วันที่ 25 พฤศจิกายน 2024

เกษตรกรเตรียมเฮ! “เฉลิมชัย”ซื้อขายน้ำยางข้นกับ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่จีน

People Unity News : เกษตรกรเตรียมเฮ! “เฉลิมชัย” บุกหนัก นำทัพกระทรวงเกษตรฯ พา กยท. ลงนาม MOU ซื้อขายน้ำยางข้น กับ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ และการยางแห่งประเทศไทย บุกตลาดจีน จับมือ 3 บริษัทน้ำยางข้นยักษ์ใหญ่จีน ลงนามความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางด้านธุรกิจระหว่างการยางแห่งประเทศไทย กับ 3 บริษัทน้ำยางข้นจีน ได้แก่ 1. บ. GOAMI ZHENGFENG TRADING (บ. นำเข้าน้ำยางข้น อันดับ1 ของจีน) 2. บ. NINGBO CHANGHKEN (บ.นำเข้าน้ำยางข้นจากไทยเป็นอันดับ1) 3. บ. SANGDONG XINGYU (บ. ใช้น้ำยางข้นผลิตถึงมือยางอันดับ 1 ของจีน) ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชาจีน

การลงนาม MOU ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพปริมาณการส่งออกน้ำยางข้นไปจีนได้เพิ่มขึ้นกว่า 60,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ที่ผ่านมา จีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย ซึ่งไทยส่งออกน้ำยางข้นไปจีน ปีละกว่า 420,000 ตัน (37.8% ของการส่งออกทั่วโลก) เป็นมูลค่ากว่า 15,500 ล้านบาทต่อปี

ปี 2561 อุตสาหกรรมน้ำยางข้นไทยได้รับผลกระทบอย่างมาก ไทยส่งออกน้ำยางข้นลดลง 14 เปอร์เซนต์ โดยเฉพาะตลาดจีนลดลงกว่า 23 เปอร์เซนต์ ซึ่งการลงนามในวันนี้ จะเป็นการรักษาฐานลูกค้าจากประเทศผู้ซื้อยางเดิม เพิ่มมูลค่าทางการค้าให้สินค้ายางพาราของไทย เป็นการเพิ่มช่องทางหาตลาดใหม่ๆ เพื่อสร้างเสถียรภาพราคายางให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางของไทย

“นับเป็นนิมิตหมายอันดี ในการตอกย้ำถึงคุณภาพน้ำยางข้นของไทยที่ดีที่สุดในโลกให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งฝ่ายไทยมีศักยภาพส่งออกน้ำยางคุณภาพสูง และพร้อมจะเป็นคู่ค้าที่ดีกับจีนและทุกประเทศทั่วโลก” นายเฉลิมชัยกล่าว

“มนัญญา”ขีดเส้น 3 วันส่งออก 3 สารเคมีเกษตร

People Unity News : “มนัญญา” เปิดโอกาสให้ผู้แทนจากสมาคมบริษัทผู้ส่งสารเคมีร่วมหารือเสนอข้อคิดเห็นและสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน ถึงแนวทางการดำเนินการภายหลังที่จะมีการยกเลิกการใช้ 3 สารเคมี คือ พาราควอต-ไกลโฟเซต-คลอร์ไพริฟอส

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมร่วมกับ 3 สมาคมบริษัทผู้ส่งสารเคมี ได้แก่ สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร สมาคมอารักขาพืชไทย และสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าได้เชิญสมาคมต่าง ๆ มาร่วมหารือเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน ถึงแนวทางการดำเนินการภายหลังที่จะมีการยกเลิกการใช้ 3 สารเคมี ได้แก่ พาราควอต-ไกลโฟเซต-คลอร์ไพริฟอส

นางสาวมนัญญาได้ชี้แจงในที่ประชุมว่าหากบริษัทใดมีวัตถุประสงค์ที่จะส่งออก 3 สารดังกล่าวนี้ จะสามารถดำเนินการได้ใน 3 วันทำการ และสามารถแจ้งจำนวนสต๊อกเข้ามาได้ อย่างไรก็ตาม หากคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่จะมีการประชุมในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นี้ มีมติในการใช้สารเคมี 3 ตัวนี้อย่างไร ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็พร้อมดำเนินการตามมติของที่ประชุม

“พิพัฒน์”สั่ง ททท. จัดเต็ม“อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอน”หวังสร้างรายได้ 1,000 ล้าน

People Unity News : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จับมือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และไทยแลนด์ไตรลีก เปิดตัวการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยว “วิ่งผ่าเมือง ครั้งที่ 3 ประจำปี 2563” รายการ อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก 2020 พรีเซ็นต์บายโตโยต้า” หวังบูมเศรษฐกิจสร้างกระแสท่องเที่ยวเชิงกีฬาในช่วงต้นปี 63 คาดมีนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมแข่งขัน 30,000 คน สร้างรายได้มากกว่า 900 ล้านบาท ด้านรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬาสั่งการผู้ว่าททท.เตรียมจัด “อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนซีรี่ย์ 5 รายการตลอดปี ตั้งเป้าไทยเป็นศูนย์กลางวิ่งมาราธอนของเอเชีย

