทั่วถึง  จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการขอสินเชื่อ ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เพื่อโอกาสในการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองตั้งแต่บัดนี้ เพื่อให้สามารถทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธ.ค.66 หรือก่อนเต็มกรอบวงเงินของโครงการ

“โครงการบ้านล้านหลังระยะที่ 2 เป็นการดำเนินการสานต่อความสำเร็จของโครงการบ้านล้านหลังระยะแรก ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลโดยท่านนายกรัฐมนตรีที่มีความมุ่งมั่นช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อย ให้ประชาชนได้มีบ้านเป็นของตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ที่มุ่งเน้นสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าว จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ทำให้ประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อให้สามารถมีบ้านเป็นของตนเอง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแท้จริง” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

สำหรับรายละเอียดสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ที่สำคัญ อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรก 1.99% ต่อปี ให้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1,200,000 บาท ทั้งบ้านใหม่ บ้านมือสอง และทรัพย์ NPA ของ ธอส. เงินงวดคงที่นานถึง 84 งวดแรก ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ประเภท คือ 1. ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้) 2. ค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900-2,300 บาท) 3. ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาท ต่อราย) และ 4. ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง) ระยะเวลาผ่อนไม่น้อยกว่า 7 ปี และผ่อนสูงสุดไม่เกิน 40 ปี อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี ยกเว้น ข้าราชการตุลาการ อัยการ หรืออื่นๆ ที่มีอายุเกษียณมากกว่า 60 ปี อายุผู้กู้เมื่อรวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 75 ปี

ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจและผู้ที่มีคุณสมบัติและต้องการขอสินเชื่อ สามารถรับรหัสเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ได้ เพียงดาวน์โหลด Mobile Application : GHB ALL และกดลงทะเบียนเพื่อรับรหัสเข้าร่วมโครงการ 9 ตัวทาง GHB Buddy บน Application Line (ตัวอักษร 3 ตัว และตัวเลข 6 ตัว) เพื่อนำมาแสดงในการยื่นขอสินเชื่อ และทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธ.ค.66 หรือ ก่อนเต็มกรอบวงเงินของโครงการ ทั้งนี้ เงื่อนไขอื่นๆเป็นไปตามที่ ธอส. กำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ www.ghbank.co.th

Advertising

อนามัยโพล สำรวจพบคนไทยร้อยละ 94 กังวลกับการเปิดประเทศ

People Unity News : อนามัยโพล สำรวจพบคนไทยร้อยละ 94 กังวลกับการเปิดประเทศ

25 ต.ค.64 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ภายหลังที่ ศบค. มีคำสั่งเปิดประเทศเริ่ม 1 พฤศจิกายนนี้ จากผลการสำรวจของกรมอนามัยระหว่างวันที่ 14-20 ตุลาคม 2564 เกี่ยวกับความคิดเห็นต่อประเด็น เปิดประเทศ พบคนไทยร้อยละ 94 มีความกังวลกับการเปิดประเทศ โดยมีความเชื่อมั่นต่อการควบคุมป้องกันโรคร้อยละ 28 ในขณะที่ร้อยละ 72 มีความคิดเห็นว่าควรเพิ่มมาตรการที่จะทำให้เชื่อมั่นว่า หากเปิดประเทศแล้วจะปลอดภัยด้วยการเร่งฉีดวัคซีนให้ทุกคนทั่วประเทศครบตามเกณฑ์ครอบคลุมทุกจังหวัด ร้อยละ 70 ขึ้นไป ให้มีการคุมเข้มการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดนร้อยละ 60 และมีการกำกับ ติดตาม การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของสถานประกอบการและประชาชนอย่างเคร่งครัดร้อยละ 55

สำหรับสถานประกอบกิจการต่างๆ ขอให้เพิ่มความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยให้พนักงานทุกคนที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยว ควรได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่ราชการกำหนด หรือตรวจ ATK ทุก 7-14 วัน มีการคัดกรองพนักงานด้วย “ไทยเซฟไทย” ทุกวัน หากพบว่ามีอุณหภูมิเกินกว่าที่กำหนดและมีความเสี่ยงในการได้รับเชื้อให้ตรวจด้วย ATK ทันที

สำหรับมาตรการด้านความปลอดภัยและอนามัยสิ่งแวดล้อม ให้ประเมินตนเองตามหลักเกณฑ์ของ Thai Stop COVID Plus ทุกเดือน และติดใบรับรอง Certificate ในบริเวณที่ผู้รับบริการและที่เจ้าหน้าที่สามารถสแกน QR Code เพื่อตรวจสอบได้ รวมทั้งต้องผ่านเกณฑ์การประเมิน SHA Plus ที่เน้นการระบายอากาศที่ดี เพียงพอ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ควบคุม จำนวนพนักงานและลูกค้า 1 คน ต่อ 4 ตารางเมตร และทำความสะอาดจุดเสี่ยงที่มีการสัมผัสร่วม โดยเพิ่มความถี่ เมื่อมีผู้รับบริการมากขึ้น อย่างน้อยทุก 1 ชั่วโมง เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวไทยต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด

Advertising

Verified by ExactMetrics