วันที่ 23 พฤศจิกายน 2024

“อนุทิน”เปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์รพ.แม่สอดเน้นรักษา 5 กลุ่มโรค

People Unity News : “อนุทิน”รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ โรงพยาบาลแม่สอด โดยเป็น 1 ใน 32 โรงพยาบาลที่เปิดให้บริการในระยะที่ 2 เน้นรักษาใน 5 กลุ่มโรค คือ ลมชักดื้อยา คลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด ภาวะปวดประสาท ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ปลอกประสาทอักเสบ/เสื่อมแข็ง และผู้ป่วยระยะประคับประคอง มะเร็งระยะสุดท้าย

เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2562 ที่ จ.ตาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ เปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์โรงพยาบาลแม่สอด และให้สัมภาษณ์ว่า คลินิกกัญชาทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลแม่สอดแห่งนี้ เป็น 1 ใน 32 โรงพยาบาลที่ได้เปิดบริการเพิ่มในระยะที่ 2 เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้กัญชา เข้าถึงกัญชาเพื่อการรักษาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรม ด้วยระบบการบริหารจัดการที่มีมาตรฐานและความปลอดภัยสูง โดยได้รับสารสกัดน้ำมันกัญชาจากโรงพยาบาลอภัยภูเบศรแล้ว 200 ขวด

การเปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ จะเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้สารสกัดจากกัญชารักษาโรคภายใต้การดูแลของแพทย์ เภสัชกร พยาบาลที่ผ่านการอบรม และเป็นการเก็บข้อมูลผลการรักษาเพื่อนำมาวิเคราะห์วิจัย พัฒนายกระดับการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งจะเป็นนวตกรรมที่เกิดประโยชน์กับวงการแพทย์ต่อไป
สำหรับคลินิกกัญชาทางการแพทย์ โรงพยาบาลแม่สอด เปิดบริการรักษาผู้ป่วยใน 5 กลุ่มโรคหลัก คือ

โรคลมชักดื้อยา คลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด อาการปวดที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ปลอกประสาทอักเสบ/เสื่อมแข็ง และผู้ป่วยระยะประคับประคอง มะเร็งระยะสุดท้าย ภายใต้การดูแลบุคลากรที่ผ่านการอบรมคือ แพทย์ 1 คน เภสัชกร 3 คน พยาบาลวิชาชีพ 3 คน และแพทย์แผนไทย 2 คน เปิดให้บริการทุกวันพฤหัส สัปดาห์ที่ 1 และ 3 ของเดือน เวลา 8.30 – 12.00 น. คาดว่าจะให้บริการประชาชนได้วันละ 30 ราย โดยมีอายุรแพทย์ประสาทวิทยา จิตแพทย์ แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน แพทย์นิติเวชและห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ร่วมให้การดูแลและให้คำปรึกษา

ทั้งนี้ จังหวัดตากเป็น 1 ในจังหวัดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันตก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้มีแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ เพื่อรองรับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการเคลื่อนย้ายประชากรของแรงงานต่างชาติ รวมทั้งโรคติดต่อตามแนวชายแดน ซึ่งโรงพยาบาลแม่สอดเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายรับส่งต่อผู้ป่วยจากสถานพยาบาลภาครัฐและองค์กรเอกชนเพื่อสาธารณประโยชน์ (Non-government Organizations : NGO) ในพื้นที่ชายแดน รวมทั้งรับส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเมียวดีที่มีความประสงค์จะมารักษาต่อ โดยการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายชายแดน การจัดบริการเชิงรุกอย่างเป็นมิตรในโรงพยาบาลชุมชน และข้ามประเทศ การพัฒนาระบบข้อมูลสาธารณสุขต่างชาติ และการพัฒนาความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนภายในและนอกประเทศ

ฮือฮา!วัตถุมงคลงานทอดกฐินวัดช้างบ้านนานครนายก แจก”ช้อนเงิน ช้อนทอง มหามงคลรุ่น 1″

People Unity News : ฮือฮา!…วัตถุมงคลงานทอดกฐินวัดช้าง อ.บ้านนา จ.นครนายก แจก “ช้อนเงิน ช้อนทอง มหามงคล รุ่น 1” เป็นที่ระลึกแก่ ญาติโยม ผู้เป็นเจ้าภาพกฐิน วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562