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ที่โรงภาพยนตร์เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ ถนนรัชดาภิเษก นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานแถลงข่าวการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลกรายการ “อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก 2020 พรีเซ็นต์บายโตโยต้า” ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ ทั้งผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, รองปลัดกรุงเทพมหานคร, รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนภาคเอกชน, ผู้แทนชมรมวิ่ง และสื่อมวลชนที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง

รมว.ท่องเที่ยวฯ ในฐานะรองประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฯ และเป็นผู้ออกคำสั่งกระทรวงฯ ในการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขันรายการนี้ กล่าวว่า กระทรวงมีนโยบายที่ชัดเจนที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาที่มีโอกาสดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาร่วมเป็นจำนวนมากอย่างวิ่งมาราธอน, วิ่งเทรล หรือไตรกีฬา ให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักในระยะยาว โดยมีแผนการสร้างแบรนด์ระดับโลกด้วยตัวเอง ในฐานะของตัวแทนรัฐบาล จึงได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเป็นเจ้าภาพในแต่ละส่วน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและสามารถจัดการแข่งขันมาราธอนในระดับโลกได้ในที่สุด ตนคาดหวังว่าการแข่งขันรายการนี้ จะต้องจัดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี รวมทั้งจะทำให้รายการนี้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของมาราธอนที่คนทั่วโลกอยากเดินทางมาร่วมแข่งขันมากที่สุด

นอกจากนี้ รมว.ท่องเที่ยวฯ ยังได้สั่งการให้ ททท.นำรายการนี้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อจัดเป็นซีรี่ย์มาราธอนของประเทศต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2563 โดยขั้นต้นเลือก 5 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอน), จังหวัดบุรีรัมย์, จังหวัดชลบุรี, จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดราชบุรี ตั้งเป้ามีผู้ร่วมแข่งขันทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเกิน 100,000 คน เป็นคนต่างชาติ มากกว่า 15,000 คน

“ประเทศไทยของเรามีศักยภาพ มีความพร้อมที่จะจัดวิ่งมาราธอนเป็นรายการระดับ WORLD EVENT เรามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย มีการต้อนรับที่อบอุ่น ใครๆ ก็อยากมาวิ่งอยากมาเที่ยวเมืองไทย ดังนั้น ตนจะดันรายการอะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนเป็นรายการนำร่องของรัฐบาล เพื่อนาไปสู่มาราธอนซีรี่ย์ของประเทศให้ได้ในที่สุด ฉะนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน” นายพิพัฒน์กล่าว

โดยรายละเอียดของการแข่งขัน แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ประเภทมาราธอน ระยะ 42.195 กม. ประเภทฮาล์ฟมาราธอน ระยะ 21.10 กม. ประเภทระยะ 10 กม. และประเภทแฟมิลี่รัน ระยะ 5 กม. ส่วนเส้นทางการวิ่งนั้น ถือเป็นไฮไลท์สาคัญของการจัดมาราธอนในครั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ WWW.AMAZINGTHAILANDMARATHON2020.COM

แบงก์พาณิชย์หั่นดอกเบี้ยช่วยกระตุ้นคนซื้อ“บ้านในฝัน รับปีใหม่”

People Unity News : แบงก์พาณิชย์หั่นดอกเบี้ย ช่วยกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ โครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” ได้อานิสงส์ผู้ประกอบการทั่วประเทศแห่เข้าร่วมโครงการคึกคัก กระหน่ำอัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม จัดอีเว้นท์ส่งเสริมการขาย พร้อมขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ดันยอดขายโค้งสุดท้ายของปีนี้

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของกระทรวงการคลังในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2562 ภายใต้โครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน (11.11) ที่ผ่านมา โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์นำร่องเสนอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2.5% คงที่ 3 ปี

จากข้อมูลที่สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร แจ้งมาว่า โครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ ทั้งจากประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม โดยได้เข้าร่วมโครงการและจัดอีเว้นท์ตามห้างสรรพสินค้าและมีแคมเปญ ลด แลก แจก แถม ให้ราคาชนิดต่ำสุดๆ อีกทั้งหลายๆ โครงการมีการแจกทองคำหรือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด และมอบสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมายชนิดไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงพร้อมใจกันขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” ตามโครงการและสำนักงานขายทั่วประเทศ ส่งผลให้ยอดขายในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มมากขึ้นเป็นที่น่าพอใจ จากช่วงไตรมาสที่สองและสามก่อนหน้านี้ กิจกรรมและยอดขายมีไม่มากนัก โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์มีลูกค้าแวะเข้าชมโครงการอย่างต่อเนื่อง