งานบุญทอดกฐินสามัคคี วัดช้าง ในวันที่ 3 พ.ย.2562 นี้ พระครูโสภณนาคกิจ หรือ พระอาจารย์เดช อายุวฑฺฒโก เจ้าคณะอำเภอบ้านนา เจ้าอาวาสวัดช้าง ได้เมตตาจัดสร้างวัตถุชัยมงคล ช้อนเงิน ช้อนทอง มหามงคล รุ่น 1 ทั้งก่อนที่จะได้ร่วมบุญกับทางวัดพระอาจารย์เดชก็จะทำการปลุกเสกวัตถุชัยมงคลตามวาระฤกษ์มงคลของท่านให้ดีที่สุดที่ได้ดำเนินการจัดสร้าง เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้เพิ่มพูนร่วมบุญกฐิน เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างเสนาสนะภายในวัดให้แล้วเสร็จสืบต่อไป มาร่วมบุญอนุโมทนาบุญกฐินกับทางวัด

สำหรับการจัดสร้างวัดถุมงคลนี้ โบร่ำโบราณเชื่อกันว่าใช้สำหรับ ตัก ตวง เพิ่มพูนทรัพย์สิน เงินทอง นำพาเป็นโภคทรัพย์หนุนนำสิ่งมงคลต่างๆ เข้าบ้านเรือน ตามความเชื่อโบราณท่านว่า หากบ้านไหนมีช้อนเงิน ช้อนทองอยู่ในบ้านจะทำให้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านนั้นพบเจอแต่ความเจริญรุ่งเรือง ในทุกๆ ด้าน เพราะช้อนเงินช้อนทองคู่นี้จะสามารถตักเงิน ตักทอง เข้าบ้าน

หากแม้นเป็นงานมงคลสมรสของคู่บ่าวสาว หลาย ๆ คู่ ก่อนที่จะจัดงานมงคลระหว่างกัน ก็มักจะมองหาสิ่งที่มีความประทับใจและมีนัยยะความหมายดี ๆ และเหมาะสม เป็นเครื่องหมายสำหรับผู้มาร่วมงานแสดงความยินดีให้กับผู้เป็นเจ้าของงาน และมอบให้เป็นสิ่งตอบแทนกลับไปเป็นที่ระลึกในงานมงคลอีกด้วย

จำนวนการจัดสร้างไม่มากนัก ประกอบด้วย เนื้อเงิน 59 ชิ้น เนื้อขาวซิลเวอร์พลัส 1,000 ชิ้น เนื้อเหลืองทองทิพย์ 1,000 ชิ้น เนื้อแดงสัมฤทธิ์ 1,000 ชิ้น ในงานบุญทอดกฐินสามัคคีวัดช้าง

ในวาระอันเป็นมงคลนี้หลวงพ่อท่านได้เมตตาจัดสร้างวัตถุชัยมงคล ช้อนเงิน ช้อนทอง มหามงคล รุ่น ๑ ก่อนที่จะได้ร่วมบุญกับทางวัดหลวงพ่อท่านก็จะทำการปลุกเสกวัตถุชัยมงคลตามวาระฤกษ์มงคลของท่านให้ดีที่สุดที่ได้ดำเนินการจัดสร้าง เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้เพิ่มพูนร่วมบุญกฐิน เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างเสนาสนะภายในวัดให้แล้วเสร็จสืบต่อไป

ผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบุญทอดกฐิน กลับวัดบ้านนา ได้ที่ Page https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2859568004053253&id=100000002455353

“แพนเค้ก​ เขมนิจ​”พร้อมครอบครัวทำบุญทอดกฐินที่วัดไทยเมืองลียง​ฝรั่งเศส

People Unity News : “แพนเค้ก​ เขมนิจ​”พร้อมครอบครัวทำบุญทอดกฐินที่วัดไทยเมืองลียง​ฝรั่งเศส สมเด็จพระมหาธีราจารย์เป็นประธาน

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณกรรมการฝ่ายสาธารณะสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปเป็นประธานในการทอดกฐินสามัคคี​ ณ​ วัดนวมินทรราชูทิศ​ เมืองลียง​ ประเทศฝรั่งเศส ในโอกาสนี้มี”แพนเค้ก​ เขมนิจ​ เขมนิจ​ จามิกรณ์” นางนวลอนงค์​ จามิกรณ์​ พร้อมครอบครัวและคณะ​ ได้เดินทางไปร่วมทำบุญด้วย

Cr.เพจ Watnawamin Lyon

“ก้อง ห้วยไร่”ถวายเพลเณรโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดภูเก็ตน่าน

People Unity News : “ก้อง ห้วยไร่”พาคณะเข้าวัดทำบุญถวายเพลเณรโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดภูเก็ตน่าน ตามโครงการของวัด “หนึ่งพันบาทเลี้ยงพระเณรได้ทั้งโรงเรียน”

วันที่ 29 ต.ค.2562 ที่วัดภูเก็ต อำเภอปัว จังหวัดน่าน “ก้อง ห้วยไร่” นักร้องลูกทุ่งดังเจ้าของผลงานเพลงดัง “ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน” และคณะไปทำบุญเลี้ยงเพลสามเณรโรงเรียนวัดภูเก็ต ตามโครงการของวัด “หนึ่งพันบาทเลี้ยงพระเณรได้ทั้งโรงเรียน” ซึ่งมีพระภิกษุ สามเณรอาศัยอยู่ในวัดเพื่อศึกษาเล่าเรียนทั้งนักธรรม บาลีและแผนกสามัญ

พบตำรับยาวัดโพธิ์ที่มีกัญชาผสมด้วย! โชว์สัปดาห์ “วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ”

People Unity News : 1 ปีมีครั้งเดียวเปิดแล้ววันนี้ งานสัปดาห์วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติปีที่ 4 สานต่อภูมิปัญญาของชาติ โชว์ตำรับยาวัดโพธิ์ผสมกัญชา ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2562 เวลา 09.00 น.- 17.00 น.

วันที่ 29 ต.ค.2562 ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) กรุงเทพมหานคร นายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า รัชกาลที่ 3 “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” และเปิดงาน “สัปดาห์วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” ประจำปีพุทธศักราช 2562

โดยมีนายแพทย์มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวรายงานความเป็นมาของการจัดงานว่า ตามที่รัฐบาล ได้กำหนดให้ วันที่ 29 ตุลาคมของทุกปี เป็น “วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” เพื่อสดุดี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ในฐานะ “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” ที่ทรงมีคุณูปการต่อการแพทย์แผนไทยในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านเภสัชกรรมไทย การนวดไทย ดังปรากฏอยู่ตามศาลารายและแผ่นจารึกตำรายาในวัดโพธิ์

ปีนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ตลอดทั้ง 6 วัน ได้แก่ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” นิทรรศการประวัติศาสตร์การแพทย์แผนไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน ภูมิปัญญาชาติกว่า 2 ศตวรรษ…ก้าวสู่ตำรับยาแห่งชาติ กว่า 200 ตำรับ พร้อมเปิดตัวตำรับยาของชาติจากจารึกวัดโพธิ์ ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม นิทรรศการกัญชา ทางการแพทย์ โดยโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จัดแสดงโมเดล จำลองการปลูกกัญชา นิทรรศการให้ความรู้กัญชาตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย การให้บริการตรวจ รักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย และการแพทย์ทางเลือก มีเวทีสอน สาธิตองค์ความรู้ทางวิชาการตำรับ ตำรา ยาไทย และฝึกปฏิบัติการดูแลสุขภาพด้วยแพทย์แผนไทย และสมุนไพร แจกกล้าพันธุ์ไม้สมุนไพร พบการออกร้านจำหน่ายสินค้า และผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย สมุนไพรต่าง ๆ รวมทั้งอาหารพื้นเมืองที่ได้มาตรฐานจากทุกภาคทั่วประเทศ

สำหรับปีนี้ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จะมีพิธีส่งมอบต้นฉบับตำรับยา ตำราการแพทย์แผนไทย ซึ่งได้รับการส่งมอบจากพสกนิกรชาวไทยส่งต่อให้กับกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดเก็บรวบรวมให้เป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป

จึงขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจมาร่วมงาน “วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2562 ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เวลา 09.00 น. – 17.00 น.