นายชาญกฤช กล่าวอีกว่า สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ตลอดจนผู้ประกอบการรายย่อย ต่างแสดงความเชื่อมั่นว่ามาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ผ่านโครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” จะช่วยกระตุ้นยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้ และจะช่วยระบายสต๊อกคงค้างที่มีอยู่ราว 35,000 ยูนิตได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ล้วนตอบสนองนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการหั่นดอกเบี้ยเงินกู้ลง เช่น ธนาคารออมสินเปิดตัวโครงการสินเชื่อเคหะตัวใหม่ วงเงิน 25,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2.7-2.9% ต่อปี และมีเงื่อนไขพิเศษเพิ่มเติมอีก ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป โดยเป้าสินเชื่อทั้งปี 2562 ของธนาคารออมสิน มีทั้งสิ้น 7 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่มกราคมถึงตุลาคม ปล่อยไปแล้ว 38,000 ล้านบาท

ธนาคารธนชาตจับมือพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค กระตุ้นตลาดส่งท้ายปี จัดข้อเสนอพิเศษร่วมแคมเปญ House & Condo of The Year 2019 ให้ดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี นาน 3 ปี และให้ผ่อนต่ำเพียงล้านละ 3,000 บาท สำหรับลูกค้าบ้านเดี่ยว ชูจุดแข็งให้วงเงินกู้สูงสุด 100% อนุมัติไว ธนาคารกสิกรไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ลง 0.25% จากปัจจุบันที่ 6.25% เป็น 6.00% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่กลุ่มลูกค้าของธนาคารใช้เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับลูกค้านิติบุคคลลง 0.07%-0.25% ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป

“จุรินทร์” จับคู่ธุรกิจสินค้าผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปมูลค่าเกือบ 7,000 ล้าน

People Unity News : “จุรินทร์” รุกหนักนำกระทรวงพาณิชย์ลุยจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป มูลค่าเกือบ 7,000 ล้าน

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562 เวลา 9.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา ลาดพร้าว นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานสักขีพยาน การทำข้อตกลง MOU ในงานการจับคู่ธุรกิจ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกและใช้เวทีการเจรจาการค้าโครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป เบื้องต้นมูลค่าการเจรจาจากการจัดโครงการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป คิดเป็นจำนวน 232.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 6,980 ล้านบาท

แบ่งเป็น 1.มูลค่าการเจรจาจากการลงนาม MOU ระหว่างบริษัทไทย และคู่ค้าต่างประเทศได้แก่ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ จีน และอินเดีย จำนวน 14 ฉบับ มูลค่าการซื้อขายคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 138.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 4,160 ล้านบาท ประกอบด้วย สินค้าข้าว (ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวหอม ข้าวขาว ข้าวเหนียว) ปริมาณรวม 145,000 ตัน ภายในหนึ่งปี สินค้าผลไม้อบแห้ง มะพร้าวอบแห้ง มะม่วงอบแห้ง 500 ตู้ ภายในห้าปี สินค้ามะขามหวาน 20 ตู้ ภายในหนึ่งปี การลงนาม MOU ข้อตกลงซื้อขายสินค้าเกษตรระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับ Bigbasket.com (บริษัท Supermarket Grocery Supplies Pvt. Ltd.) 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ 150 ล้านบาท) ภายในสองปี และมูลค่าคาดการณ์การค้าภายในงานเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) คิดเป็นจำนวน 94 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2,820 ล้านบาท

หลังจากนั้นในช่วงการเป็นประธานเปิดโครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป นายจุรินทร์ กล่าวว่า  วันนี้ถือว่าเป็นวันพิเศษอีกวันหนึ่งของประเทศไทยที่กระทรวงพาณิชย์ได้มีโอกาสจัดให้มีการพบปะกันระหว่างผู้ส่งออกของไทยและผู้นำเข้าจากประเทศต่างๆที่มาจากทั้งประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อาเซียน ตะวันออกกลาง สหภาพยุโรป อเมริกา และแอฟริกา รวมทั้งสิ้น 176 บริษัท ขณะเดียวกันก็มีบริษัทจากประเทศไทยที่เป็นผู้ส่งออกมารวมกันอยู่ในที่นี้รวมทั้งสิ้น 150 บริษัท เพื่อเจรจาทำธุรกิจกัน ก่อให้เกิดการซื้อขายระหว่างกันที่สามารถคำนวณเป็นตัวเลขส่งออกของประเทศไทยได้ในทันที

“โดยสินค้าที่จะนำมาใช้ในการเจรจาซื้อขายกันในที่ประชุมแห่งนี้ประกอบด้วยสินค้าทั้งหมด 5 หมวด ซึ่งจะมุ่งเน้นสินค้าทางการเกษตร และสินค้าเกษตรแปรรูป ประกอบด้วยยางพารา มันสำปะหลัง ข้าว ผลไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมการค้าระหว่างประเทศ ที่ได้จัดให้มีการเจรจาพบปะระหว่างผู้นำเข้าและผู้ประกอบการไทยที่เกิดขึ้นในวันนี้ ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับผู้ส่งออกไทยที่จะช่วยกันนำตัวเลขการส่งออกให้กับประเทศไทยได้ต่อไป” นายจุรินทร์ กล่าว