กต.อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ร.10 ทอดถวายครั้งแรกที่เวียดนาม

People Unity News : กต.อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ร.10 ทอดถวายครั้งแรกที่เวียดนาม ขยายจากประเทศเพื่อนบ้าน สู่ประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียใต้

วันที่ 29 ต.ค.2562 นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) ประธานคณะโครงการกฐินพระราชทานฯ ร่วมด้วยนายธนา เวสโกสิทธิ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ และคณะได้เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดหวั่งเอิน กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม

นายฐาปน กล่าวกว่า พิธีเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ไปทอดถวายในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 15 นอกจากเป็นการทำนุบำรุงพุทธศาสนาแล้ว ยังถือว่าเป็น “ทูตทางวัฒนธรรม” ที่ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนสู่ประชาชน สร้างสัมพันธไมตรีและความไว้เนื้อเชื้อใจระหว่างกัน โดยเฉพาะวัดหวั่งเอิน แห่งนี้ถือเป็นศูนย์รวมใจพุทธศาสนิกชนทั้งชาวเวียดนามและชาวไทยแห่งสำคัญในกรุงฮานอยซึ่งให้การต้อนรับคณะผู้เชิญผ้าพระกฐินพระราชการอย่างอบอุ่น สนับสนุนและร่วมการจัดพิธีทอดผ้าพระกฐินพระราชทานครั้งนี้อย่างสมพระเกียรติ

พิธีเริ่มขึ้นโดยประธานถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นเชิญผ้าไตรพระราชทานเดินเข้าพระอุโบสถและเริ่มประกอบพิธีสงฆ์ตามลำดับ เมื่อเสร็จพิธีแล้วคณะทั้งหมด พร้อมกันสักการะสถูปขนาดใหญ่ที่บรรจุอัฐิของ พระทิช ดึ๊ก หยวด พระสังฆราชพระองค์แรกของเวียดนาม และสถูปที่บรรจุอัฐิของพระครูคณาสัมนาจารย์ (บิ่ง เลือง) อดีตเจ้าคณะใหญ่สงฆ์อนัมนิกายแห่งประเทศไทยในบริเวณ “สวนพระ”ด้วย

ทั้งนี้ วัดหวั่งเอิน (Hoang An Pagoda) ตั้งอยู่เขตเตย โห่ กรุงฮานอย สร้างขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 11 (ราวปี ค.ศ. 1019 – 1088 หรือ พ.ศ. 1562 – 1632) ในสมัยราชวงศ์เล ถือเป็นวัดนิกายมหายานที่เก่าแก่ที่สุดวัดหนึ่งในกรุงฮานอย วัดหวั่งเอินมีความสำคัญคือเป็นสถานที่อุปสมบทของพระสำคัญของคณะสงฆ์เวียดนาม หนึ่งในนั้นคือ พระทิช ดึ๊ก หยวด (Thich Duc Nhuan) พระสังฆราชพระองค์แรกของเวียดนาม (พ.ศ. 2524 – พ.ศ. 2536) วัดหวั่งเอิน ได้รับการรับรองโดยกระทรวงวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยวเวียดนามให้เป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2534 ปัจจุบัน พระทิช ด่าว มิงห์ (Thich Dao Minh) ซึ่งเป็นลูกศิษย์รูปสุดท้ายของพระสังฆราชพระองค์แรกของเวียดนามเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 จนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบันโครงการกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพระพุทธศาสนาในต่างประเทศได้ขยายจากประเทศเพื่อนบ้าน สู่ประเทศในกลุ่มอาเซียนประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ ตลอดจนประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่มีประชาชนนับถือพระพุทธศาสนา เป็น “สะพานเชื่อมวัฒนธรรมและไมตรีจิต” ที่นับวันจะแน่นแฟ้น และทรงคุณค่าทบทวี

“อนุทิน-สาธิต”หนุนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์

People Unity News : พระมงคลวชิรากร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวาเผย “อนุทิน-สาธิต”หนุนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์

วันที่ 29 ต.ค.2562 พระมงคลวชิรากร (สมบัติ ญาณวโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรรมการและเลขานุการกรรมการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธิ์ เขมงฺกโร) เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณะสงเคราะห์ของ มส. มอบหมายให้อาตมาเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2562 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุม และนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ร่วมประชุมด้วยนั้น

“อาตมาได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ โดยเฉพาะการเข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของพระภิกษุสามเณรทั่วประเทศ ซึ่งทั้งนายอนุทิน และนายสาธิต พร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์” พระมงคลวชิรากรกล่าวและว่า

ขณะนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ส่งข้อมูลพระภิกษุสามเณรให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อตรวจสอบสิทธิในระบบบริการสุขภาพแล้ว 174,091 รูป ขณะเดียวกันในส่วนของการอบรมพระคิลานุปัฏฐาก เพื่อคอยดูแลให้ความรู้ด้านสุขภาพกับพระภิกษุสามเณรและประชาชนนั้น ได้ร่วมกับ กรมอนามัยจัดอบรมไปแล้ว 4,525 รูป นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการตรวจคัดกรอง สุขภาพพระภิกษุสามเณร ปี 2562 จำนวน 5,000 วัด และปี 2563 จำนวน 5,000 วัด

ลอยกระทงปีนี้!สุรินทร์ดึงคนพื้นที่เป็นนางแบบโชว์ศักยภาพเมืองผ้าไหม กระตุ้นท่องเที่ยวดันยอด OTOP

People Unity : สุรินทร์โชว์ศักยภาพเมืองผ้าไหม ใช้คนพื้นที่เป็นนางแบบจิตอาสาร่วมรณรงค์แต่งกายผ้าไทยหวังกระตุ้นท่องเที่ยวและเพิ่มยอดจำหน่าย OTOP ผ้าไหม

วันที่ 28 ต.ค.2562 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับชมรมถ่ายภาพสมัครเล่นเมืองช้าง จัดกิจกรรมถ่ายแบบเพื่อประชาสัมพันธ์รณรงค์นุ่งผ้าไหม โดยเชิญชวนชายหนุ่มหญิงสาวจากภาคส่วนต่างๆ มาเป็นนายแบบนางแบบจิตอาสา เช่น นางสาวสุรินทร์ ปี 2562 ลูกหลานกรรมกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เครือข่าย OTOP และบุคลากรของาำนักงารพัฒนาชุมชน ร่วมเป็นแบบในการถ่ายทำภาพกิจกรรม

นายสรสาสน์ สีเพ็ง พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากโดยใช้ศักยภาพของพื้นที่ในการสร้างรายได้ ซึ่งนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้ให้แนวทางทุกจังหวัดแต่งกายด้วยผ้าไทยทุกวัน เพื่อกระตุ้นยอดจำหน่าย OTOP ของแต่ละจังหวัด ประกอบกับแนวทางของนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ที่ให้มีกิจกรรม “ถือตะกร้า นุ่งผ้าซิ่น หิ้วปิ่นโต” ทุกวันศุกร์ ดังนั้น สำนักงานพัฒนาชุมชนซึงรับผิดชอบในการส่งการผลิตการแปรรูปและการตลาด OTOP ผ้าไหม จึงได้จัดกิจกรรมผลิตสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้ชาวสุรินทร์และประชาชนทั่วไปได้หันมาสนใจสวมใส่ผ้าไหมหรือผ้าพื้นเมืองในโอกาสต่างๆ

“จังหวัดสุรินทร์มีศักยภาพสูงในการผลิตผ้าไหมคุณภาพเยี่ยม โดยประชาชนมีการทอผ้าไหมและผ้าพื้นเมืองอื่นๆ กระจายอยู่ในแทบทุกหมู่บ้าน แต่การตลาดยังมีข้อจำกัดอยู่ หากมีการประชาสัมพันธ์ให้เห็นถคงเสน่ห์ของการสวมใส่ผ้าไหม และรณรงค์ให้มีการสวมใส่อย่างกว้างขวางทั้งหน่วยงานภาครัฐ หรือทุกภาคส่วน ก็จะช่วยกระตุ้นการตลาดเพิ่มยอดจำหน่าย OTOP ผ้าไหมได้มากขึ้น” พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์กล่าว

สำหรับกิจกรรมถ่ายภาพรณรงค์นุ่งผ้าไหมสุรินทร์ ครั้งนี้ใช้แนวคิดนุ่งผ้าไหมไปลอยกระทง สถานที่ถ่ายทำ ณ วัดบ้านระเภาว์ ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ส่วนนายแบบนางแบบใช้คนในพื้นที่ ประกอบด้วย พัฒนากร เจ้าหน้าที่กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เจ้าหน้าที่ธุรการ ทายาทเครือข่ายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เครือข่าย OTOP Trader และนางสาวสุรินทร์ ปี 2562

“อนุทิน”เปิดตัวคู่มือการตรวจวิเคราะห์กัญชาทางการแพทย์

People Unity News : รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เร่งสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ ช่วยแก้ไขปัญหาสาธารณสุข และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมเปิดตัวคู่มือการตรวจวิเคราะห์กัญชาทางการแพทย์ และมาตรฐานการตรวจหาปริมาณสารสำคัญทั้งในวัตถุดิบ สารสกัดและผลิตภัณฑ์จากกัญชา เพื่อใช้เป็นมาตรฐานของประเทศ