โฆษณา

“มนัญญา” เยี่ยมชมศูนย์เทคโนโลยีผลิตบรรจุภัณฑ์ในจีน

People Unity News :  “มนัญญา”รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะเยี่ยมชมศูนย์เทคโนโลยีผลิตบรรจุภัณฑ์ในจีน

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร เดินทางเยี่ยมชมศูนย์เทคโนโลยีผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มของบริษัท SIG (SIG AP Tech Center) ณ เมือง Suzhou สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค มีการนำเสนอและสาธิตถึงศักยภาพของเทคโนโลยีเครื่องจักรบรรจุนมระบบ UHT แบบ High speed ทันสมัย และมีความหลากหลายคุณลักษณะในการผลิตผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด รวมถึงมีห้องปฏิบัติการที่ให้บริการตรวจสอบคุณภาพของกล่องกระดาษและผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ทันสมัยตลอดกระบวนการผลิต เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีรูปลักษณ์ที่ได้รับการออกแบบให้น่าสนใจต่อผู้บริโภค และผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มมีคุณภาพที่ดี

โฆษณา

“จุรินทร์”ทำยอดอีก 2,400 ล้านที่เยอรมนี ขายผลิตภัณฑ์ยาง

People Unity News : “จุรินทร์”ทำยอดอีก 2,400 ล้านที่เยอรมนี ขายผลิตภัณฑ์ยาง ถุงมือยางทางการแพทย์ เครื่องดื่ม อาหารพร้อมประกาศลุยตลาดยุโรปต่อเนื่อง

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เยือนประเทศเยอรมนี โดยช่วงเช้า เวลา 9.30 – 10.00 น. เป็นประธานและสักขีพยานการลงนาม MOU ระหว่างนักธุรกิจไทยและเยอรมนี (ข้าวและเครื่องดื่ม) ณ โรงแรม Hyatt Regency Dusseldorf ผู้ส่งออกไทย บริษัท ยูนิเวอร์แซลไรซ์ จำกัด กับ บริษัท Kreyenhop & Kluge GmbH & Co. KG และผู้ส่งออกไทย บริษัท Boonrawd Trading International Co.,Ltd กับ บริษัท Kreyenhop & Kluge GmbH & Co. KG

ภายหลังการลงนาม นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้นำกระทรวงพาณิชย์และการยางแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนมาเยือนประเทศเยอรมันนีเที่ยวนี้ มีกิจกรรมหลัก 3 เรื่องด้วยกันเรื่องที่หนึ่งการยางแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนมาเจรจาขายยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางสองก็คือพระเอกชนมาร่วมงานเมดิก้า Mecida 2019 ซึ่งเป็นงานที่เยอรมันจัดงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวกับการแพทย์และการดูแลสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลกติดต่อกันมาหลายปี กิจกรรมที่สามก็คือการยางพาภาคเอกชนไทยและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไปส่งเสริมการขายสินค้าไทยในห้างค้าส่งรายใหญ่ของเยอรมันคือห้าง METRO ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วประเทศใน 760 สาขาด้วยกันซึ่งสินค้าส่วนใหญ่คือสินค้าอาหาร อาหารสำเร็จรูป สำหรับการนำการยางและภาคเอกชน มาขายสินค้าทางการเกษตรนั้นปรากฏ ผลคือวันนี้ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจหรือ MOU ในการขายข้าวถุง และขายข้าวสารถุง จำนวน 6000 ตันให้กับภาคเอกชนของเยอรมัน มูลค่า 250 ล้านบาทโดยประมาณ และสองก็คือขายเครื่องดื่มให้กับภาคเอกชนประมาณ 40 ล้านบาทและผลิตภัณฑ์ยางนั้นสามารถทำยอดขายรวมกันเป็นถุงมือยางเพื่อการแพทย์ 2000 ล้านบาทโดยประมาณและสินค้าอื่นๆในงาน MEDICA คาดการณ์ว่าจะทำยอดปีนี้ที่มาร่วมงานประมาณ 150 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งหมดเป็น 2400 ล้านบาท สำหรับการเดินทางมาเยี่ยมเยอรมันครั้งนี้

สำหรับงาน MEDICA นั้นมีภาคเอกชนไทยมาร่วมงานทั้งหมด 16 บริษัทด้วยกัน สินค้าที่นำมาเจรจาในเรื่องของการขายประกอบด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมือทางด้านการดูแลสุขภาพการกายภาพบำบัด อุปกรณ์ที่ใช้ในกระดูก อุปกรณ์ไฟฟ้าทางการแพทย์และของที่ใช้แล้วทิ้งทางการแพทย์ เป็นต้นที่การยางแห่งประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นตลาดใหม่สำหรับการยางเพราะฉะนั้นการยางก็ได้มีการนัดผู้นำเข้าของเยอรมันเจรจาแต่ว่ายังต้องใช้เวลาในการนับหนึ่งแต่เชื่อว่าการยางจะสามารถที่จะขายยางได้เยอะทีเดียว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า อยากจะเรียนให้ทราบเพิ่มเติมสำหรับการเปิดตลาดในเยอรมันและสหภาพยุโรปโดยเยอรมันถือว่าเป็นผู้นำประเทศหนึ่ง ในสหภาพยุโรป เราได้มีการเตรียมการในการบุกตลาดสหภาพยุโรปในหลายเรื่องด้วยกันเรื่องที่หนึ่งคือเริ่มต้นที่จะทำเอฟทีเอระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ผมได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าได้เริ่มต้นแล้วและถ้าการเจรจามีความคืบหน้าจะทำให้เร็วที่สุดเพราะจะมีผลช่วยให้การค้าระหว่างสหภาพยุโรปกับเรามีมูลค่าเพิ่มขึ้น และเราได้รับสิทธิในการส่งสินค้าบางอย่างที่ยังมีกำแพงภาษีจากสหภาพยุโรปที่ทำให้เราสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันในเรื่องภาษีนำเข้าบางตัวเช่นถุงมือยางเพื่อการแพทย์สำหรับตลาดสหภาพยุโรปรวมทั้งเยอรมันประเทศไทยต้องเสียภาษีนำเข้า 2.3% ขณะที่คู่แข่งสำคัญของเราคือมาเลเซียไม่ต้องเสียภาษีเพราะเขาได้สิทธิ์จีเอสพีซึ่งจะได้ไปจนถึงปีหน้าถ้าเราสามารถที่จะทำเอฟทีเอร่วมกันภาษีก็จะเป็นศูนย์ทำให้เราสามารถแข่งขันกับมาเลเซียได้คือสิ่งที่เราต้องเร่งรัดเอฟพีเอไทยกับอียูนอกจากนั้นสินค้าที่เราจะส่งไปยังสหภาพยุโรปต้องเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานสูงเช่นมีเงื่อนไขด้านความยั่งยืน สิ่งแวดล้อมมาตรฐานอียูและ food safety เหล่านี้เป็นต้น

“ผู้ที่จะส่งสินค้ามาที่สภาพยุโรปต้องเป็นผู้ผลิตไทยที่ได้มาตรฐานและเป็นไปตามเงื่อนไขของอียูผมมั่นใจว่าประเทศของเราพัฒนาไปเยอะมากเรื่องการขายเหล่านี้ซึ่งเป็นข้อจำกัดบางเรื่องแต่เราสามารถที่จะบรรลุเงื่อนไขเหล่านี้ได้เพื่อให้เข้ามาแข่งขันในตลาดเหล่านี้ได้สำหรับตลาดที่ตั้งเป้าจะเข้ามาขยายในเยอรมันกับสหภาพยุโรปก็คืออย่างเรื่องผลิตภัณฑ์ยางและเรื่องข้าวโดยเฉพาะข้าวออแกนิกซ์ ซึ่งเป็นที่นิยมและไบโอพลาสติก อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง เช่นไก่แช่แข็ง เป็นต้น รวมทั้งในเรื่องของ startup ซึ่งเรามีศักยภาพเช่นในเรื่องของอนิเมชั่นภาพยนตร์สามารถที่จะมาทำความร่วมมือกับเยอรมันสหภาพยุโรปเพื่อเป็นแหล่งผลิตอนิเมชั่นบางส่วนให้กับเขาได้และที่สำคัญคือธุรกิจบริการร้านอาหารไทย สปา ก็เป็นธุรกิจบริการที่มีอนาคตสำหรับประเทศไทยในตลาดเยอรมันและตลาดสหภาพยุโรปรวมทั้งการที่เราจะต้องนำภาคเอกชนมาร่วมงานแสดงสินค้าในหลายภาคส่วนทั้งการแพทย์อาหารอื่นๆที่ ที่เค้าจัดเป็นประจำทุกปีนำผู้นำเข้าจากทั่วโลกมาที่นี่” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ทั้งนี้ทำให้ยอดขายมีความชัดเจน 2400 ล้านบาทเฉพาะทริปเดียวที่มาอย่างอื่นคือเรื่องปูทางอนาคตเช่นการยางแห่งประเทศไทยซึ่งวันนี้นัดผู้นำเข้ารายใหญ่สองรายซึ่งมีความคืบหน้าอย่างไรทางการยางก็จะรายงานให้ผมทราบในเรื่องเพื่อการเกษตรข้าวมันสำปะหลังยางพารารวมทั้งอาหารถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะเป็นเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ถ้ามียอดส่งออกเยอะก็จะมีผลเกื้อกูลไปถึงเกษตรกรที่อยู่ในระดับฐานรากด้วยจึงเป็นเป้าหมายสำคัญ