วันที่ 28 ต.ค.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะ ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะผู้บริหารส่วนกลางและศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้การต้อนรับ หลังจากนั้น นายอนุทิน (รมว.สธ.) ได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นิทรรศการผลงานและกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ โครงการเฉลิมพระเกียรติฯ, กัญชาเสรีทางการแพทย์ การแพทย์แม่นยำ (Genomics Thailand) อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน, การพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP และ SME, การพัฒนานวัตกรรมชุดทดสอบและผลิตภัณฑ์สมุนไพร และการคัดกรองทารกแรกเกิด

นายอนุทิน กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นหน่วยงานที่มีนักวิจัยที่เก่งมีความรู้ความสามารถและมีความเป็นเลิศ ทางด้านห้องปฏิบัติการในระดับประเทศและภูมิภาคอาเซียน มีการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และการตรวจชันสูตรด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ พัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีแก่ประชาชน การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพห้องปฏิบัติการ ช่วยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของประเทศและการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อประเมินความเสี่ยง แจ้งเตือนภัยสุขภาพและคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาได้ค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อาทิ ชุดตรวจยีนแพ้ยา จำนวน 3 ชุด ได้แก่ ชุดตรวจยีน HLA-B*58:01 ก่อนให้ยาลดกรดยูริค อัลโลพูรินอล (Allopurinol), ชุดตรวจยีน HLA-B*57:01 ก่อนให้ยาต้านไวรัสเอชไอวี อะบาคาเวียร์ (Abacavir) และชุดตรวจยีน HLA-B*15:02 ก่อนให้ยากันชักคาร์บามาซีปีน (Carbamazepine) เพื่อป้องกันผื่นแพ้ยาชนิดรุนแรง ลดภาวะแพ้ยาในผู้ป่วยลมชักถึงร้อยละ 88 ช่วยประหยัดงบค่ารักษาพยาบาลจากอาการแพ้ยารุนแรงปีละกว่า 250 ล้านบาท ปัจจุบันได้เพิ่มสิทธิประโยชน์การตรวจยีน HLA ในผู้ป่วยโรคลมชัก ก่อนเริ่มยาคาร์บามาซีปีนใน 3 กองทุนหลัก ได้แก่ ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกันสังคม และกรมบัญชีกลาง เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่จำเป็นมีคุณภาพและมาตรฐานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีชุดทดสอบตรวจความผิดปกติของยีนอัลฟ่าธาลัสซีเมีย 1(DMSc α-thal 1) เนื่องจากในแต่ละปีประเทศไทยมีมารดาที่เสี่ยงต่อการมีบุตรเป็นโรคธาลัสซีเมียกว่า 5 หมื่นคน และมีเด็กเกิดใหม่ป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย 12,125 ราย รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณในการรักษาผู้ป่วยปีละไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาท

ดังนั้นการตรวจที่ให้ผลรวดเร็วถูกต้องแม่นยำ จะช่วยควบคุมและป้องกันโรคมีประสิทธิภาพและนำไปสู่การดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยชุดทดสอบนี้ได้รับการขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยและต่อยอดสู่การพัฒนานวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ในการแปลผลการทดสอบ รวมทั้งได้ถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีการผลิตสู่ภาคเอกชน เพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และขณะนี้กำลังมีการพัฒนาชุดทดสอบกัญชาและพัฒนาชุดตรวจวัดปริมาณสาร THC สำหรับให้เจ้าหน้าที่หรือประชาชนนำไปใช้ตรวจสอบพืชกัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชา ส่วนงานด้านคุ้มครองผู้บริโภคได้มีการแจ้งเตือนภัยสุขภาพ เช่น การพัฒนา อสม. ให้เป็น “อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน” สวมปลอกแขนเขียว และการจัดตั้งศูนย์เตือนภัยสุขภาพในหมู่บ้าน ตำบล เป็นอำเภอต้นแบบแจ้งเตือนภัยสุขภาพ