อย่างในอนาคตสำหรับในปัจจุบันทำแล้วบางส่วนอนาคตต้องให้ความสำคัญยิ่งขึ้นคือการเพิ่มมูลค่าเราจะไม่เน้นเฉพาะการส่งยางดิบในรูปของยางแผ่นรมควันหรือรูปน้ำอย่างคนรูปยางแท่งเท่านั้นแต่ว่าหัวใจสำคัญที่เป็นนโยบายถัดจากนี้ไปที่ต้องช่วยกันทุกวิถีทางคือในเรื่องของผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปที่มีการเพิ่มมูลราคาโดยเฉพาะอย่างยิ่งถุงมือยางเพื่อการแพทย์อันนี้ยังมีตลาดในโลกที่ใหญ่มากถ้าเราแก้ปัญหาในเรื่องภาษีนำเข้าของประเทศนั้นนั้นให้เท่าเทียมกับคู่แข่งเราได้เราก็จะมีอนาคตและทำตัวเลขนำเข้าประเทศได้เยอะรวมทั้งหมอนยางพาราอันนี้ถือว่ามีอนาคตและมีมุระค่าเพิ่มเยอะมากสูงมากและมีตลาดหลายประเทศจะสามารถไปทำตลาดได้ทั้งในส่วนของตลาดยุโรปโดยเฉพาะตลาดจีนเป็นที่นิยมมากผมคิดว่าในอนาคตอันใกล้เราอ่ะต้องไปบุกจีนอีกรอบหนึ่งเพื่อทำตลาดเรื่องหมอยางพาราโดยเฉพาะคิดว่าคนจีนมีจำนวนเยอะมากคนละใบก็จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถถ่ายยังได้อีกเยอะมากบอกอยากได้เป็นนับไม่ถ้วนมาตุรกีเที่ยวนี้ 20,000,000 ใบที่เราทำ MOU ไป

ผู้สูงวัยเฮ! คลังแก้ลงทะเบียน“ชิมช้อปใช้ เฟส 3”-“อุตตม”รับไม่คึก

People Unity News : ลุงป้าที่ติดปัญหาลงทะเบียน “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” ไม่สำเร็จ ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ประสาน ธนาคารกรุงไทย จัดเจ้าหน้าที่ประจำสาขาทั่วประเทศ ช่วยให้คำแนะนำเพื่อให้การลงทะเบียน “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” “อุตตม”ยอมรับไม่คึกคัก ทำใจจีดีพีปีนี้วืดเป้าหมาย

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้เปิดให้มีการลงทะเบียน “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” สำหรับผู้สูงอายุ (60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป) โดยมีการจำกัดสิทธิ์ที่ 500,000 คน ซึ่งได้เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.62 ที่ผ่านมา พบว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการลงทะเบียน ทำให้ลงทะเบียนไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงได้ประสานไปยังธนาคารกรุงไทย เพื่อให้สั่งการไปยังสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ จัดเจ้าหน้าที่ไว้คอยอำนวยความสะดวกและแนะนำขั้นตอนการลงทะเบียนแก่ผู้สูงอายุ ซึ่งมั่นใจว่าหลังจากนี้ปัญหาดังกล่าวจะหมดไป

การกันสิทธิ์ไว้ให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นอีกหนึ่งกลุ่มผู้บริโภคที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและกระจายเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจฐานรากได้เป็นอย่างดี ข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ไทยได้เริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว และกำลังเข้าสู่ระดับสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2565 เม็ดเงินที่หมุนเวียนในตลาดสินค้าและบริการเพื่อผู้สูงอายุปัจจุบันน่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 900,000 ล้านบาทต่อปี ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเฉลี่ยของผู้สูงอายุราว 9,000–10,000 บาทต่อเดือน สินค้าและบริการที่รองรับกลุ่มผู้สูงวัยมีหลากหลายและเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าด้านการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สถานบริการผู้สูงวัย ธุรกิจบริการรถเช่า ธุรกิจทัวร์ รวมถึงกลุ่ม Delivery เป็นต้น

นายชาญกฤช กล่าวว่า จากพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของผู้สูงอายุคนไทยพบว่า มีการใช้จ่ายเพื่ออาหาร การออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านในโอกาสพิเศษ ใช้เงินเพื่อการผ่อนคลาย และเพื่อการท่องเที่ยวในสัดส่วนที่สูง ทั้งนี้อยากให้ผู้สูงอายุลงทะเบียนเข้ารับสิทธิ์ในโครงการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” ครบ 500,000 คน เพื่อท่องเที่ยวร่วมกันกับบุตรหลาน ซึ่งหากผู้สูงอายุใช้เงินเพื่อการท่องเที่ยว 10,000 บาทต่อคน คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศและกระจายลงสู่เศรษฐกิจฐานรากราว 5,000 ล้านบาท

สำหรับตัวเลขการลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ยังเหลือสิทธิ์ จำนวน 409,825 สิทธิ์ ทั้งนี้โครงการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” จะไม่แจกเงิน 1,000 บาท ในประเป๋าที่ 1 (G-wellet 1) แต่จะเน้นให้ประชาชนใช้จ่ายเงินตัวเองผ่านกระเป๋า 2 (G-wellet 2) เพื่อรับสิทธิ์เงินคืน (Cash back) 15% เมื่อใช้จ่ายเงินไม่เกิน 30,000 บาท (เงินคืนไม่เกิน 4,500 บาท) และรับสิทธิ์เงินคืน (Cash back) 20% เมื่อใช้จ่ายเงินมากกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท (เงินคืนไม่เกิน 4,000 บาท) รวมเงินคืนสูงสุดไม่เกิน 8,500 บาท โดยสามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ทุกจังหวัด รวมทั้งจังหวัดตามทะเบียนบ้าน จนถึง 31 ม.ค.63 พร้อมรับ 1 สิทธิ์ทุกการใช้จ่าย 1,000 บาท เพื่อลุ้นจับรางวัลทองคำทุกสัปดาห์อีกด้วย