“ผมขอขอบคุณเจ้าหน้าที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทุกท่านที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยกันสนับสนุนผลักดันนโยบายกระทรวงสารณสุขในเรื่องการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ แก้ปัญหาสาธารณสุข และช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี การตรวจเฝ้าระวังสารเคมีปนเปื้อนในผักผลไม้และสนับสนุนให้ยกเลิกใช้ 3 สารเคมี ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต และเรื่องกัญชาเสรีทางการแพทย์ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนางานกัญชาทางการแพทย์ เพื่อให้ประชาชนได้รับยาที่มีคุณภาพ ปลอดภัยและสามารถผลิตในประเทศได้ ทำให้เกิดความมั่นคงด้านยาและพัฒนาสายพันธุ์กัญชา กัญชง เพื่อนำมาเป็นพืชเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต อีกทั้งขณะนี้ได้เปิดตัวคู่มือการตรวจวิเคราะห์กัญชาทางการแพทย์ และมาตรฐานการตรวจหาปริมาณสารสำคัญทั้งในวัตถุดิบ สารสกัดและผลิตภัณฑ์จากกัญชา เพื่อใช้เป็นมาตรฐานของประเทศ” นายอนุทิน กล่าว

โฆษณา

จัดสัมมนาบริการเพร็พเทิดพระเกียรติพระองค์เจ้าโสมสวลี

People Unity : กรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสภากาชาดไทย จัดสัมมนาเพื่อติดตามความคืบหน้าของการให้บริการเพร็พในประเทศไทย เพื่อเทิดพระเกียรติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เนื่องในโอกาสทรงดำรงตำแหน่ง UNAIDS Goodwill Ambassador for HIV Prevention for Asia and the Pacific ระหว่างวันที่ 28-29 ตุลาคม 2562 ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

วันที่ 28 ต.ค.2562 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อติดตามความคืบหน้าของการให้บริการเพร็พในประเทศไทย เพื่อเทิดพระเกียรติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ซึ่งประเทศไทยมีประสบการณ์และพัฒนาการต่อสู้กับปัญหาเอดส์มายาวนานกว่า 30 ปี ทำให้ได้รับการยกย่องจากนานาประเทศ ว่าสามารถลดการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดมีแนวโน้มลดลงมาอย่างต่อเนื่อง

นายแพทย์ปรีชา กล่าวว่า เพื่อเป็นการสานต่อความสำเร็จของโครงการในพระดำริของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทูตสันถวไมตรีของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติในการป้องกันเอชไอวีในภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิค ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการ “เพร็พพระองค์โสมฯ” ซึ่งประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์อย่างมุ่งมั่นที่จะยุติปัญหาเอดส์ ภายในปี 2573 ซึ่งมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ปีละไม่เกิน 1,000 ราย ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวีปีละไม่เกิน 4,000 ราย และลดการเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวีและเพศสภาวะลง ร้อยละ 90 โดยมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินมาตรการที่สำคัญ คือ ขยายและจัดชุดบริการป้องกันแบบผสมผสาน พัฒนารูปแบบบริการใหม่ที่มีประสิทธิภาพ เช่น Pre-exposure prophylaxis (PrEP) หรือยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวีมาเสริมในชุดบริการ จัดระบบบริการให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงบริการป้องกันและดูแลรักษา รวมทั้งเสริมสร้างทัศนคติเชิงบวกให้แก่สังคม ในการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ

ในปี 2561-2562 กรมควบคุมโรค ได้เตรียมความพร้อมให้กับหน่วยบริการเพร็พทั่วประเทศ โดยดำเนินงาน ดังนี้ จัดทำแนวทางการจัดบริการยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวีในประชากรที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ประเทศไทย ปี 2561 รวมถึงพัฒนาศักยภาพหน่วยบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เตรียมระบบบริการ เชื่อมโยงระบบภายในโรงพยาบาล โดยการอบรมแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ ในการจัดบริการเพร็พ ให้กับประชากรกลุ่มเสี่ยง และสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจ ให้กลุ่มผู้รับบริการทราบข้อมูลและหน่วยบริการที่จัดบริการเพร็พ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม

นายแพทย์ปรีชา กล่าวอีกว่า เพร็พ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันดูแลสุขภาพตนเองและคนใกล้ตัว เพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้ติดเชื้อเอชไอวี เช่น มีคู่นอนหลายคน และไม่สามารถใส่ถุงยางอนามัยได้ทุกครั้ง โดยกรมควบคุมโรค มีเป้าหมายให้คนไทย สามารถเข้ารับบริการเพร็พ ได้ฟรี ในหน่วยบริการสาธารณสุข ที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมด 21 จังหวัด 51 หน่วยบริการทั่วประเทศ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โทร 02-590-3215 หรือที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

Verified by ExactMetrics