“อุตตม”ยอมรับเฟส3 ชิมช้อปใช้ไม่คึกคัก

ขณะที่นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวยอมรับว่า มาตรการชิมช้อปใช้เฟสที่ 3 ไม่คึกคัดเท่ากับเฟส 1 และ 2 แต่เท่าที่ประเมินเสียงตอบรับก็พอใช้ได้ อย่างไรก็ดี ถือว่า เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ เพราะเฟส 3 เป็นมาตรการที่ต่อยอดจากเฟส 1 และ 2

“ต้องเรียนว่า เท่าที่ทราบ เสียงตอบรับก็ใช้ได้ แต่แตกต่างจากเฟสแรก ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะว่า เราวางแผนแต่ต้นว่า เฟส 3 เป็นการขยายต่อยอดเฟส 1 และ 2 การที่มาตรการนี้จะเป็นอย่างไร ก็ติดตามภาพรวม อย่าดูเป็นเฟสๆ อันนั้น ไม่ใช่ความตั้งใจ แต่ที่ตั้งใจ คือ ทำออกมาแล้วต้องส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ”

นายอุตตมกล่าวย้ำว่า ให้การดำเนินการของมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 3 เดินหน้าต่อไป อย่าไปคิดว่า ไม่ประสบสำเร็จ ต้องให้โอกาสดำเนินการ อะไรที่สมควรปรับก็ปรับไป มองต่อเนื่อง อย่าเพิ่งไปตกใจกับแต่ละจุด เหมือนตอนที่เราเริ่มเฟส 1 ก็บอกว่า จะติด แต่เราก็มาได้

ทำใจจีดีพีปีนี้วืดเป้าหมาย

นายอุตตม กล่าวด้วยว่า การประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปี 2562 ของ สศช. ที่ระบุว่าไตรมาส 3 ขยายตัวที่ 2.4% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2 ขยายตัวได้ 2.3% ถือว่าเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ทำให้การส่งออกขยายตัวลดลงอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้ออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการมาตั้งแต่ไตรมาส 3/2562 ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ หากสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมยังเป็นเช่นนี้ ก็ต้องยอมรับว่าเป้าหมายจีดีพีในปีนี้จะเติบโตได้ตามระดับที่ สศช. ประเมิน ที่ 2.6% ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ 2.8%

“ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ติดตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมอย่างใกล้ชิด หากมีความจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มก็ยังมีเวลา เหลืออีก 1 เดือนครึ่ง เพื่อดำเนินการไม่ให้เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่า 2.6% ตามที่ สศช. กังวลว่าหากรัฐบาลไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใด ๆ เพิ่มอีกจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามกว่าที่ประเมินไว้” นายอุตตม กล่าว

นายอุตตม กล่าวอีกว่า ล่าสุดกระทรวงการคลังได้เร่งรัดเม็ดเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เป็นไปได้ตามแผน ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในไตรมาส 4/2562 เข้ามาเพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท ตรงนี้จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น

สำหรับความกังวลของภาคอุตสาหกรรมที่มีการปิดโรงงานในช่วงที่ผ่านมานั้น ตามข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีการเปิดโรงงานมากกว่าการปิด ถึงแม้จะมีการลดกำลังการผลิตลง แต่เม็ดเงินลงทุนของภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับสูงถึง 4.3 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของช่วงที่ผ่านมา 36.3% ปัจจัยนี้จะเป็นอีกตัวช่วยในการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า

ขณะที่การบริโภค พบว่า ยังอยู่ในระดับทรงตัว โดยหากดูจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ในประเทศยังขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนมาตรการชิมช้อปใช้ ระยะที่ 3 หลังจากเปิดให้ลงทะเบียนพบว่าไม่ได้รับความนิยมเหมือนระยะก่อนหน้า ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะมาตรการในระยะที่ 3 เป็นการขยายผล และต่อยอด จึงอยากให้มองในภาพรวมของมาตรการชิมช้อปใช้ทั้งหมดทุกระยะ ว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังติดตามและประเมินอยู่

รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการหารือเพื่อติดตามเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ได้มีการพูดคุยถึงกรอบการทำงานเพื่อดูแลเศรษฐกิจ โดยนโยบายเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย เป็นหน้าที่ของ ธปท. จะตัดสินใจ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า การปิดโรงงานอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมา เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์เป็นหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท จากระดับ 33 บาท มาเป็น 30 บาท หรือแข็งค่าขึ้นประมาณ 10% ซึ่งมองว่า ธปท. จำเป็นต้องดูแลเรื่องค่าเงินบาทมากกว่านี้ เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมรถยนต์กลับมาเติบโตได้เป็นปกติเหมือนที่ผ่านมา

“เฉลิมชัย”บุกจีน! เร่งเจรจาสร้างความมั่นใจบริษัทนำเข้ายางพาราจากไทย

People Unity News : “เฉลิมชัย”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะบุกจีน เร่งเจรจาตอกย้ำความมั่นใจบริษัทที่นำเข้ายางพาราจากไทย

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า นำคณะเข้าพบหารือผู้บริหารบริษัทชิโนเคม กรุ๊ป ที่นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับฝ่ายจีนว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายในการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรทุกชนิด โดยเฉพาะยางพารา โดยฝ่ายไทยยินดีให้การสนับสนุน รวมทั้งจะมีมาตรการต่างๆ ที่จะอำนวยความสะดวกให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะการลงทุนในเรื่องยางพารา ทั้งนี้ ขอขอบคุณ บ. Sino- Chem International ที่มีความร่วมมือกับการยางแห่งประเทศไทยใกล้ชิดมาโดยตลอด

บริษัทชิโนเคม กรุ๊ป มีแผนดำเนินการเข้าไปลงทุนธุรกิจยางพารา ณ จังหวัดระยอง ซึ่งได้ขอขอบคุณรัฐบาลไทย ที่แสดงความจริงใจในการให้การสนับสนุน ดูแล และพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรโดยเฉพาะยาวพารา โดยยืนยันว่า การหารือกันในวันนี้ ถือเป็นนิมิตหมายอันดี ของความร่วมมือในการลงทุนซื้อยางพาราของไทยที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน

ไทยและจีนพร้อมลดปัญหา อุปสรรคในการซื้อขายยางพาราระหว่างกัน โดยคาดว่า ทั้งสองฝ่ายจะทบทวนหลักการและเงื่อนไขของสัญญาใหม่เพื่อให้การส่งมอบเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปีหน้านี้

“จุรินทร์”ลุยต่อ”เยอรมนี” ขายข้าวเครื่องดื่ม ถุงมือยาง

People Unity News : “จุรินทร์”ลุยต่อ”เยอรมนี” ขายข้าวเครื่องดื่ม ถุงมือยาง ผลิตภัณฑ์ยางทางการแพทย์กับเภสัชกรรม หลอดและท่อ

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นายจุรินทร์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดการเดินทางเยือนเยอรมนี โดยเวลา 9.30 – 10.00 น. เป็นสักชีพยานการลงนาม MOU ระหว่างนักธุรกิจไทยและเยอรมนี (ข้าวและเครื่องดื่ม) ณ โรงแรม Hyatt Regency Dusseldorf
1 ผู้ส่งออกไทย บริษัท ยูนิเวอร์แซลไรซ์ จำกัด กับ บริษัท Kreyenhop & Kluge GmbH & Co. KG
2 ผู้ส่งออกไทย บริษัท Boonrawd Trading International Co.,Ltd กับ บริษัท Kreyenhop & Kluge GmbH & Co. KG

เวลา 11.00 – 11.30 น. เข้าร่วมกิจกรรมสาธิตการปรุงอาหารไทย ร่วมกับเชฟไทย ณ ห้าง METRO Deutschland GmbH ซึ่งปัจจุบันห้าง Metro เป็นบริษัทค้าส่งรายใหญ่อันดับต้นๆ ของเยอรมนี มีสาขาทั้งสิ้น 760 สาขา และมีพนักงานทั้งสิ้น 152,426 คน ในปีที่ผ่านมามีผลประกอบการทั้ง 36,534 ล้านยูโร

เวลา 14.30 น. เข้าร่วมงานแสดงสินค้า Medica 2019 และเยี่ยมชมคูหาผู้ประกอบการไทย โดยงานแสดงสินค้า Medica 2019 ครั้งที่ 50 จัดโดย Messe Dusseldorf GmbH ในระหว่างวันที่18-21 พฤศจิกายน มีพื้นที่จัดแสดงสินค้าทั้งหมด 17 อาคาร รวมพื้นที่ 112,242 ตร.ม. มีผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าจำนวน 5,286 บริษัท จาก 71 ประเทศทั่วโลก และมีผู้เข้าเยี่ยมชมงานรวมจำนวน 120,116 คน ซึ่งเป็นโอกาสอันดีของผู้ประกอบการไทยในการพบและเจรจาธุรกิจ พร้อมแสวงหาลู่ทางทางการค้ากับผู้ซื้อและผู้นำเข้ารายใหญ่จากทั่วโลก

และในงานนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้นำผู้ส่งออกไทยเข้าร่วมทั้งสิ้น 15 บริษัท มีพื้นที่เข้าร่วมงานแสดงสินค้าทั้งหมด 114 ตารางเมตร โดยสินค้าที่นำมาแสดง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยางทางการแพทย์และเภสัชกรรม ถุงมือยาง หลอดและท่อ เป็นต้น

Verified by ExactMetrics